Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1924 รอคอยสายลมฤดูใบไม้ผลิ
หวังหลินก้าวออกไป ศิษย์สำนักปฐพีทุกคนระหว่างเขาและชายคนนั้นถูกผลักออกไปทั้งหมดด้วยพลังที่มองไม่เห็น หวังหลินก้าวทะยานปรากฏเบื้องหน้าชายแซ่ฉิง
“ผู้อาวุโส…” ชายแซ่ฉิงตกตะลึงพลางมองหวังหลิน ใบหน้าสตรีด้านข้างก็ตื่นตระหนก หวังหลินมาพร้อมกับบรรพชนและจ้าวสำนัก ดังนั้นจะต้องเป็นคนที่ทรงพลัง!
เจิ้งเทียนหลินเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึง ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดคำตอบไม่ออก จึงไม่ได้ลงมืออย่างวู่วาม
ด้านจ้าวสำนักที่เห็นเหตุการณ์ แววตาเกิดความเย็นเยียบ เขาถูกกลิ่นอายของหวังหลินข่มเอาไว้และไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของหวังหลินและเห็นเพียงด้านหลัง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าได้เจอโอกาสแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นจึงชี้ใส่ชายแซ่ฉิงและร้องคำราม
“เจ้าสองคนกล้านัก ผู้อาวุโสไม่ต้องทำอะไรเลย ข้าจะไล่เจ้าสองคนออกไปจากสำนัก!” เพียงเท่านั้นเขาก็เคลื่อนไหวเพื่อหาโอกาสโดดเด่น
“เจ้าโง่!!” พอเจิ้งเทียนหลินได้ยินแบบนี้สีหน้าจึงเปลี่ยนไป เขาสะบัดแขนและกำลังจะไปหยุดจ้าวสำนักปฐพี
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร หวังหลินหันกลับมา สายตาอ่อนโยนเปลี่ยนกลายเป็นเย็นเยียบ
“ไปซะ!”
คำพูดเขาดุจสายฟ้าระเบิดขึ้นกลางสำนัก กลายเป็นเสียงดังกึกก้องและเป็นคลื่นกระแทกทรงพลัง ทั้งหมดนี้กระแทกเข้าใส่จ้าวสำนักจนร่างกายสั่นสะท้าน กระอักโลหิตและกระเด็นออกไปไกล
เพียงคำเดียว เสียงเดียวก็สามารถทำให้จ้าวสำนักขั้นวิบากดับสูญระดับปลายได้รับบาดเจ็บสาหัส เจิ้งเทียนหลินหรี่ตาแคบและคำนับฝ่ามือให้หวังหลินทันที
“ผู้อาวุโสได้โปรดอย่าโกรธเกรี้ยว ลูกหลานของผู้น้อยคนนี้ไม่ได้บ่มเพาะมายาวนาน แม้จะมีพรสวรรค์แต่ก็วู่วามเกินไปและถูกผู้น้อยทำเสียนิสัย ผู้น้อยจะถอนตำแหน่งจ้าวสำนักและให้ผู้อาวุโสจัดการเขา ผู้น้อยจะหาคนใหม่มารับตำแหน่ง!”
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ศิษย์อันดับห้าเกือบพันคนต้องตกตะลึง พวกเขามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวเกินอธิบายได้
ชายแซ่ฉิงสั่นเทา สตรีด้านข้างกุมมือ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นทั่วฝ่ามือ
“เจ้า…ตอนนี้เจ้าชื่ออะไร?” หวังหลินมองชายแซ่ฉิง ภายในภวังค์เขาเห็นคนที่เผาไหม้ร่างกายตัวเองเพื่อปกป้องร่างศพสตรี เป็นคนที่หัวเราะพลางมอบผลึกเทวะให้แก่หวังหลินและเผาไหม้วิญญาณของตัวเองต่อสู้กับศัตรู!
วินาทีนั้นหวังหลินเห็นชายผู้กลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่และมองดูฉิงชวงตื่นขึ้นมาเสียความทรงจำ เขารออย่างเจ็บปวดและอยู่กับความเงียบไปตลอดกาล เขาไม่เคยยอมแพ้ แม้แต่ตอนตายและตอนที่นางลืมเขา
ความรู้สึกของเขาทำให้สวรรค์สั่นสะเทือน ความรู้สึกของเขาทำให้ผืนปฐพีสั่นไหว!
วิชาเกิดใหม่ไม่สามารถซ่อนความหลงไหลของท่านนับพันปีได้…
“ข้าชื่อฉิง…” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองหวังหลิน แม้จะเผชิญหน้าแต่ก็ยังมีสัมผัสความเย็นเยียบออกมาจากร่างกาย
“ฉิง…คำเดียว…” พอหวังหลินได้ยินแบบนี้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนอะไรแทงหัวใจ ความรู้สึกนี้มาจากความเข้าใจของเขาต่อชายตรงหน้าและพยานรักในชีวิตอันรันทด
ชายแซ่ฉิงขบคิดชั่วขณะและเอ่ยขึ้น “ใช่ ข้าเป็นเด็กกำพร้า ข้าให้ตัวเองชื่อ ‘ฉิง’ ” สตรีด้านข้างกุมมือเขาแน่นขึ้น
‘ความรู้สึกมิอาจลืมเลือนแม้จะผ่านการเกิดใหม่…เขาหลงใหลและคุ้มครองร่างศพนับพันปี พอนางตื่นขึ้นมากลับเป็นคนแปลกหน้า รอคอย…รอคอยหลายปีเพื่อให้นางจำเขาได้…ในชีวิตนี้เขาจึงชื่อฉิง…เป็นชื่อนั้นได้อย่างไร? นี่มันชื่อของสตรีที่เขาหลงใหลชัดๆ มาจากฉิงของฉิงชวง!!’ หวังหลินมองชายที่มีท่าทีเยือกเย็นและไม่พูดอะไรสักพัก
ความเยือกเย็นนี้แตกต่างจากฉิงชุ่ย มันมาจากชีวิตก่อนหน้าที่เป็นจิตวิญญาณกระบี่ ความเยือกเย็นของกระบี่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก แม้จะผ่านการเกิดใหม่ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม
‘ข้าคาดหวังกับเขาและการเกิดใหม่ของฉิงชวง…โดยเฉพาะของฉิงชวง แม้นางจะเป็นลูกสาวของฉิงหลิน นางก็เป็นคนที่ข้าปรับเปลี่ยนมากที่สุด!’ หวังหลินถอนหายใจและมองสตรีด้านข้าง นางดูเครียดและตื่นตระหนก นางกุมมือคนรักราวกับกลัวว่าจะสูญเสียไป เบื้องหน้าหวังหลินนางดูหวาดกลัวมาก หากไม่กุมมือคนรัก นางคงทำอะไรไม่ถูก
นางกลัวหวังหลิน วินาทีที่นางเห็นหวังหลิน ร่างกายสั่นเทา ความหวาดกลัวนั้นออกมาจากวิญญาณ ราวกับแกะลักเข้าไปในวิญญาณและไม่สามารถลบเลือนออกไปได้
หวังหลินมองสตรีด้านข้างและเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
นางตัวสั่นและก้าวถอยโดยไม่รู้ตัวและซ่อนอยู่ด้านหลังคนรัก นางกุมมือและหน้าซีดเผือด
“นางชื่อโจวยี่ถิง…” คนที่ตอบหวังหลินเป็นชายที่นางกำลังกุมมืออยู่
“โจวยี่ถิง…” หลังจากหวังหลินได้ยินชื่อ เขาจึงมองนางอย่างล้ำลึก
‘ตอนนั้นโจวยี่เรียกฉิงชวงว่า ‘ถิงเอ๋อร์’… ในชีวิตนี้นางน่าจะจำชีวิตในอดีตไม่ได้…’ หวังหลินหลับตา ตอนนั้นเขาทำแค่อย่างเดียว
เขาไม่ควรทำแบบนี้ เพราะทุกคนควรมีความทรงจำของตัวเอง แต่ระหว่างที่ฉิงชวงไปเกิดใหม่ หวังหลินได้ล้างความทรงจำของนาง!!
มันไม่ใช่ผนึก เขาได้ลบล้างความทรงจำของนางอย่างสมบูรณ์!! ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงต่อวิญญาณ เป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงรู้สึกกลัวสุดขีดต่อหวังหลินแม้จะผ่านการเกิดใหม่
‘ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับโจวยี่ เจ้าเลือกที่จะเย็นชา ข้าเป็นพยานรู้เห็นชีวิตของโจวยี่ ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะลืมและไปเกิดใหม่ด้วยมือข้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปมีเจตนา ข้าจะช่วยเจ้าลบความทรงจำเอง!!’
‘ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะไม่มีความทรงจำของชีวิตก่อนหน้า เจ้าจะมีความทรงจำในชีวิตปัจจุบันเท่านั้น!!’ นี่คือสิ่งที่หวังหลินคิดเอาไว้ตอนที่ลบล้างความทรงจำของฉิงชวง
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทุกคน หรือก็ไม่มีใครสังเกตเห็น หวังหลินทำลงไปเพื่อช่วยโจวยี่
เพียงหวังหลินหลับตา ชายที่กำลังกุมมือจึงเกิดอาการลังเลและพูดขึ้น “ผู้อาวุโส…ท่าน…ระดับบ่มเพาะของท่านสูงมาก ท่านช่วยข้าขจัดความสับสนได้หรือไม่…”
พอเขาพูดขึ้น นางจับมือเขาแน่นราวกับจะรวมกันเป็นหนึ่ง แม้แต่ตอนตายก็ไม่อยากแยกจากกัน นางดูเคร่งเครียดและเศร้า ราวกับลืมไปว่ากลัวหวังหลิน
“ฉิง ความฝันนั่น มันเป็นแค่ความฝัน!!!”
หวังหลินลืมตาขึ้นมามองเขา
ชายผู้กำลังกุมมือคนรักได้เอ่ยพึมพำกับนางเบาๆ “ข้าแค่ต้องการรู้คำตอบ”
“ขณะที่บ่มเพาะมาถึงจุดนี้ ข้ารู้สึกเหมือนเคยมาถึงแล้วและจึงบรรลุได้อย่างรวดเร็ว…ช่วงเวลาหลายร้อยปีนี้ ข้ามักจะมีความฝันหนึ่ง ความฝันนี้เหมือนเดิม…”
“ในความฝันนั้นมีสตรีคนหนึ่ง ข้าเห็นแต่แผ่นหลังของนางและนางสวมชุดสีขาว นางให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับข้าแต่ก็ทำให้ข้ารู้สึกเศร้าและหนาวเย็นไปด้วย ข้ามักต้องการมองเห็นใบหน้านางอยู่เสมอ ต้องการรู้ว่านางเป็นใคร…”
“ข้ารู้สึกเหมือนนางเป็นภรรยาข้าในชาติที่แล้ว…หากข้ามีชีวิตในชาติก่อน…นางอาจจะเป็นภรรยาข้า…”
“ดูเหมือนเป้าหมายของข้ามีอยู่เพียงเพื่อนาง เพื่อรอยให้นางหันกลับมามองข้า…” เขากระซิบ สายตาเผยความสับสนอันลึกล้ำ
ท่าทีสับสนของเขาเหมือนเดิมแบบคนที่คุ้มกันร่างศพมานับพันปี หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์…
รอบด้านเงียบสนิทและมีเพียงเสียงของเขา เจิ้งเทียนหลินมองเขาและมองหวังหลิน จากนั้นคาดเดาบางอย่างและขบคิดเงียบๆ
หวังหลินมองชายตรงหน้าและไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน เขาสามารถลบความทรงจำของฉิงชวงได้แต่ไม่ต้องการลบความทรงจำของชายคนนี้ เพราะชายคนนี้คือสหายของเขา เป็นผู้มีพระคุณ
หวังหลินต้องการให้เขาเลือกทางเดินที่ถูกต้องในชีวิตด้วยตัวเอง
“ปีหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ข้าเดินไปใต้ต้นไม้และมองดูใบไม้ ข้าชอบมันมาก พอถึงฤดูใบไม้ร่วง ข้ากลับมาที่ต้นไม้เดิมอีกครั้ง ข้าไม่พบใบไม้สีเขียวนั่นแล้ว ข้าคิดว่าข้าไม่สามารถหามันพบ…”
“แต่ข้าไม่รู้ว่ามันยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่สีของมันเปลี่ยนไป…ตอนที่ข้ากลับมา สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน ใบไม้สีเหลืองลอยออกไป มันหมุนรอบตัวข้าและไปกับข้าตลอดทาง แต่ข้าเศร้าเพราะกำลังคิดถึงใบไม้สีเขียว ข้าไม่เคยสังเกตว่าใบไม้ที่ข้ามองหาอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา…”
“นี่คือคำตอบของเจ้า” หวังหลินพูดขึ้นด้วยสายตาคิดถึง
“หากวันใดวันหนึ่งเจ้าค้นพบว่าคำตอบของข้าถูกต้อง เจ้าจงใช้ยาเม็ดนี้ มันจะทำให้เจ้าไม่เจอความฝันนั้นอีกครั้ง” หวังหลินหันกลับมาและก้าวขึ้นหัวมังกรสมุทร เขาทิ้งเม็ดยาสีเหลืองแห้งเหี่ยวเหมือนใบไม้แห้ง มันลอยตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังสับสน
“เจิ้งเทียนหลิน ทั้งสองคนคือสหายสนิทของข้า พวกเขาในตอนนี้มาเกิดใหม่ในสำนักเจ้า นี่คือโชควาสนาครั้งใหญ่ของสำนัก ข้าจะช่วยสำนักเจ้าสามครั้ง!! หากมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสอง ข้าจะมาอีกครั้ง!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้องในใจเจิ้งเทียนหลิน ขณะเดียวกันหวังหลินสะบัดแขนส่งหินหยกพร้อมกับประทับลอยเข้าหาเจิ้งเทียนหลิน
“ขอบคุณ ท่านผู้สูงส่งชั้นฟ้า!!” เจิ้งเทียนหลินสั่นเทาและโค้งคำนับหวังหลิน นี่เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยม!
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านทำให้เรือนผมชายหนุ่มและหญิงสาวพริ้วไหวจนพัวพันเข้าด้วยกันเหมือนผีเสื้อสองตัวกำลังเต้นระบำ
หวังหลินไม่ได้ปลดผนึกความทรงจำแต่ให้เขาได้เลือก จากนั้นจึงถอนสายตาออกไป ยืนอยู่บนมังกรสมุทรและให้มันพาเขาออกไป
‘โจวยี่ พี่ใหญ่โจว ลืมข้าเถอะ ลืมเรื่องโลกถ้ำ ลืมชีวิตในอดีต ในชีวิตนี้จงหวงแหนคนที่อยู่ข้างกายท่าน นางเป็นคนที่ท่านรอให้หันกลับมามองทั้งชีวิต เป็นร่างที่อยู่ในความฝันของท่าน’ หวังหลินถอนหายใจ
………………………………………………………….