Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1906
วิญญาณแมงป่องประกอบไปด้วยพลังของโลกอันหนาแน่น พอหวังหลินดูดซับเข้ามา วิญญาณดั้งเดิมจึงฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว!
ลมหายใจที่หกมาถึงแล้ว วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินทรุดลงอีกครั้ง ทว่าด้วยพลังจากวิญญาณแมงป่องมันจึงสมดุลแต่คงอยู่ได้ไม่นานนัก พอเวลาผ่านไปก็จะพังทลายอีกรอบ
เว้นแต่หวังหลินจะหาพลังเข้ามาเติมเต็มมากขึ้นกว่าเดิม
เซียนส่วนใหญ่รอดผ่านวิบากด่านนี้ด้วยการกลืนกินเม็ดยาและใช้สิ่งของเพื่อต่อต้านพลังทำลาย หากสามารถรอดชีวิตในเจ็ดลมหายใจแรกไปได้ ยังต้องอดทนอีกสามลมหายใจต่อมาเพื่อให้ครบสิบลมหายใจ!
อย่างไรก็ตามสามลมหายใจสุดท้ายจะยิ่งน่ากลัวมากกว่าเจ็ดลมหายใจแรก แม้แต่เซียนที่รวยที่สุดยังเอาชีวิตรอดได้ยากมาก เป็นเพราะการทำลายของมันรวดเร็วยิ่งกว่าอัตราการย่อยเม็ดยา ก่อนที่จะดูดซับเม็ดยาได้มากพอ วิญญาณดั้งเดิมคงจะถูกทำลายโดยไม่เหลืออะไรแล้ว!
ดังนั้นคุณภาพของเม็ดยาจึงสำคัญมาก แม้แต่เม็ดยาที่ดีที่สุดก็ยังเอาชีวิตรอดในด่านวิบากนี้ได้ยากยิ่ง เม็ดยาที่ดีขึ้นจะทำให้คนมีความมั่นใจมากขึ้น
ด่านวิบากนี้ทำให้เซียนตกอยู่ในสภาวะจองจำ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้แต่ต้องอดทนต่อไป ตั้งแต่ยุคโบราณมาทุกคนทำได้แค่อดทนเท่านั้น!
แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ยังต้องอดทนทำได้แค่ใช้เม็ดยาจำนวนมากและเกิดความหวาดกลัวในใจเท่านั้น!
แม้แต่มหาชั้นฟ้าสองคนในตำนานที่ผ่านเก้าวิบากแก่นแท้ในคราเดียวก็ยังต้องอดทน เมื่อผ่านสิบลมหายใจไปได้ วิบากนี้จะสูญสลายไปเอง
เมื่อลมหายใจที่เจ็ดอันโหดเหี้ยมเข้ามาถึง ความสมดุลในวิญญาณดั้งเดิมจึงหายไป วิญญาณหวังหลินทรุดลงอีกครั้งแต่สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนไป ช่วงเวลานี้เขาต้องคิดหาหนทางทะลวงผ่านด่านนี้ไปให้ได้!
‘หากข้าต้องอดทนต่อไป ข้าต้องรีบหาวิญญาณที่แท้จริงของแมงป่องมารเขียว ด้วยวิญญาณของมันจะทำให้ผ่านด่านวิบากนี้ไปได้ง่ายๆ!’
‘แต่…การดูดซับวิญญาณที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่ายและยังต้องใช้เวลา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน…’ หวังหลินดวงตาเป็นประกาย
‘วิบากก็เป็นโชคด้วยเช่นกัน…ข้ายังเชื่อแบบนี้ ถึงแม้จะดูประหลาด มันก็แค่วิบากด่านเดียว! ทำให้วิญญาณดั้งเดิมข้าทรุดลง…ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าพลังเสื่อมโทรมของด่านวิบากนี้จะแข็งแกร่งกว่าศรัทธาของข้าหรือไม่!’ หวังหลินเงยหน้า ดวงตาเผยประกายแสงแห่งศรัทธาอันทรงพลัง!
ด้วยปัญญาของหวังหลินจึงมองเห็นกุญแจการผ่านด่านวิบากแห่งนี้และรู้ว่าคนอื่นรอดชีวิตไปได้อย่างไร วิธีนี้คือการอยู่เฉยๆ ยอมให้ตัวเองโดนด่านวิบากควบคุมและรอดชีวิตไปเหมือนสุนัขจนตรอก
หวังหลินไม่ต้องการตัวเลือกนี้เลย!
‘ข้ามีศรัทธามากพอ วิญญาณดั้งเดิมข้าก็มีศรัทธาของข้าเช่นกัน ข้าอยากเห็นว่าด่านวิบากนี้จะทำลายข้าด้วยศรัทธาได้อย่างไร!’ หวังหลินมองผนึกในท้องฟ้าด้วยความมุ่งมั่น
เขาเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์มาหลายครั้งในชีวิตและไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว หวังหลินมีแต่ความรู้สึกมุ่งมั่นที่จะเหนือกว่าสวรรค์!
พอลมหายใจที่แปดมาถึง หวังหลินเงยหน้าขึ้น วิญญาณดั้งเดิมทรุดโทรมลงจนเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยว ทว่าเศษเสี้ยวนี้มีพลังศรัทธาของเขาที่ไม่มีวันยอมแพ้และมุ่งมั่นที่จะฟื้นคืนชีพลี่มู่หวาน!
เศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิมไม่แตกดับไปในลมหายใจที่แปด มันคงอยู่ต่อไปเหมือนความมุ่งมั่นของหวังหลิน!
‘ข้าเชื่อว่าวิญญาณดั้งเดิมของข้าเป็นอมตะ!’
‘ข้าเชื่อว่าตัวตนของข้าไม่มีวันถูกลบล้าง!’
‘ข้าเชื่อว่าชีวิตข้าอยู่ในมือของตัวเอง!’
ลมหายใจที่เก้าผ่านเข้ามา ร่างกายสั่นสะท้านแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ลมหายใจที่เก้ามีพลังในการทำให้วิญญาณดั้งเดิมเหี่ยวเฉาและทำลายล้างเขา แต่เศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิมยังคงเหลืออยู่จนผ่านลมหายใจที่เก้าไปได้!
นี่ไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิมอีกแล้วแต่เป็นพลังแห่งศรัทธา ฟ้าดินสามารถลบล้างวิญญาณดั้งเดิมได้ทั้งหมดแต่ไม่สามารถทำลายศรัทธาของผู้คนได้ หากไม่มีศรัทธาหลงเหลืออยู่ ชีวิตของคนผู้นั้นก็คงอยู่ในมือของฟ้าดิน แม้จะดุด่าสวรรค์แต่ท้ายที่สุดมาจากการกระทำของตัวเอง!
เพราะพวกเขายอมละทิ้งศรัทธาของตัวเองไปแล้ว!
แต่หวังหลินไม่ใช่ ศรัทธาของเขาเสมือนเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ เขามองผนึกในท้องฟ้าด้วยสายตาสั่นคลอนสรวงสวรรค์!
‘ข้าเชื่อว่าด่านวิบากนี้จะหายไป!’
‘ข้าเชื่อว่า ข้าสามารถฟื้นคืนชีพหวานเอ๋อร์ได้’
‘ข้าเชื่อว่า ข้าสามารถก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของโลกแห่งนี้ได้!!’ หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ศรัทธาของเขากำลังสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์!
ลมหายใจที่สิบลงมาด้วยพลังในการทำลายศรัทธาของหวังหลิน มันเหมือนคลื่นอันโกรธเกรี้ยวที่กำลังพุ่งเข้าทำลายศรัทธาเขา!
แต่ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะผ่านพ้นลมหายใจที่สิบไป วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินยังมีศรัทธาหลงเหลืออยู่! ไม่เพียงแต่มันจะยังอยู่ มันยังระเบิดออกมาทันที!
‘อำนาจแห่งฟ้าดินสามารถทำลายร่างกายข้า ทำลายวิญญาณดั้งเดิมของข้า ทำลายวิญญาณข้า แต่ไม่สามารถทำลายศรัทธาของข้าได้!’ หวังหลินร้องคำรามและก้าวเข้าสู่ท้องฟ้า เทียบกับโลกแห่งนี้เขาเสมือนกับมดแมลงแต่มีกลิ่นอายเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ระเบิดออกมาจากร่างกาย เขามุ่งหน้าไปที่ผนึกในท้องฟ้า ยกแขนขึ้นมาฉีกผนึกมายา!
ผนึกมายาได้รับผลกระทบจากศรัทธาของหวังหลินและเผยสัญญาณกลายเป็นของที่จับต้องได้ ด้วยการฉีกกระชากของหวังหลินนี้เองมันจึงพังทลาย!
เมื่อผนึกพังทลาย วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินจึงฟื้นคืนในพริบตา มันเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดและใหญ่ยิ่งกว่าเดิม!
วิบากด่านที่เจ็ด วิบากวิญญาณสิบลมหายใจ พังทลายเบื้องหน้าหวังหลิน!!
เมื่อวิบากด่านที่เจ็ดพังทลาย โลกจึงเปลี่ยนไปมหาศาล แสงส่องประกายและมีผนึกที่สองปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
ผนึกที่สองแตกต่างจากผนึกแรกโดยสิ้นเชิง มันซับซ้อนยิ่งกว่าและเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ วิบากด่านที่แปด วิบากวิญญาณชีวิตปรากฏขึ้นมาแล้ว!
วิบากวิญญาณชีวิตสิบลมหายใจ ด่านที่สองในวิบากแก่นแท้วิญญาณ มันไม่ได้ทำความเสียหายต่อวิญญาณดั้งเดิมแต่เป็นการลดอายุขัย!
วิบากด่านนี้จะเปลี่ยนการไหลเวียนของเวลา อายุขัยของเซียนนับว่ามากมายมหาศาล มันใช้เวลาเพียงชั่วครู่แต่ทำให้เวลาเปลี่ยนไปหลายล้านหรือหลายร้อยปีได้!
เมื่อวิญญาณกลับคืนมาก็คงตายไปแล้ว! เวลาหนึ่งล้านปีในพริบตา ด่านวิบากนี้แปลกประหลาดยิ่งกว่าอันก่อนหน้า มันไม่ได้เข้ามาสังหารเซียน เป้าหมายของมันคือการทำให้เซียนสังเวยอายุขัยด้วยความสมัครใจ!
วิบากด่านนี้สัมพันธ์อย่างยิ่งกับด่านที่เก้า หากมีคนสามารถสละอายุขัยหนึ่งแสนปีได้ เช่นนั้นด่านที่เก้าก็จะง่ายดายและผ่านได้สบาย! ทว่ามีเซียนน้อยคนมากในขั้นแก่นแท้ดับสูญที่มีอายุขัยเหลือมากกว่าแสนปี
หากไม่สังเวยอายุขัย อัตราการรอดชีวิตในด่านที่เก้าจะเหลือเพียงหนึ่งในสิบส่วน!
ในวิบากด่านที่แปดนี้ เซียนผู้นั้นจะต้องตัดสินใจว่าจะสังเวยอายุขัยกี่ปี! โดยปกติแล้วคนที่กล้าเข้าสู่ด่านที่แปดจะมีแผนของตัวเอง พวกเขาคำนวณไว้แล้วว่าจะต้องบ่มเพาะไปอีกกี่ปีและจากนั้นสังเวยที่เหลือเพื่อเอาไปเพิ่มโอกาสในการผ่านด่านที่เก้า
เพราะการบรรลุขั้นวิบากดับสูญจะไม่ทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้น ยกเว้นแต่จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้า
เว้นแต่จะพบเจอโชควาสนาบางอย่าง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
หวังหลินมองผนึกที่สองในท้องฟ้า หลังจากเห็นผนึกแล้วจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว ความคิดเหล่านี้ทำให้หวังหลินเข้าใจด่านวิบากที่แปดได้ผ่านวิธีการลึกลับบางอย่าง
หลังจากเข้าใจด่านที่แปดแล้ว หวังหลินเกิดความคิดหลายอย่าง เขาไม่รู้ว่าราชันย์เทพสีรุ้งผ่านด่านนี้ได้อย่างไร แต่เหมือนจะได้พบเจอโชควาสนาอีกทางหนึ่ง
เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องผิดพลาด เซียนหลายคนที่เขาพบเจอส่วนใหญ่ต่างก็ติดอยู่ในวิบากแก่นแท้ด่านที่แปด
ด่านวิบากนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าน ตราบใดที่สังเวยชีวิตเข้าไปก็สามารถดึงออกมาได้ แม้จะสังเวยแค่ปีเดียวก็จบสิ้นด่านที่แปดนี้ได้เช่นกัน!
แต่การผ่านด่านที่เก้าจะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม!
หวังหลินขบคิดอยู่นาน ดวงตาส่องสว่างขึ้นมา เขาพุ่งทะยานเข้าหาผนึกในท้องฟ้า ประทับฝ่ามือเข้าใส่
“ข้าสังเวยหนึ่งปี!”
เพียงที่คำพูดเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ร่างกายสั่นสะท้าน ผนึกเบื้องหน้าเขาค่อยๆ หายไป
วิบากด่านที่แปดหายไปแล้ว
พอด่านที่แปดสลายไปแล้ว หวังหลินสามารถเลือกที่จะออกไปจากที่นี่ได้แต่เขาไม่ไปไหน เขามองท้องฟ้า รอคอยวิบากด่านสุดท้ายปรากฏขึ้นมา!
หากสามารถผ่านวิบากด่านสุดท้ายไปได้ เขาจะทะลวงผ่านขั้นแก่นแท้ดับสูญและกลายเป็นขั้นวิบากดับสูญ!
หวังหลินสูดหายใจลึกและเผยท่าทีสุขุม เขาผ่านด่านวิบากแก่นแท้ทั้งแปดในรอบเดียว กำลังจะเผชิญหน้ากับด่านที่เก้าซึ่งเป็นด่านสุดท้าย!
หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นมายื่นเข้าหาความว่างเปล่า แสงสีทองส่องประกาย คันศรลี่กวงที่ไม่ปรากฏออกมายาวนานพลันปรากฏขึ้นในแขนซ้าย!
แขนขวารั้งสายคันศรจนกลายเป็นรูปดวงจันทร์เต็มดวง พริบตาเดียวลูกศรลี่กวงจึงปรากฏขึ้น!
หวังหลินเงยหน้ามองดูท้องฟ้า แววตาผุดจิตสังหารอย่างเต็มเปี่ยม! ร่างแก่นแท้ห้าธาตุด้านหลังยกแขนขึ้นมาและปรากฏภาพลวงตาเป็นคันศรและลูกศรลี่กวงขึ้นมาด้วยเช่นกัน!
กลางหน้าผากหวังหลินมีสายฟ้ากะพริบวูบวาบ ร่างแก่นแท้สายฟ้าแฝงกลิ่นอายทำลายล้างปรากฏขึ้นด้านหลังร่างแก่นแท้ห้าธาตุ มันยกแขนซ้ายขึ้นและรั้งแขนขวา ปรากฏภาพมายาเป็นคันศรและลูกศรลี่กวงขึ้นในมือด้วยเช่นกัน!
ตอนที่เขาสังเวยชีวิตหนึ่งปีเพื่อด่านแก่นแท้ที่แปดนี้ หวังหลินตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ผ่านด่านที่แปด เขาจะทำลายมัน!
ไม่ว่าวิบากนี้จะทรงพลังแค่ไหน เขาไม่สนใจมันแล้วเพราะเขาจะทำลายมัน! การผ่านด่านถึงแปดครั้งยังไม่เพียงพอ การต่อต้านด่านสุดท้ายไม่ใช่นิสัยของเขา หวังหลินเกลียดชังหายนะจากสวรรค์เหล่านี้ที่แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง!
ความเกลียดชังได้ประกาศออกมาช่วงระหว่างที่เขาเผชิญกับมันในชีวิตหลายต่อหลายครั้ง!
หากมองถึงต้นตอของความเกลียดชัง มันเริ่มตั้งแต่บนดาวซูซาคุในโลกถ้ำ ตอนที่เขาโอบกอดลี่มู่หวาน ร้องคำรามออกไปด้วยความโกรธแค้นและสิ้นหวังต่อสวรรค์!
ขณะที่หวังหลินรั้งคันศรลี่กวง พลังเทพจากสายโลหิตได้พุ่งเข้าสู่คันศร ทำให้คันศรเปล่งประกายเจิดจ้าและมีแสงสีทองห่อหุ้มรอบร่างหวังหลินเอาไว้
แสงสีทองดูเหมือนกลายเป็นมังกรทอง มันร้องคำรามใส่ท้องฟ้าและกำลังจะพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าเพื่อทำลายโลกแห่งนี้!
ขณะเดียวกันมีแสงสีฟ้า แดงและเหลืองโผล่ออกมาจากคันศรลี่กวงในมือของร่างแก่นแท้ห้าธาตุ แสงทั้งสามคือแก่นแท้ธาตุวารี เพลิงและปฐพี สามแสงที่แตกต่างกันกลายเป็นมังกรหลากสีสามตัว!
ทางด้านขวาของหวังหลิน ร่างแก่นแท้สายฟ้ายืนนิ่งอย่างเยือกเย็น สายฟ้าเข้าปกคลุมคันศรลี่กวง ส่องสว่างขึ้นในโลกและปรากฏเป็นมังกรตัวที่ห้า!
มังกรที่ปรากฏขึ้นมาเป็นมังกรสายฟ้าที่เปล่งกลิ่นอายทำลายล้าง กลิ่นอายนี้สะกดข่มร่างแก่นแท้ห้าธาตุและข่มได้แม้แต่ร่างดั้งเดิมของหวังหลิน!
มองไกลๆ ช่างเป็นฉากที่น่าตกตะลึงยิ่ง มังกรทั้งห้ากำลังร้องคำราม!
ผนึกสุดท้ายปรากฏขึ้นในท้องฟ้า นี่คือวิบากแก่นแท้ด่านที่เก้า! วิบากด่านนี้มีชื่อว่าการเกิดใหม่! เป็นประตูสุดท้ายที่ป้องกันไม่ให้เซียนได้บรรลุขั้นวิบากดับสูญ!
นาทีที่ผนึกปรากฏ แรงกดดันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้พลันปรากฏขึ้น ผู้คนมากมายต่างก็หลงทางอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้ก่อนจะตายอยู่ในนั้น!
“ทำลายล้างวิบาก!” หวังหลินร้องคำราม น้ำเสียงทะลุผ่านแสงสีทองและแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง เข้าถึงหูของเซียนทั้งหมดรอบด้านและทำให้พวกเขาเป็นพยานรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความตกตะลึง
“ทำลายล้างวิบาก!”
“เขา…เขาผ่านแปดวิบากแก่นแท้ในรอบเดียว ส่วนด่านที่เก้า เขาก็ไม่เผชิญหน้ากับมันแต่เลือกที่จะทำลาย!!”
“ความโอหังแบบนี้ นี่…นี่มีแต่ท่านมารเขียวเท่านั้นที่ทำได้!”
ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือด จิตใจสั่นไหวจากคำพูดนั้น ภายในแสงสีทองหวังหลินได้ปล่อยสายธนูที่รั้งไว้ออกไป!
พลังปราณสวรรค์หนาหน่นกระแทกเข้าใส่ลูกศรจนยิงออกไปพร้อมกับเสียงหวีดดังรุนแรง!
ลูกศรพุ่งทะยานออกไป!
มองไกลๆ มันไม่ใช่ลูกศรอีกแล้วแต่เป็นมังกรทอง เสียงหวีดคือเสียงคำรามของมังกร ลูกศรสีทองคือร่างของมังกร!!
โลกพลันเปลี่ยนสีสัน สรวงสวรรค์ล่าถอย ทุกชีวิตตื่นตัว!
มังกรทองนำพากลิ่นอายที่อธิบายไม่ได้พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้า! ด้านหลังมันเป็นร่างแก่นแท้ห้าธาตุขยับแขนขวา ส่งมังกรสีฟ้า แดงและเหลืองตามมังกรทองไปติดๆ!
ไม่ใช่แค่หนึ่งตัวแต่ทั้งหมดมีสี่ตัว ลูกศรทั้งสี่พุ่งทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า!
กระนั้นไม่ใช่แค่สี่ตัวแต่มีถึงห้า! ร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินปล่อยแขนขวาไปด้วยเช่นกัน เสียงดีดผึงดังกึกก้องและมีมังกรสายฟ้าพุ่งทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า!
มังกรตัวนี้มีกลิ่นอายทำลายล้าง กลิ่นอายแห่งเขตอาคมและสายฟ้าสวรรค์ผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังทำลายล้างได้ทุกชีวิต!!
ห้ามังกรฉีกกระชากสวรรค์!
ห้าลูกศรมุ่งสู่ผนึกชะตาสวรรค์!
ลูกศรสีทองของหวังหลินเข้ากระแทกใส่ผนึกเกิดใหม่ของวิบากแก่นแท้ด่านที่เก้าและระเบิดพลังเต็มที่ ผนึกสั่นสะเทือนราวกับกำลังพังทลาย
จากนั้นไม่นานลูกศรอีกสามดอกได้มาถึง ทั้งสามดอกกระแทกเข้าใส่และยังคงดังกึกก้อง ผนึกในท้องฟ้าเผยสัญญาณพังทลายและเกิดรอยแตกร้าวขึ้นจำนวนมาก!
ลูกศรเหล่านี้ควรจะไม่มีอยู่จริงแต่ด้วยพลังแห่งศรัทธาของหวังหลิน ความเกลียดชังต่อสวรรค์และความเชื่อในการทำลายสวรรค์!
ศรัทธาของเขาจึงทำให้การโจมตีนี้ใกล้เคียงกับวิชาแห่งศรัทธาของมหาชั้นฟ้า ดังนั้นจึงสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้มีขึ้นมาได้!
ลูกศรดอกสุดท้ายคือลูกศรสายฟ้าที่มีพลังทำลายล้างอยู่ด้วย มันไม่ใช่ลูกศรแล้วแต่เป็นสายฟ้าที่เป็นลูกศร พอเข้าไปใกล้ผนึกเกิดใหม่จึงระเบิดพลังทำลายล้างออกมา
ลูกศรยังเปล่งสายฟ้าสังหารแต่เพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็มากพอจะสั่นคลอนสวรรค์ได้แล้ว!
ผนึกเกิดใหม่สั่นสะท้านและแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท้องฟ้าดูเหมือนพังทลายไปพร้อมกับมันด้วย!
สิ่งที่แตกสลายไปด้วยคืออารามแมงป่องด้านล่างหวังหลิน อารามไม่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนระดับนี้ได้มันจึงพังทลายเป็นเศษเสี้ยวกระจายไปทั่วสารทิศ
อารามแมงป่องเขียวแตกสลาย!
ฝุ่นผงพุ่งขึ้นสู่อากาศและซ่อนร่างหวังหลินเอาไว้ กลิ่นอายขั้นวิบากดับสูญจนทำให้โลกต้องสั่นสะท้านกำลังโผล่ออกมาจากภายในเมฆฝุ่น!!
กลิ่นอายขั้นวิบากดับสูญนี้ทรงพลังยิ่งและก่อเกิดเป็นวังวน วังวนที่ทำให้ท้องฟ้าพังทลาย ผืนแผ่นดินแตกสลาย พลังทำลายล้างเข้าสู่วิบากแก่นแท้ วังวนนี้อยู่ใจกลางแคว้นมารเขียวที่มีอารามมารเขียวตั้งอยู่!!
เหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวนับสิบคนเผยความหวาดกลัว พอแรงกดดันจากขั้นแก่นแท้ดับสูญหายไป พวกเขาจึงรีบเข้ามาใกล้
“ขอคารวะ ท่านมารเขียว!”
“ขอแสดงความยินดีต่อการฟื้นคืนชีพ ท่านมารเขียว!”