Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1919
ภายในพายุมีเสียงดังคะนองกึกก้องเบื้องหน้าหวังหลินและเขาถอนกำปั้นกลับมา ร่างกายสั่นสะท้านและถอยไปสามก้าว ก้าวแรกทิ้งเป็นรอยเท้าสีแดงเพลิง
ก้าวที่สองเป็นรอยเท้าสีเขียวเต็มไปด้วยป่าไม้ ก้าวที่สามทำให้พื้นปฐพีกลายเป็นโลหะคล้ายกับรอยเท้าโลหะ
หวังหลินเงยหน้าขึ้นมองบรรพชนสำนักเต๋ามาร
พายุค่อยๆ หายไป บรรพชนสำนักเต๋ามารก้าวเดินออกมาและมองมาที่หวังหลิน
“ไม่ตายหรือบาดเจ็บจากกำปั้นของข้า ก้าวสามครั้งถอนสามวิชาที่เข้าไปในร่าง เขามีพลังพอที่จะทำลายสำนักเต๋ามาร!”
หวังหลินมองบรรพชนของสำนักเต๋ามารด้วยท่าทีสุขุม กำปั้นนั้นมีวิชาถึงเก้าอย่างแต่เขาป้องกันได้แค่หกเท่านั้น สามก้าวสุดท้ายคือการต่อกรกับวิชาทั้งสามที่ตกค้างเอาไว้
‘นี่คือพลังอำนาจของมหาชั้นฟ้า? แข็งแกร่งมาก!’ หวังหลินแววตาเปล่งประกาย เขาต้องการต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้า!
‘เช่นนั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็ต่อสู้กันแบบนี้…’ หวังหลินนึกย้อนถึงกำปั้นของบรรพชนของสำนักเต๋ามาร
เขากำลังเรียนรู้!
“นี่คือกำปั้นที่สอง!” บรรพชนสำนักเต๋ามารก้าวมาข้างหน้า เรือนผมพริ้วไหว แววตาเผยประกายแสงประหลาด ขณะที่ยกแขนขวาขึ้นมา ทั้งร่างเปลี่ยนไปมาระหว่างภาพจริงและมายา!
นาทีที่กำปั้นครั้งที่สองปรากฏขึ้นมา ทั้งสำนักเต๋ามารสั่นสะท้าน ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นมาและถูกฟ้าดินฉีกกระชากจนพื้นที่รอบตัวหวังหลินกลายเป็นความว่างเปล่า!
มันคือความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด ในความมืดมิดแห่งนี้หวังหลินมองไม่เห็นท้องฟ้าหรือพื้นดิน ราวกับเขาอยู่ในโลกอีกใบ มีสิ่งเดียวในนี้คือกำปั้น!
กำปั้นที่มีวิชาถึง 18 อย่าง
หากผู้สูงส่งชั้นทองเห็นกำปั้นนี้คงรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวที่ไม่สามารถต้านทานได้ แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นทองสิบคนก็ไม่สามารถชะลอกำปั้นนี้ได้เพียงแค่หนึ่งลมหายใจ
จำนวนไม่มีความแตกต่างกันอีกแล้ว แต่แตกต่างด้านคุณภาพ!!
เหล่าผู้สูงส่งชั้นทองยังสามารถใช้วิชาเข้าต่อสู้ได้ แต่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ากลับใช้เต๋าผสานและผสานเข้ากับร่างกายในทุกจังหวะ กลายเป็นระดับบ่มเพาะที่สูงส่งยิ่งขึ้น!
‘ข้างในกำปั้นมีวิชาถึง 18 อย่าง…แข็งแกร่งมาก! ผสานเต๋าเข้ากับร่างกาย ข้ายังทำแบบนั้นไม่ได้!’ หวังหลินยกแขนขวาด้วยแววตาทอประกาย หวังหลินส่งกำปั้นเข้าหากำปั้นของอีกฝ่ายเช่นกัน!
‘ข้าไม่สามารถผสานเต๋าเข้ากับร่างกายและใช้วิชาเพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายได้ กำปั้นนี้มีการผสานพลังเทพและพลังบัญชาโบราณเอาไว้ มันไม่มีวิชาแต่มีพลังศรัทธาและพลังแห่งเจตจำนงของข้า!’ หวังหลินเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ เขาก้าวไปร้องคำราม ปะทะกันด้วยกำปั้น!
เสียงดังสนั่นรุนแรงยิ่งขึ้น ความว่างเปล่าเริ่มเผยสัญญาณพังทลาย พริบตานั้นมันก็ฉีกขาดและกลายเป็นวงกว้างขึ้น
ท้องฟ้ายังคงเป็นท้องฟ้าของแคว้นมารเขียว พื้นดินยังเป็นสำนักเต๋ามาร หวังหลินยืนอยู่ที่เดิม ห่างจากบรรพชนสำนักเต๋ามารหนึ่งพันฟุต
โลหิตไหลออกจากมุมปาก หวังหลินรู้สึกเหมือนมีพลังกระแทกรุนแรงดังขึ้นทั่วร่างกาย ร่างกระเด็นกลับไปเจ็ดก้าว วางแขนขวาที่กำลังสั่นลง โลหิตไหลลงบนพื้น
‘กำปั้นที่สองทรงพลังมาก สิบแปดวิชาผสานเป็นกำปั้น เพียงแค่กำปั้นเดียวสามารถแยกมิติออกมาจากโลกได้’ หวังหลินมองขึ้นไปและปาดโลหิตจากมุมปาก หันมองบรรพชนสำนักเต๋ามาร
“ระดับบ่มเพาะของเจ้าไม่สูงอะไรนักแต่กลับมีพลังต่อสู้เกือบถึงผู้สูงส่งชั้นฟ้า แต่เจ้าคงไม่รู้สิว่าเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าต่อสู้กันอย่างไร ข้าเชื่อว่าข้าน่าจะเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนแรกที่เจ้าต่อสู้ด้วย” บรรพชนของสำนักเต๋ามารพูดขึ้นพลางก้าวเดิน สายตามองหวังหลินอย่างเคร่งขรึม
‘เซียนที่ไม่รู้จักการต่อสู้ของผู้สูงส่งชั้นฟ้ากลับสามารถรับกำปั้นจากข้าได้ถึงสองหมัด เขาไม่ธรรมดา!’
หลังจากก้าวออกไปสิบก้าว บรรพชนมีดวงตาที่เปล่งประกายราวกับตกอยู่ในโลกแห่งจิตวิญญาณ เขามองหวังหลินพลันยกแขนขวาขึ้นมาเป็นครั้งที่สาม
บรรพชนของสำนักเต๋ามารพูดขึ้น “หากเจ้ารับกำปั้นสุดท้ายของข้าได้ ข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าทำลายสำนักเต๋ามาร! กำปั้นนี้มีพลังทั้งหมดของข้า หากไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ ข้าก็ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้จริงๆ! เจ้าต้องมีเหตุผลว่าทำไมถึงทำลายสำนักเต๋ามาร แต่ข้าจะไม่ถามว่ามันคืออะไร กำปั้นนี้จะจบสิ้นทุกอย่าง!”
“กำปั้นมีวิชาทั้งสิ้น 27 อย่าง เจ้าจะรับได้แค่ไหน?” บรรพชนของสำนักเต๋ามารพูดขึ้นพลางยกแขนขวา
หวังหลินรู้ได้ชัดทันทีว่าหากไม่สวมเกราะวิญญาณ เขาไม่สามารถรับได้แน่ กำปั้นนั้นทรงพลังมากพอที่จะฆ่าเขาได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่ร่างบัญชาโบราณก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้และถูกทำลายแน่นอน!
‘เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า คู่ควรที่อยู่ใต้ผู้สูงส่งชั้นเทวะจริงๆ!’ หวังหลินหลับตา รอยสักกระทิงสวรรค์บนใบหน้าเริ่มแผ่กระจาย ขณะเดียวกันระดับบ่มเพาะของหวังหลินได้เพิ่มสูงขึ้นทันที
กลิ่นอายแผ่กระจายออกมาจากวิญญาณกระทิงสวรรค์และเข้าสู่ร่างหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง มันเข้าไปในวิญญาณและวิญญาณดั้งเดิม ทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง แต่นี่ยังไม่จบ มันขึ้นไปถึงระดับปลายจนหวังหลินบรรลุผู้สูงส่งชั้นทองแล้วถึงจะหยุด
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บรรพชนของสำนักเต๋ามารหรี่ตาเป็นครั้งแรก
“หยิบยืมพลังวิญญาณ? นี่คือพลังวิญญาณของกระทิงสวรรค์ เช่นนั้นเจ้าก็ได้รับการยอมรับจากกระทิงสวรรค์!! ยกระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นจนได้ยินเสียงของกระทิงสวรรค์!” บรรพชนของสำนักเต๋ามารได้เปลี่ยนท่าทีเป็นครั้งแรก!
เขารู้ดีว่าวิญญาณทั้ง 72 ดวงถูกผนึกไว้ในแต่ละแคว้น แม้จะโดนผนึกแต่พลังผนึกแต่ละแคว้นก็แตกต่างกันอีก ซึ่งนั่นคือความแข็งแกร่งของวิญญาณแต่ละดวง
บางดวงวิญญาณได้ตายไปแล้ว หรือมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งเดียว ตัวอย่างก็คือวิญญาณแมงป่องเขียว เดิมทีมันทรงพลังมากแต่ผนึกแข็งแกร่งและโดนผนึกมานาน วิญญาณของมันจึงอ่อนแอ
วิญญาณของกระทิงสวรรค์นั้นต่างกัน ใน 72 แคว้นทั้งหมด กระทิงสวรรค์ได้เข้าร่วมทีหลัง ดังนั้นผนึกของมันจึงมีเวลาสั้นกว่า กระทิงสวรรค์ยังทรงพลังอีกจนติดลำดับสิบแปดใน 72 วิญญาณ
การได้รับการยอมรับจากวิญญาณไม่ใช่เรื่องพิเศษ แคว้นใดที่มีวิญญาณที่มีชีวิตมักจะมีผู้ส่งสาส์นแบบนี้ แต่การได้รับการยอมรับเป็นแค่ส่วนเริ่มต้น แม้จะมีพลังวิญญาณ อย่างมากก็ไปได้แค่ขั้นวิบากดับสูญระดับปลาย ไม่ได้ถึงผู้สูงส่งชั้นทอง!
สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนใฝ่หากันมาหลายต่อหลายปี แต่มีน้อยคนที่ได้ยินเสียงคำรามของวิญญาณและได้รับการยอมรับในระดับที่สูงกว่าจนบรรลุถึงผู้สูงส่งชั้นทอง
แต่ผู้สูงส่งชั้นทองเป็นขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ หากเป็นวิญญาณอันดับหนึ่งที่ผนึกอยู่ใต้เมืองหลวงอาจจะพอเป็นไปได้ที่ได้รับการยอมรับระดับสูง แต่สำหรับวิญญาณดวงอื่นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย
สิ่งสำคัญคือจำนวนเซียนที่สามารถบรรลุผู้สูงส่งชั้นทองด้วยเกราะวิญญาณนั้นมีน้อยกว่าจำนวนผู้สูงส่งชั้นฟ้าจนแทบเท่ากับจำนวนผู้สูงส่งชั้นเทวะ เพราะอย่างมากก็มีแค่สองคนในแต่ละแคว้น
บรรพชนของสำนักเต๋ามารไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่กลายเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้ามาก่อนและไม่เคยได้ยินว่าได้รับการยอมรับระดับสูงจากวิญญาณในแคว้นด้วย
ในมุมมองเขา โอกาสแบบนี้มีน้อยยิ่งกว่าคนที่กลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะเสียอีกและอาจน้อยเท่าการเป็นมหาชั้นฟ้าคนใหม่อีกด้วย
‘ทนรับสองกำปั้นจากข้าได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้า กระทั่งการได้รับการยอมรับในระดับสูงจากกระทิงสวรรค์ด้วย…นี่…’ บรรพชนของสำนักเต๋ามารเผยอารมณ์ไม่เปิดเผยมานาน
‘มหาชั้นฟ้าคนใดที่เจอคนผู้นี้คงต้องการรับเขาอยู่ใต้อำนาจ…ข้าเพียงแค่ไม่รู้ว่าเขาใช้เกราะวิญญาณจนบรรลุระดับบ่มเพาะอะไร!’ บรรพชนสำนักเต๋ามารมีแววตาส่องสว่าง ยกแขนขวาส่งกำปั้นที่สามออกไป
นาทีนั้นกำปั้นที่มีวิชาถึง 27 อย่างได้ก่อเกิดหลุมดำขนาดยักษ์ระหว่างเขาและหวังหลิน หลุมดำนี้ดูเหมือนกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงสำนักเต๋ามารเข้าไปด้วย
แม้แต่ท้องฟ้ายังดูเหมือนพังทลาย มันบิดเบือนและโค้งงอราวกับกำลังโดนหลุมดำกลืนเข้าไป
พื้นดินเปลี่ยนกลายเป็นครึ่งวงกลมจากพลังรุนแรงของหลุมดำ
หลุมดำปลดปล่อยเสียงร้องประหลาดพุ่งเข้าหาหวังหลิน!
หวังหลินลืมตา พลังผู้สูงส่งชั้นทองเต็มไปทั่วร่าง เขาสัมผัสถึงความแข็งแกร่งชัดเจนและพลังที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนกำลังไหลผ่านร่างกาย ร่างกายสั่นสะท้านและปรากฏร่างที่สองขึ้นมา
ร่างที่สองก้าวเท้า จากนั้นเป็นร่างที่สาม สี่ ห้า…จนกระทั่งร่างที่ 98 ปรากฏขึ้นมา ทั้งหมดคือภาพติดตาและมีจริงแค่หนึ่งร่าง
‘ข้าไม่สามารถผสานเต๋าเข้ากับร่างกายและใช้วิชาเพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายได้ แต่ข้าสามารถใช้เคล็ดเร่งความเร็วเพื่อใช้วิชา 98 อย่างในครั้งเดียวต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าได้!!’