Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1923
เสียงของหวังหลินดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ แม้แต่พายุทรายรอบสำนักปฐพียังถูกเสียงเขากดดัน ทุกอย่างดูเหมือนถูกแช่แข็งเบื้องหน้าเสียงของหวังหลิน
แม้กระนั้นสัมผัสวิญญาณของเขาได้ทำให้เกิดพายุสั่นสะเทือนถึงจิตวิญญาณของเซียนทุกคนในสำนักปฐพี
ยิ่งคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงขึ้นยิ่งสัมผัสได้อย่างรุนแรง บรรพชนของสำนักปฐพีอยู่ในขั้นผู้สูงส่งชั้นทองเท่านั้น แม้แต่จ้าวสำนักก็ไม่บรรลุผู้สูงส่งชั้นทอง เขายังอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับปลาย
ทั้งสองคนนี้เป็นเซียนที่ทรงพลังที่สุดในสำนักปฐพีแล้ว
ตอนนี้จ้าวสำนักกำลังดุด่าศิษย์สามคน เขามีท่าทีเคร่งเครียดและกำลังโกรธเกรี้ยวใส่หนึ่งในนั้น คำพูดของเขาเกิดแรงกดดันจนศิษย์ตัวสั่น
แต่ตอนที่หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา เขาไม่ต้องการทำร้ายใคร ดังนั้นศิษย์ระดับต่ำสามคนจึงต่อต้านได้แต่สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปและสัมผัสได้ว่ามีสายลมพัดผ่าน
กระนั้นสีหน้าของจ้าวสำนักปฐพีได้เปลี่ยนไปมหาศาล เขารู้สึกเหมือนมีสายฟ้านับแสนเส้นระเบิดอยู่ในหัว โลกกำลังพังทลายอยู่เบื้องหน้า ร่างกายสั่นเทาและพุ่งออกมาจากสำนักโดยไม่ลังเล
เขาไม่กล้าที่จะไม่ออกมา ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง!
รวมถึงบรรพชนระดับผู้สูงส่งชั้นทองของสำนักปฐพี เขาปิดด่านบ่มเพาะตลอดปีและไม่ออกมาง่ายๆ วินาทีนี้จิตใจส่งเสียงดังคะนอง สัมผัสวิญญาณของหวังหลินทะลุสิ่งกีดขวางทั้งหมดเข้ามาดังกึกก้องในใจเขา
บรรพชนผู้สูงส่งชั้นทองของสำนักปฐพีพลันลืมตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว
‘ผู้สูงส่งชั้นฟ้า!’ ผู้สูงส่งชั้นทองรู้สึกราวกับโลกเบื้องหน้าพังทลาย รู้สึกว่าแค่เศษหินพุ่งเข้าหาเขาก็ทำให้ร่วงหล่นได้แล้ว
ความรู้สึกกลัวเต็มไปทั่วจิตใจ บรรพชนพลันเคลื่อนย้ายพริบตาออกมานอกสำนักปฐพีในทันที
นอกจากทั้งสอง ด้านตำหนักในเขตชั้นห้า ชายชื่อฉิงรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณนี้ได้เป็นอย่างดี ร่างกายสั่นเทาและเขายิ่งสับสนมากกว่าเดิม
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่สตรีด้านข้างก็สั่นสะท้านไปด้วย แววตาของนางเกิดความสับสน
ศิษย์กว่าสามหมื่นคนของทั้งสำนักต่างก็รู้สึกจิตใจสั่นสะท้านแต่ก็กลัวเกรง มีเพียงหนึ่งหญิงหนึ่งชายที่เกิดความสับสน
แต่ทั้งสองกลับไม่รู้ว่าในขณะนั้นพวกเขาดูคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก
ด้านนอกสำนักปฐพี หวังหลินยืนอยู่บนหัวมังกรสมุทรอย่างสงบนิ่งและมองพายุทรายเบื้องหน้า บรรพชนของสำนักปฐพีปรากฏตัวขึ้นก่อน ตามมาด้วยลำแสงของจ้าวสำนัก
พอบรรพชนผู้สูงส่งชั้นทองปรากฏ เขาเห็นมังกรสมุทรอยู่ใต้หวังหลิน วินาทีนั้นจิตใจสั่นรัว เจ้ามังกรสมุทรตัวนี้เทียบเท่ากับเซียนผู้สูงส่งชั้นทองและด้วยพลังอำนาจของมันยังแข็งแกร่งกว่าจ้าวสำนักเต๋ามารอีกเล็กน้อย
‘มังกรสมุทรระดับผู้สูงส่งชั้นทองเป็นพาหนะ…’ ชายชรารู้สึกเหงื่อท่วมหน้าผาก เขามองหวังหลินที่กำลังยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง พอสบสายตาหวังหลินจึงจิตใจสั่นเทา เขารีบคำนับฝ่ามือและโค้งตัวด้วยความเคารพ
“เจิ้งเทียนหลินแห่งสำนักปฐพี ขอคารวะผู้อาวุโส”
พอเขาพูดขึ้นจ้าวสำนักก็มาถึง แต่เพียงแค่ชำเลืองมองก็หน้าซีดแล้ว เขาตกตะลึงกับพาหนะอันหรูหราของหวังหลิน เขายืนข้างบรรพชนอย่างเชื่อฟัง โค้งคำนับให้หวังหลินอย่างหวั่นเกรง
“ผู้น้อยไม่ได้สังเกตว่าผู้อาวุโสมาถึงที่นี่ ผู้น้อยหวังว่าผู้อาวุโสจะยกโทษ หากผู้อาวุโสไม่สนใจ โปรดให้ผู้น้อยได้ต้อนรับท่านเข้าสำนักปฐพีเพื่อเป็นการไถ่โทษ” เจิ้งเทียนหลินพูดจาอย่างเคารพและไม่กล้าเสียมารยาท เขากลัวว่าจะไปล่วงเกินผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนนี้
เขาไม่กล้าแม้แต่จะกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาตรวจสอบระดับบ่มเพาะของหวังหลิน มันเสียมารยาทเกินไปที่เซียนต่ำต้อยจะแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาตรวจสอบเซียนที่แข็งแกร่ง
ด้วยสัมผัสวิญญาณอันน่ากลัวขนาดนั้น เขาตัดสินได้อย่างชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือผู้สูงส่งชั้นฟ้า ทั้งมังกรสมุทรยังทำให้จิตใจเขาสั่นไหวเช่นกัน
‘ข้าเคยเจอผู้สูงส่งชั้นฟ้าเพียงแค่สองครั้ง แต่ละคนทำให้แคว้นสั่นสะเทือนได้ทุกคน…คนผู้นี้ปรากฏเบื้องหน้าสำนักฉับพลัน หรือจะมีคนในสำนักไปล่วงเกินเขา?’
หวังหลินยิ้มและกล่าวกับชายชรา “ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในสำนักหรอก ข้าแค่ผ่านแคว้นเมิ่งตูมาและแค่ต้องการแผนที่สมบูรณ์ที่สุดที่สำนักมีเท่านั้น เจ้าให้ข้าสักแผ่นได้หรือไม่?”
ด้วยรอยยิ้มนั้น ผู้สูงส่งชั้นทองจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากลัวว่าจะมีคนในสำนักไปล่วงเกินผู้สูงส่งชั้นฟ้า ต้องกล่าวว่ามีผู้สูงส่งชั้นฟ้าอยู่ราวๆ พันคนเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่ที่แคว้นกลาง บางคนติดตามมหาชั้นฟ้า ส่วนที่เหลืออยู่ในสำนักในฐานะบรรพชน
หลังจากได้ยินว่าหวังหลินมาที่นี่เพียงเรื่องแผนที่ เจิ้งเทียนหลินจึงรีบพยักหน้า
“ผู้อาวุโสสุภาพเกินไป ผู้น้อยมีแผนที่ที่สมบูรณ์ที่สุด มันมีทั้งแผ่นดินทิศตะวันออกไปและกว้างออกไป แม้แต่แคว้นทิศใต้ส่วนหนึ่งด้วย” เขาพูดขึ้นพลันสะบัดแขนปรากฏหินหยกสีทองขึ้นมา ยื่นส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ
หวังหบินรับหินหยกไว้และตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ แผนที่นี้กว้างกว่าในกระดองเต่าและค่อนข้างมีรายละเอียด
‘มีทั้งแผนที่ของแผ่นดินทิศใต้’ หวังหลินยิ้มและมองเจิ้งเทียนหลิน
พอเห็นว่าหวังหลินพึงพอใจมาก เจิ้งเทียนหลินจึงผ่อนคลาย
“ตอนที่ผู้น้อยกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นทอง ได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผู้น้อยออกไปทางทิศใต้และบันทึกทุกอย่างที่ได้เห็นระหว่างทางและทิ้งไว้ในหินหยกนี้ หากผู้อาวุโสต้องการ ไม่ต้องคัดลอกหรอก เอาไปเถิด ผู้น้อยคัดลอกไว้แล้ว”
หลังจากเก็บหินหยกไป หวังหลินต้องการตอบแทนแต่เขาเพิ่งบรรลุระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้า ทั้งยังอยู่ในอารามแมงป่องไปร้อยกว่าปี ดังนั้นจึงไม่ได้หยิบอะไรมีค่าออกมา
ต้องกล่าวว่าหยกแผนที่เป็นของที่ไม่มอบให้กันง่ายๆ มันถูกส่งต่อมาจากสำนักหลายต่อหลายรุ่น
หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินยื่นแขนขวาออกไปและรวบรวมเปลวเพลิงในฝ่ามือ เปลวเพลิงเปลี่ยนกลายเป็นเมล็ดเพลิงอมตะซึ่งมีแก่นแท้เพลิงอยู่บางส่วน
“ข้าจะไม่เอาแผนที่ของสำนักเจ้าโดยไม่ให้อะไรตอบแทน สิ่งนี้มีแก่นแท้เพลิงแฝงเอาไว้ หากมีใครในสำนักเจ้าสัมผัสมันได้ มันจะช่วยเพิ่มโอกาสการสร้างแก่นแท้เพลิง” หวังหลินสะบัดแขนขวาและส่งมันให้ชายชรา
ชายชราเผยใบหน้าปิติยินดี เขารีบรับเอาไว้และเก็บไว้ในมิติเก็บของ โค้งคำนับให้หวังหลินแต่ก็ลอบถอนหายใจ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่เขาพบเจอช่างขี้เหนียวมาก สองคนที่เขาเจอก่อนหน้านี้ก็เช่นกันและคนที่สามตรงหน้าก็เหมือนกัน
หลังจากมอบเมล็ดเพลิงและเก็บหินหยกไป หวังหลินหันตัวกลับ เขาแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาผ่านสำนักอย่างลวกๆ ซึ่งเป็นการกระทำตามจิตใต้สำนึกจากความระมัดระวังของเขา มังกรสมุทรพลันทะยานขึ้นไปพันฟุต
“ลาก่อน ผู้อาวุโส!” เจิ้งเทียนหลินสบายใจขึ้นมากและคำนับฝ่ามือ
จ้าวสำนักปฐพีอยู่กับเขาตลอดแต่ไม่มีสิทธิ์ได้พูด เขาคำนับฝ่ามือด้วยเช่นกัน
แต่วินาทีนั้นหวังหลินพลันหยุดกึกและหันกลับมา จ้องมองสำนักปฐพี ในใจเกิดคลื่นครั้งใหญ่
วินาทีนั้นเขาส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและสัมผัสกลิ่นอายวิญญาณที่ทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้าน!!
เจ้ามังกรสมุทรรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณของหวังหลินได้จึงร้องคำรามใส่ท้องฟ้า จากนั้นเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าสำนักปฐพี
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นฉับพลัน เจิ้งเทียนหลินไม่คาดคิดมาก่อน เขาหันกลับมาและสีหน้าเปลี่ยนไป มังกรสมุทรทะยานเหนือศีรษะเข้าสู่สำนักปฐพี
“ผู้อาวุโส!!” เจิ้งเทียนหลินมีสีหน้าเคร่งเครียดและหันกลับไปมองจ้าวสำนักปฐพีที่กำลังตกตะลึง ทั้งสองเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและติดตามหวังหลินไปติดๆ
เสียงคำรามของมังกรสมุทรดังกึกก้องไปทั่วฟ้า ทำให้ศิษย์สามหมื่นคนเกิดอาการสั่นเทา พวกเขารู้สึกเหมือนภาพลวงตาอำนาจแห่งสวรรค์กำลังตกลงมา
มังกรสมุทรลอยอยู่เหนือพื้นที่ของศิษย์อันดับห้า หวังหลินยืนมองลงไปและตกอยู่ในภวังค์
จ้าวสำนักและบรรพชนตามมาทันอย่างรวดเร็ว จ้าวสำนักหน้าซีด เขาไม่รู้ว่าทำไมหวังหลินถึงมาที่นี่ พอมองหวังหลิน หัวใจจึงเต้นถี่รัว
“ผู้อาวุโส ที่นี่คือกลุ่มศิษย์อันดับห้าของสำนัก…” เจิ้งเทียนหลินรู้สึกขมขื่น เขาสูดหายใจลึกและรีบอธิบาย
“ศิษย์อันดับห้า จงฟังคำสั่งข้า ทุกคนออกมาต้อนรับผู้อาวุโส!” เจิ้งเทียนหลินเปลี่ยนความคิดและเดาได้ว่าเหตุผลที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าพุ่งมาที่นี่เป็นเพราะมีศิษย์อันดับห้าคนหนึ่งทำให้เขาไม่พอใจหรือไม่ก็เป็นลูกหลานของศัตรู
‘โชคดีที่เป็นแค่ศิษย์อันดับห้า ถึงจะตายกันหมด เราก็ไม่สามารถล่วงเกินผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนนี้ได้!’ เจิ้งเทียนหลินตัดสินใจทันที ศิษย์อันดับห้าทั้งหมดก้าวออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าหวังหลินและกำลังโค้งตัว
ท่ามกลางฝูงชนมีชายหนุ่มแซ่ฉิงและหญิงสาวด้านข้าง
ทั้งสองกำลังโค้งคำนับแต่หวังหลินดวงตาเปล่งประกาย เขาเคลื่อนตัวในพริบตาและสะบัดแขนเสื้อ ส่งพลังอ่อนโยนออกไปและหยุดไม่ให้ทั้งสองคุกเข่า
พอมองชายหนุ่ม หวังหลินเผยใบหน้าอ่อนโยนขึ้น
“พี่ใหญ่โจว…”
…………………………………………………..