Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1903
เบาเกินไป!
ด่านวิบากแก่นแท้เป็นขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านระหว่างขั้นแก่นแท้ดับสูญและขั้นวิบากดับสูญ มันแตกต่างจากทัณฑ์สวรรค์ที่ใช้เพียงก่อกำเนิดสายฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่มันกลับใช้วิธีพิเศษเพื่อทำให้เซียนคนนั้นแตกดับไปทีละครั้ง
หากไม่สามารถผ่านด่านวิบากแก่นแท้ได้จะต้องตาย เซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญหลายคนหวาดกลัวด่านวิบากแก่นแท้ หลายคนจึงอยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญแทนที่จะเผชิญกับความน่ากลัวของวิบากแก่นแท้!
เช่นเดียวกับปรมาจารย์เต๋าความฝันที่อยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลายมาเป็นเวลายาวนานและยังไม่ก้าวเข้าสู่ด่านวิบากแก่นแท้
เมื่อเข้าสู่ด่านวิบากแก่นแท้ มันเหมือนการเผชิญกับสถานการณ์เป็นตายถึงเก้าครั้ง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าแบบนี้ เซียนขั้นวิบากแก่นแท้ส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาหลายพันปีหรือนานกว่านี้ในการผ่านแต่ละด่าน
พวกเขาไม่มั่นใจมากพอในการผ่านด่านทั้งเก้าในรอบเดียว เมื่อใดก็ตามเหมือนกำลังรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังแย่ พวกเขาก็จะฝืนหยุดมันและไม่มองหาโอกาสของตัวเองภายในด่านวิบากแก่นแท้!
ด่านวิบากแก่นแท้เป็นทั้งหายนะแต่ก็เป็นโชควาสนาเช่นกัน
หากผ่านสามด่านในรอบเดียว วิญญาณดั้งเดิมจะเพิ่มขนาดขึ้นเป็นสองเท่า คนที่สามารถผ่านหกด่านในรอบเดียวจะทำให้วิญญาณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นสามเท่า ส่วนคนที่ผ่านทั้งหมดเก้าด่านในรอบเดียวคงจะทำให้วิญญาณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นหลายเท่า! ส่วนจะได้มากแค่ไหนไม่มีใครรู้ เพราะมีเพียงสองคนที่เคยทำได้และทั้งคู่ก็ได้เป็นมหาชั้นฟ้าในเวลาต่อมา
หากพวกเขาไม่เปิดเผยก็จะไม่มีใครรู้ กระนั้นนี่แสดงให้เห็นว่ามันอันตรายแค่ไหน ลือกันว่าสองมหาชั้นฟ้าก็ยังบาดเจ็บสาหัสหลังจากผ่านด่านวิบากแก่นแท้ทั้งเก้ามาได้และต้องปิดด่านบ่มเพาะอย่างยาวนาน
หากเซียนธรรมดาสามารถผ่านด่านวิบากแก่นแท้ได้หกด่านในรอบเดียว เขาก็จะกลายเป็นเซียนที่ทรงพลังยิ่งในขั้นวิบากดับสูญระดับต้น หากไม่นำสมบัติมาเทียบ พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางได้และไม่เพลี่ยงพล้ำ!
แต่ก็นับว่าหายากมากที่จะมีคนโชคดีเช่นนี้ การผ่านเก้าด่านในรอบเดียวและการผ่านเก้าด่านด้วยเวลาหลายพันปีนับเป็นความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
วิบากแก่นแท้นั้นประหลาดยิ่ง คนนอกไม่สามารถช่วยได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเองเท่านั้น
ตู้ฉิงผ่านได้หลายด่าน แต่เขาผ่านมันทีละด่านซึ่งจะยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อาจติดอยู่ตรงนี้ไปทั้งชีวิตแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหวัง เขายังมีเวลาเตรียมตัว ถึงจะไม่มากแต่ก็ดีกว่าการผ่านทั้งหมดในครั้งเดียว
แต่ในเวลาต่อมา ยิ่งมีการทดสอบแห่งความเป็นความตายเข้ามาเรื่อยๆ มันจะยิ่งกลายเป็นฝันร้ายของทุกคน เมื่อเข้าสู่ด่านวิบากแก่นแท้ไปแล้ว แม้ไม่ต้องการผ่านด่านต่อไปก็ยังต้องไปต่อ นั่นจะกลายเป็นสัญญาณแห่งความตาย
บนแผ่นดินเซียนดารา มีคนคำนวณตัวเลขเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้ตรงนักก็ตามที วิบากแก่นแท้ด่านแรกมีโอกาสตายหนึ่งในสิบส่วน ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงด่านที่เก้าซึ่งมีโอกาสตายถึงเก้าในสิบส่วน
อ้างอิงจากข้อมูลนี้ การผ่านด่านวิบากแก่นแท้เก้าด่านในครั้งเดียวไม่เพียงแต่ต้องการความแข็งแกร่งเท่านั้น มันยังต้องใช้โชคอย่างมหาศาล
หวังหลินยืนอยู่ในส่วนลึกของอารามแมงป่องด้วยความสงบนิ่ง สองเท้าก้าวออกมาและเลือนหายไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่บนยอดของหางแมงป่อง
เรือนผมสีขาวพริ้วสะบัดราวกับกำลังทะยานไปพร้อมสายลม เขายืนรอการมาถึงของด่านวิบากแก่นแท้ตรงนั้น
‘วิบากแก่นแท้ มันจะมาได้อย่างไร? ข้ากำลังค้นหามันอยู่…’ แววตาหวังหลินเปล่งประกายขึ้นมา เขามั่นใจในการเผชิญหน้ากับวิบากแก่นแท้!
ระดับบ่มเพาะโคจรรวดเร็วยิ่งขึ้นจนกระทั่งร่างกายเปล่งกลิ่นอายขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับสูงสุด กลิ่นอายนี้รวบรวมในร่างกายจนระเบิดออกมาราวกับพายุและยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า กลิ่นอายคล้ายกับผสานกับสรวงสวรรค์และก่อตัวเป็นพายุอันน่าตกตะลึง!
พายุได้ก่อเกิดแรงกดดันที่มองไม่เห็นและกวาดใส่หวังหลินที่อยู่ตรงกลาง มันปกคลุมพื้นที่รัศมีหลายร้อยลี้และแผ่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในพื้นที่หลายร้อยลี้เหล่านี้ สิ่งมีชีวิตทุกตัวถึงกับต้องล่าถอยจากแรงกดดัน พวกมันไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้ามาข้างในได้แม้แต่ครึ่งก้าว!
นี่คือด่านวิบากแก่นแท้ เมื่อเซียนคนใดตัดสินใจจะผ่านด่านวิบากแก่นแท้ จะไม่มีใครรอบด้านให้ความช่วยเหลือได้!
แรงกดดันแผ่กระจายอย่างต่อเนื่องจนมาถึงหลายพันลี้ มันเข้าใกล้เหล่าเซียนหลายสิบคนหรือไม่ก็กลุ่มเซียนแคว้นมารเขียวที่มาดูการฟื้นคืนชีพของแมงป่องมารเขียว
แต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้ใช้สัมผัสวิญญาณจึงไม่รู้ว่ามีคนกำลังจะผ่านด่านวิบากแก่นแท้!!
“วิบากแก่นแท้?!! นี่…แรงกดดันของวิบากแก่นแท้ปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร!?”
“เป็นไปได้ว่าระดับบ่มเพาะของท่านมารเขียวตกลงมาหลังจากการฟื้นคืนชีพ และเพื่อฟื้นตัวจึงต้องผ่านด่านวิบากแก่นแท้?”
“ท่านมารเขียวถูกบรรพชนเทพผนึกด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าระดับบ่มเพาะของเขาสูงยิ่ง แต่เขาถูกผนึกมานานเกินไปและบางทีระดับบ่มเพาะคงตกลงไปอย่างมาก…”
เซียนมากกว่าสิบคนจากแคว้นมารเขียวล้วนมีความคิดเป็นของตัวเองและล่าถอยจากแรงกดดัน พวกเขามองไปทางอารามแต่ไม่สามารถใช้สัมผัสวิญญาณเข้าไปลึกได้ จึงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน
ขณะที่แรงกดดันแผ่กระจายออกมาหลายพันลี้ หวังหลินยืนอยู่ตรงหางแมงป่องและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาเห็นเกล็ดหิมะปรากฏออกมา
เกล็ดหิมะเป็นสีขาว ไม่นานมันจึงปกคลุมท้องฟ้า กลายเป็นม่านห่อหุ้มทั่วบริเวณ
‘หิมะ?’ หวังหลินมองเข้าไป
หิมะจับจองพื้นที่ทั่วทุกแห่งและกลายเป็นสิ่งเดียวที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าหลายพันลี้ ขณะที่มันตกลงมา กลิ่นอายเย็นเฉียบแผ่กระจายและมีหิมะปกคลุมพื้นอย่างหนาแน่น
ทันทีที่หิมะปรากฏขึ้นมา เหล่าเซียนนับสิบจากแคว้นมารเขียวจึงรู้สึกหนาวเหน็บ หลายคนเห็นเกล็ดหิมะกำลังลอยอยู่ข้างใน!
“ด่านวิบากแก่นแท้แรกคือหิมะ! นี่ช่างหายาก…”
“ทั้งหมดมีเก้าวิบากแก่นแท้ สามด่านแรกคือพลังภายนอก สามด่านถัดมาคือพลังภายใน และสามด่านสุดท้ายคือวิญญาณ!”
“มาดูกันว่าท่านมารเขียวจะผ่านวิบากแก่นแท้ด่านหิมะนี้ได้อย่างไร!”
หวังหลินมองหิมะด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาไม่ได้ลงมือทันทีแต่เฝ้าดูหิมะให้ตกลงมา
มันหนาแน่นมากขึ้นและหนาวเย็นมากขึ้น ไม่นานจากนั้นหิมะก็ได้รวมตัวกันราวกับแช่แข็งกาลเวลา
เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนกลายเป็นคมมีดหิมะพุ่งเข้าหาหวังหลินจากทุกทิศทาง!
‘นี่คือวิบากแก่นแท้ด่านแรกหรือ…’ หวังหลินส่ายศีรษะ แววตาเกิดความผิดหวัง ยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดใส่หิมะที่กำลังถาโถมเข้ามา
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุเคลื่อนไหว เกิดเป็นร่างเงาทับซ้อนและเดินออกมาจากร่างหวังหลิน
จากนั้นหวังหลินนั่งลงบนหางแมงป่อง สะบัดแขนขวานำขวดสุราออกมาถือไว้ในมือ ขวดสุรานี้ได้มาจากเมืองแห่งหนึ่งในแคว้นกระทิงสวรรค์ เขายกดื่มไปอึกใหญ่
เขานั่งลงพร้อมกับปล่อยผมสีขาวห้อยลงมา ร่างกายเผยสัมผัสความเยือกเย็น ท่าทางยังคล้ายกับชายวัยกลางคนชุดดำที่นั่งอยู่บนรูปปั้นแตกหักอันห่างไกลจากแผ่นดินเซียนดารา
โดดเดี่ยว เยือกเย็นและไม่แยแส
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุก้าวเดินออกมาและปลดปล่อยทะเลเพลิงมหึมา ทะเลเพลิงเปลี่ยนกลายเป็นมังกรเพลิง 99 ตัวพุ่งออกมาปะทะกับเกล็ดหิมะอันมหาศาล พริบตาเดียวจึงเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
แม้เกล็ดหิมะจะหนาวเย็นและแหลมคม มันไม่มีอะไรพิเศษเบื้องหน้าร่างแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลิน! เกล็ดหิมะหลอมละลายจนมีควันสีขาวพวยพุ่ง พริบตาเดียวมันจึงเต็มไปทั่วพื้นที่ มังกรเพลิง 99 ตัวได้รวมกันเป็นมังกรเพลิงตัวเดียว มันปลดปล่อยเปลวเพลิงและความร้อนรุนแรงพลางทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ดุจคมกระบี่แทงทะลุท้องฟ้าและเผาไหม้สรวงสวรรค์!
เพียงเท่านี้วิบากแก่นแท้ด่านแรกก็พังทลายไปตรงๆ!
หวังหลินจิบสุรา ส่ายศีรษะพลางพึมพำ “เบาเกินไป…”
ท้องฟ้าพลันสั่นเทาอย่างรุนแรง สายลมโหยหวนทรงพลังและมีพายุอันน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นในท้องฟ้า!
พายุทั้งเก้าคือพายุทอร์นาโดซึ่งพัดผ่านท้องฟ้าจนทะลเพลิงแตกกระจายและบางเบา จากนั้นเหลือเพียงพายุทั้งเก้า
พลังอันแข็งแกร่งโผล่ออกมาจากทอร์นาโดทั้งเก้า ตามมาด้วยเสียงสายลมหวนเข้าบดบังเสียงทุกอย่างในโลกนี้!
ทอร์นาโดทั้งเก้าลูกพุ่งทะยานเข้ามาหาหวังหลิน มีพลังฉีกกระชากราวกับต้องการฉีกร่างหวังหลินออกเป็นชิ้นๆ!
พริบตาเดียวทอร์นาโดแรกก็เข้ามาประชิด!
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุไม่เคลื่อนไหว มันเพียงแค่จ้องมองอย่างเยือกเย็นอยู่ด้านหลังหวังหลิน มันเฝ้าดูทอร์นาโดเข้าใกล้และห่อหุ้มร่างหวังหลินเอาไว้
สายลมโอบล้อมรอบหวังหลินและหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ทว่าหวังหลินยังคงนั่งอยู่ปลายหางแมงป่องพลางดื่มสุราทั้งที่เสื้อผ้าและเรือนผมพริ้วสะบัดในสายลม สีหน้าท่าทางเขายังคงเหมือนดื่ม
เขาดื่มสุราต่อไปจนกระทั่งพายุลูกที่สอง สาม สี่…ไปถึงลูกที่เก้ารวมกันเป็นพายุทอร์นาโดยักษ์สูงเทียมฟ้า ตอนนี้หวังหลินจึงเงยศีรษะขึ้น
“ยัง…เบาเกินไป!”
…………………………………………………..