Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1908
ประตูเดียวกันและแขนเดียวกันที่หวังหลินเคยเจอมาแล้วหลายครั้ง!
เมื่อใดก็ตามที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าสมบูรณ์ไปอีกระดับ ประตูนี้จะปรากฏขึ้น ทว่าเมื่อไรก็ตามที่เขาเข้าไปกลับไม่เจออะไรและมีแต่มิติอันว่างเปล่า
แขนสีเขียวมีพลังอันแข็งแกร่งที่หยุดยั้งทุกคนไม่ให้เข้าไป
หวังหลินยืนอยู่นอกประตูอีกครั้ง มองประตูและแขนสีเขียว ขบคิดอย่างเงียบๆ
‘ก่อนวิญญาณแมงป่องตาย เขาพูดว่า…ลูกปัดสีขาว…มันหมายความว่าอะไร…’ หวังหลินคิดอยู่นาน ดวงตาทอประกายจากนั้นก้าวเดินเข้าหาประตู
แขนสีเขียวเกิดการขยับและพุ่งเข้าหาหวังหลินด้วยแรงกดดันทรงพลัง
หวังหลินมีท่าทีเหมือนเดิมและไม่หยุดชะงัก เขาโบกแขนขวาเข้าหาแขนยักษ์ที่กำลังยื่นมาหา
โลกแห่งนี้เกิดการสั่นสะเทือน แขนสีเขียวถูกหวังหลินทำให้กระเด็นออกไปหลายร้อยฟุต
แขนที่เคยทำให้หวังหลินรู้สึกกลัวไม่สามารถหยุดเขาได้อีกแล้วหลังจากบรรลุขั้นวิบากดับสูญมาได้ หวังหลินก้าวเดินเข้าสู่ประตูอย่างสงบนิ่ง
จังหวะของเขาไม่เร็วนัก แต่ทุกก้าวจะทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง พอห่างจากประตูเพียงเจ็ดก้าว แขนสีเขียวพุ่งเข้ามาหาหวังหลินอีกครั้ง
คราวนี้มีกลิ่นอายน่ากลัวออกมาจากแขน ราวกับไม่ยอมแพ้จนกว่าจะหยุดหวังหลินได้!
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการทำลายแขนนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมาชี้ออกไป
“หยุด!”
แขนสีเขียวยักษ์หยุดชะงักค้างในอากาศ
หวังหลินก้าวเดินต่อไปและยืนอยู่เบื้องหน้าประตูฝืนลิขิตสวรรค์ ยกแขนซ้ายขึ้นมาผลักประตูให้เปิดออก!
ประตูส่งเสียงสั่นเครือและเปิดช่องว่างเล็กๆ ขนาดกว้างหลายสิบฟุต
หวังหลินครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าไปในประตู
เขาได้ก้าวเข้าไปในประตูฝืนลิขิตฟ้าโดยสมบูรณ์
ครั้งนี้สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินเป็นโลกที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มีฟ้าดินแต่ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต มีเทือกเขาและมีหอคอยสูงเสียดฟ้า!
หอคอยนี้สลับไปมาระหว่างของจริงและภาพมายา
ที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเห็นในช่วงเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก โลกแห่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากครั้งล่าสุด
ราวกับทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงสายหมอก แต่ตอนนี้หมอกได้ถูกลบเลือนออกไปแล้วทำให้หวังหลินเข้าใกล้ความลับจริงๆ ของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
หวังหลินมองหอคอยลึกลับไกลๆ พลางก้าวเดินต่อไป เทือกเขากลายเป็นภาพมายาและแตกสลายเบื้องหน้าหวังหลิน ทำให้เขามาถึงหอคอยได้
หอคอยแห่งนี้เป็นสี่เหลี่ยมและไม่ใหญ่มากนัก แต่ละมุมมีโครงกระดูกนั่งอยู่สี่ร่าง
โครงกระดูกทั้งสี่อยู่มานานแค่ไหนแล้วไม่รู้ สองในสี่สวมชุดคลุมสีดำ ส่วนอีกสองสวมชุดสีขาว
พวกมันนั่งอยู่ตรงนั้นและเปล่งกลิ่นอายแห่งความตายออกมา
หวังหลินกวาดสายตาผ่านโครงกระดูกไป มองหอคอยด้วยสายตางุนงง
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าคืออะไร? คำถามนี้อยู่กับเขามามากกว่าสองพันจนเกือบสามพันปีแล้ว
หวังหลินคลำหาที่ประตูฝืนลิขิตฟ้าอยู่หลายครั้ง แต่มีแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เขาได้เห็นหอคอยและโครงกระดูกทั้งสี่ข้างใต้
หอคอยแห่งนี้ไม่มีประตู!
หวังหลินยืนอยู่นอกหอคอยด้วยแววตาสับสนยิ่งกว่าเดิม ผ่านไปสักพักจึงส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปยังหอคอย พอเข้าสัมผัสจึงเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นในใจ!
เสียงเบาๆ นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในใจ และเพราะมีหลายเสียงแตกต่างกันจึงเกิดความปั่นป่วนและไม่ได้ยินอะไรชัดเจนเลย!
เขาได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ตอนกำลังเกิด ได้ยินเสียงชายชราถอนหายใจ ได้ยินเสียงความปั่นป่วน เสียงร้องและเสียงพึมพำได้ทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองใหญ่และได้ยินทุกเสียงในเมืองเวลาเดียวกัน!
ท้ายที่สุดเสียงมากมายได้กลายเป็นเสียงอื้ออึงดังกึกก้องในใจและหูของหวังหลิน หวังหลินหน้าซีดทันที แม้จะมีระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นเขาก็ยังไม่สามารถทนรับไหว
หากอดทนต่อไปร่างกายคงแตกสลาย
ขณะนั้นเสียงร้องของเด็กทารกดังแหลมขึ้นมาในใจหวังหลิน ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจนต้องก้าวถอยไปสิบก้าว ใบหน้าซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง
จิตใจสั่นสะท้าน เขามองหอคอยอีกครั้งก่อนจะหันตัวกลับและทะยานออกไป ชั่วครู่ต่อมาเขาจึงค้นพบวิญญาณของหวังผิงและภรรยาของหวังผิง
พอเห็นหวังผิงซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง หวังหลินจึงขบคิดเงียบๆ
เสียงเด็กทารกร้องเมื่อครู่ได้ปลุกเขาให้ตื่นช่างเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย เหมือนตอนที่หวังผิงยังเป็นวิญญาณอาฆาต เป็นเสียงแรกที่เขาได้ยินจากหวังผิง
‘หอคอยนั่น มันคืออะไรกันแน่…’ หวังหลินเต็มไปด้วยสายตาสับสนอยู่นาน เขามองวิญญาณหวังผิง ดวงตาจึงอ่อนโยนลงและรู้สึกเศร้า จากนั้นถอนหายใจและจากไป
หวังหลินเข้ามาในพื้นที่ลึกลับเป็นครั้งที่สอง ด้านหน้าหอคอยสี่เหลี่ยม
หวังหลินเงยหน้าขึ้นมองยอดหอคอยแต่กลับพบว่ามันพร่ามัว
ครู่ต่อมาเขากัดฟันแน่นและกระจายสัมผัสวิญญาณพลางก้าวออกไปข้างหน้า คราวนี้เล็บมือขวายืดยาวออกไปราวกับเข็มอันคมกริบ แต่มีม่านแสงอ่อนๆ หนึ่งชั้นป้องกันไม่ให้มันแทงเข้าใส่เนื้อ
อย่างไรก็ตามแสงเบาบางนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่สิบลมหายใจแสงก็หายไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเล็บมือของหวังหลินจึงแทงเข้าสู่เนื้อและเกิดความเจ็บปวด
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณเข้าหาหอคอยโดยไม่ลังเล พอสัมผัสได้อีกจึงได้ยินเสียงปะปนเข้ามาในใจหวังหลินอีกครั้ง
ร่างหวังหลินสั่นเทาและรู้สึกเหมือนกำลังหมดสติ เขาถูกเสียงเหล่านั้นล้อมรอบจนเหมือนเรือที่กำลังแล่นบนทะเลอันโกรธเกรี้ยว
เสียงทั้งหมดปนกันกลายเป็นเสียงอื้ออึง พวกมันดังกึกก้องในใจหวังหลินและไม่อาจได้ยินชัดเจน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ใบหน้าหวังหลินซีดยิ่งขึ้น แววตาเขาเลื่อนลอย แต่ขณะนั้นแสงสีขาวในมือค่อยๆ หายไป จนกระทั่งถึงลมหายใจที่เก้าแสงสีขาวจึงหายไปอย่างสิ้นเชิง เล็บแทงใส่ฝ่ามือและมีหยดโลหิตไหลออกมาส่งความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง
ภายใต้ความเจ็บปวดนี้ หวังหลินเกิดอาการดิ้นรนและเริ่มมีสติ เขาดูเหมือนได้ยินเสียงมืดมนแห่งหนึ่งดังอยู่ในเสียงที่ปะปนกัน
“…หายไปหนึ่ง…”
ตอนที่เขาได้ยินแบบนี้จึงถอยกลับมาถึงพันฟุต ช่วงเวลาสั้นๆ สิบลมหายใจหวังหลินได้เจอกับความเป็นความตาย ถ้าไม่มีเสียงร้องของเด็กทารกในครั้งแรกและเตรียมการในครั้งที่สอง เขาคงหลงทางอยู่ในเสียงพวกนั้นไปแล้ว!
หวังหลินจ้องมองหอคอย เผยแววตาหวาดหวั่นที่หาได้ยากนัก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าหอคอยที่ปรากฏขึ้นในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ามันคืออะไรกันแน่!
และเสียงที่เขาได้ยินตอนได้สติมันคืออะไร…
‘หายไปหนึ่ง…หมายความว่าอะไร?’ หวังหลินขบคิด ชั่วขณะต่อมาจึงมองหอคอยและจากไป
ณ แคว้นมารเขียวตรงตำแหน่งที่ตั้งอารามแมงป่อง พื้นที่ตอนนี้ปกคลุมด้วยพายุ ชายหนุ่มผมขาวกำลังยืนอยู่ตรงนั้นและลืมตาขึ้นมาทันที
แววตายังคงมีความหวาดกลัวฝังลึก!
หวังหลินสูดหายใจและมองลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่กำลังผสานเข้ากับฝ่ามือ เขาเกิดความรู้สึกซับซ้อนอธิบายไม่ถูก
“เจ้า…เจ้าเป็นอะไรกันแน่…” หวังหลินพึมพำ ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าหายเข้าไปในร่าง ล่องหนอยู่ในวิญญาณดั้งเดิม
‘สัมผัสวิญญาณของข้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอ…ยังห่างชั้นอีกไกล สักวันหนึ่งข้าจะสามารถระงับเสียงพวกนั้นได้และได้ยินคำพูดที่ซ่อนอยู่เพื่อเรียนรู้ความลับที่ลึกที่สุดของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!!’ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายและข่มความสงสัยเอาไว้ เขาอยู่กับลูกปัดมาเกือบสามพันปี และก็แค่อดทนรอต่อไปเพื่อเผยคำตอบทุกอย่าง!
หวังหลินรู้สึกว่าเพราะสามารถมองเห็นหอคอยได้ จึงเข้าใกล้ความลับของลูกปัดมากขึ้น!
ตอนนี้หวังหลินเผยแววตาเย็นเยียบและทอดสายตาออกไปไกล ที่นั่นคือทิศทางของสำนักเต๋ามาร!
‘สำนักเต๋ามาร…ตอนนั้นข้าสัญญากับตัวเองว่าจะทำลายล้างทั้งสำนักเต๋ามาร ไม่ให้แผ่นดินเซียนดารามีชื่อสำนักเต๋ามารอีกต่อไป!’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ พายุรอบตัวเขาหมุนเร็วขึ้นกลายเป็นทอร์นาโดสีดำ นำพาหวังหลินทะยานออกไปไกล
หายนะของสำนักเต๋ามาร ได้มาถึงแล้ว!