Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1910
การกระทำของหวังหลินดูเหมือนวู่วาม แต่ด้วยระดับพลังของเขาตอนนี้สามารถทำทุกอย่างให้เสร็จได้ในพริบตา หวังหลินก้าวเดินเข้าหาสายหมอกด้วยท่าทีสงบนิ่ง และก้าวเข้าไปในค่ายกลโดยไม่หยุดชะงัก
วินาทีที่เขาเข้าสู่ค่ายกล เกิดเป็นเสียงอึกทึกดังกึกก้องและเข้าสู่สำนักเต๋ามาร
เซียนมากกว่าสามหมื่นคนกำลังบ่มเพาะ พอได้ยินเสียงดังกึกก้องจึงมีท่าทีเปลี่ยนไป พวกเขารีบทะยานออกมามองดูท้องฟ้า
หมอกในท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่นและคล้ายกับมีร่างเงา 18 ร่างล้อมรอบคนผู้หนึ่งเอาไว้ พวกเขาโจมตีจนเกิดเสียงดังสนั่น
“ศัตรูบุก!! เซียนขั้นที่สามทั้งหมด ตั้งค่ายกล!!” น้ำเสียงกระวนกระวายดังออกมาจากภูเขาทางทิศเหนือของสำนัก ไม่นานนักจึงมีก้อนเมฆสีแดงเข้ามาใกล้ที่นี่ ข้างในเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีแดง
เขาสะบัดแขนเสื้อในทันที ก้อนเมฆสีแดงรอบตัวทะยานเข้าสู่สายหมอกในท้องฟ้า
ขณะเดียวกันมีลำแสงหลายสิบสายทะยานออกมาจากสำนักเต๋ามาร ลำแสงทุกสายคือเซียนขั้นที่สาม
ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากปรากฏตัวออกมาจึงเข้าไปในสายหมอกเพื่อจับจองพื้นที่ที่ในค่ายกลและป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามา
หลังจากนั้นไม่นานมีลำแสงสีทองโผล่ออกมาจากทางทิศใต้ของสำนักเต๋ามาร ลำแสงสีทองนี้เปลี่ยนกลายเป็นชายชราอยู่ด้านข้างชายชุดแดง เขามองดูท้องฟ้าอย่างมืดหม่นและเผยแววตาเย็นเยียบ!
“เจ้ากล้าทะลวงเข้ามาในค่ายกลป้องกันสำนักเต๋ามารของข้าเชียวหรือ? ข้าอยากเห็นว่าใครกันมันกล้าดีเดือดเช่นนี้!” จบคำพูดจึงพุ่งทะยานเข้าไปในสายหมอก
ภายในสายหมอก หวังหลินสวมชุดคลุมสีขาวและเดินออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เบื้องหน้ามีร่างสิบแปดร่างร้องคำรามพุ่งทะยานเข้าหาเขา แต่ละคนเปล่งกลิ่นอายน่าหวาดกลัว
หวังหลินเผยสายตาเย็นเยียบอยู่ใต้ชุดคลุม เขายกแขนขึ้นมาและสะบัด
“ผ่าสวรรค์!”
ท้องฟ้าสดใสเบื้องบนสำนักเต๋ามารปลดปล่อยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า แขนยักษ์สองข้างเปิดรอยแยกและโผล่ออกมา แขนทั้งสองนี้มีขนาดใหญ่มากราวกับภูเขาหลายลูกรวมกัน หลังจากนั้นแขนจึงยื่นเข้าหาสายหมอกที่กำลังห่อหุ้มสำนักเต๋ามาร
เดิมทีหมอกนี้ไม่ได้เป็นรูปร่าง แต่หลังจากโดนทั้งสองแขนจับเอาไว้ สายหมอกจึงมีรูปร่างขึ้นมาและหยุดอยู่กับที่
สองแขนยักษ์คว้าจับและฉีกกระชากมันออกไปอย่างโหดเหี้ยม!!
เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ สายหมอกถูกแบ่งออกเป็นครึ่งส่วนเบื้องบนสำนักเต๋ามาร!!!
สายหมอกถูกผลักออกจากกันทำให้แสงอาทิตย์ส่องกระทบสำนักเต๋ามารโดยไม่มีการป้องกันอะไรอีกแล้ว!
ฉากเหตุการณ์นี้เหล่าเซียนสามหมื่นคนของสำนักเต๋ามารเป็นสักขีพยาน ทั้งหมดจ้องมองอย่างตกตะลึง จิตใจสั่นสะท้านและหวาดกลัวสุดขีด
ตั้งแต่วันที่ค่ายกลถูกสร้างขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครโจมตีเลย มันถูกทำลายก่อนหน้านี้มาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เคยถูกทำลายด้วยวิธีการที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวแบบนี้มาก่อน!!
นาทีที่ค่ายกลสายหมอกพังทลาย เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากลุ่มหมอกอีกสองกลุ่ม
เซียนขั้นที่สามหลายสิบคนที่เข้าไปในสายหมอกต่างก็พุ่งออกมาและกระอักโลหิต บางคนร่างกายระเบิดเป็นกองเนื้อ ซึ่งชี้ชัดแล้วว่าไม่สามารถต้านทานพลังของแขนยักษ์ทั้งสองได้!!
ยังมีชายชราชุดทองที่พุ่งเข้าไปในหมอก เขาหนีรอดออกมาได้ด้วยสภาวะย่ำแย่ สายตามองไปยังท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว
เขารู้ว่าค่ายกลทรงพลังแค่ไหน ค่ายกลนี้สามารถป้องกันผู้สูงส่งชั้นทองได้เต็มกำลัง แต่ตอนนี้มันกลับพังทลายได้ง่ายๆจนเขาเกิดอาการสั่นสะท้าน
“เขา…ระดับบ่มเพาะอะไรกัน!?!”
ขณะที่แสงอาทิตย์ส่องกระทบลงมา ร่างชุดขาวยืนอยู่อย่างเงียบเชียบ สายตาเย็นเยียบซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมกำลังจ้องมองเหล่าเซียนนับสามหมื่นคนที่กำลังตกตะลึง!
ชายชราชุดทองถึงกับตัวสั่นเทาและร้องคำราม “เจ้า…ท่านเป็นใคร?! ทำไมถึงทะลวงเข้ามาในสำนักเต๋ามารและทำลายค่ายกลป้องกันสำนัก?”
“สำนักเต๋ามารของข้าเป็นหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลังของแผ่นดินทิศตะวันออก เรามีบรรพชนผู้สูงส่งชั้นฟ้า ท่านซ่อนใบหน้าและพุ่งเข้ามาที่นี่ ท่านมีความบาดหมางกับใครกันหรือ!?” นอกจากชายชราแล้ว ชายวัยกลางคนชุดแดงก็ยังจิตใจสั่นไหว แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลาย แต่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านค่ายกลหมอกนี้ไปได้ อย่าว่าแต่ทำลายเลยด้วยซ้ำ!
หากทั้งสองคนมีอาการแบบนี้ คงไม่ต้องพูดถึงเหล่าเซียนขั้นที่สามนับสิบคนที่เกือบหนีไม่รอด พวกเขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัว
เหล่าเซียนสามหมื่นคนของสำนักเต๋ามารดูเหมือนจะลืมหายใจไปแล้ว พวกเขาจ้องมองท้องฟ้า ร่างกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทา
“เจ้าลืมข้าหรือ…แต่ข้ายังจำพวกเจ้าได้…” หวังหลินยืนอยู่ในท้องฟ้า กวาดสายตาผ่านฝูงชนด้านล่างก่อนจะส่งสายตาไปยังเกาะแห่งหนึ่งในทะเลสาบห่างออกไป
หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้นมา เขาสะบัดแขนปลดผ้าคลุมใบหน้า เผยให้เห็นเรือนผมสีขาวและใบหน้าเยือกเย็น
“ผ่านมาร้อยปีแล้ว พวกเจ้าน่าจะจำการไล่สังหารใกล้ชายแดนแคว้นเมิ่งตูได้ ตอนนี้จำข้าไม่ได้แล้วหรือ!?”
วินาทีที่หวังหลินปลดผ้าคลุม ชายชราชุดทองถึงกับมีแววตาไม่เชื่อ
“หวังหลิน!!!” เขาจำหวังหลินได้ทันที ใครจะไปลืมเรื่องการสังหารที่เกิดขึ้นในชายแดนของแคว้นเมิ่งตู สำนักเต๋ามารส่งเซียนออกไปจำนวนมากและส่วนใหญ่ถูกหวังหลินสังหาร ถ้าจ้าวสำนักไม่ลงมือในตอนท้าย การจะจับเขาได้คงเป็นเรื่องยากยิ่ง!
“นั่นเขา!!” ชายวัยกลางคนชุดแดงอ้าปากค้างและจำหวังหลินได้ทันที! ตอนนั้นเขาก็เข้าร่วมการไล่ล่าด้วยเช่นกัน เขาเห็นเต็มสองตาว่าหวังหลินทรงพลังแค่ไหนตอนที่บ้าคลั่ง เขาได้เห็นหวังหลินสังหารสหายร่วมสำนักและเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันมหึมาคู่นั้น
“หวังหลิน!! นั่นเขา!!”
“ไม่ใช่ว่าเขาถูกจ้าวสำนักจับตัวไปเมื่อร้อยปีก่อนและถูกส่งเข้าอารามแมงป่องแล้วหรือ!? เขาไม่ตาย?!”
“เป็นเขาจริงๆ ตอนนั้นที่ชายแดนแคว้นเมิ่งตู เขาสังหารจนโลหิตไหลเป็นสายน้ำ สำนักเต๋ามารส่งเซียนจำนวนมากออกไป แม้แต่จ้าวสำนักยังลงมือจับเขา!!”
มีเซียนขั้นที่สามอีกหลายสิบคนที่จดจำหวังหลินได้ เหล่าคนที่จำได้คือคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้น!
“ตอนนั้น ข้าบอกว่า…” หวังหลินถอนสายตาและยกแขนขวาขึ้นมา ความเจ็บปวดแล่นออกมาจากแขนและเปล่งกลิ่นอายหยินอันทรงพลัง!
“หากข้าหนีรอดไปได้…” หวังหลินพึมพำ ดาบหยินโผล่ปลายแหลมออกมาจากฝ่ามือ
“ข้าจะทำให้สำนักเต๋ามาร…” ดาบหยินยืดยาวออกมาอย่างรวดเร็ว มันยังไม่จบแค่นั้นและยังขยายออกไปเรื่อยๆ!
“หายไปจากแผ่นดินเซียนดารา ทั้งสำนักจะถูกทำลายและชื่อนี้จะต้องถูกลบออกไป!” ดาบหยินยาวเกือบสามสิบฟุต หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาให้แสงอาทิตย์ส่องกระทบใบดาบจนเปล่งแสงสีขาวเยือกเย็น พลังงานหยินมหึมาเข้าห่อหุ้มหวังหลิน!
หวังหลินพุ่งทะยานเข้าหาเหล่าเซียนด้านล่าง ความเร็วของเขามากกว่าประกายแสง หวังหลินไม่ได้ใช้วิชาอันใด เขาจะใช้ดาบเล่มนี้เพื่อกวาดล้างทั้งสำนัก!
เพื่อสร้างเป็นหอคอยศีรษะมนุษย์!
ชายชราชุดทองมีท่าทีเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมาจากร่างหวังหลินและเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาจิตใจสั่นไหว อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถถอยกลับไป ในฐานะเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลายของสำนักเต๋ามาร เขาไม่สามารถหนีไปจากการต่อสู้นี้ได้!
วินาทีนั้นเขาส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาหวังหลินพร้อมกับชายวัยกลางคนชุดแดง ทั้งสองร่วมมือกันเพื่อต่อต้านหวังหลิน!
ด้วยความแข็งแกร่งของหวังหลินในปัจจุบัน เขาไม่จำเป็นต้องสวมเกราะวิญญาณก็คุกคามเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลายได้แล้ว เพียงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ หวังหลินยกดาบหยินขึ้นมาฟันลงไป!
“ฆ่า!!” เสียงคำรามดังออกมาจากปาก!
“ฆ่า!!” ร่างแก่นแท้ห้าธาตุปรากฏขึ้นด้านหลังและยกดาบหยินขึ้นมาเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่มันส่งเสียงคำรามแบบเดียวกับหวังหลิน!
“ฆ่า!!” ด้านหลังร่างแก่นแท้ห้าธาตุเป็นร่างแก่นแท้สายฟ้า ดาบหยินสายฟ้าถูกชูขึ้นในอากาศและส่งเสียงคำรามกึกก้องเป็นครั้งที่สาม!
เสียงคำรามทั้งสามร่างดังกึกก้องจนกลายเป็นคลื่นเสียงน่าตกตะลึง เสียงนี้เข้าไปแทนที่เสียงทุกอย่างในโลกและสั่นคลอนจิตใจของเซียนสำนักเต๋ามารทุกคน ทั้งยังทำให้ทุกคนรวมจุดสนใจมายังร่างใต้แสงอาทิตย์ทั้งสามร่างที่กำลังเข้ามาใกล้!!