Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1925 สำนักสวรรค์
‘เรื่องนี้ดูเหมือนไม่ยุติธรรมกับฉิงชวงและฉิงหลิน…ข้าไม่ควรทำแบบนี้…แต่ความหลงใหลของโจวยี่หลายพันปี…ช่างมันเถอะ ข้าไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้’ หวังหลินถอนหายใจ
ขณะมังกรสมุทรด้านล่างร้องคำราม พวกเขาได้ออกไปจากสำนักปฐพี ก่อนที่หวังหลินจะมาที่นี่เขาไม่คิดว่าจะมาเจอทั้งสองคนเลย
‘ซือถูหนาน ฉิงชุ่ย ฉวี่ลี่กั๋ว หลิวจินเปียว…มีสหายข้าอีกหลายคนในอดีต สงสัยนักว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน…มองมายังท้องฟ้าเดียวกัน’ หวังหลินนั่งอยู่บนหัวมังกรสมุทร ส่งสายตามองท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อย
‘ข้าสงสัยนักว่าซือถูจะได้เริ่มชีวิตในฐานะราชาหรือไม่ สงสัยว่าศิษย์พี่ฉิงชุ่ยอยู่ที่ไหนกัน ฉวี่ลี่กั๋วกำลังเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนอยู่หรือไม่ หลิวจินเปียวรู้แจ้งเต๋าแห่งการหลอกลวง เขายังคงทำความเข้าใจมันอยู่หรือไม่…’
‘และ…ลี่เฉียนเหมย’ หลังจากเจอสหายคนแรกที่มาเกิดใหม่ หวังหลินสัมผัสระลอกคลื่นดังกึกก้องในใจ ใบหน้าสดใสของแต่ละคนแล่นวาบขึ้นมา
มังกรสมุทรทะยานเข้าหาสำนักทรงพลังอีกแห่งบนแคว้นนั่นคือสำนักเมิ่งตู สำนักนี้เทียบเท่ากับสำนักปฐพี
ด้วยระดับบ่มเพาะผู้สูงส่งชั้นฟ้าของหวังหลินและมังกรสมุทรระดับผู้สูงส่งชั้นทอง การเดินทางจึงลื่นไหล สำนักเมิ่งตูได้มอบหินหยกแผนที่ให้กับหวังหลินด้วยความหวาดกลัวว่าหวังหลินจะไม่พอใจ
หวังหลินยังกระจายสัมผัสวิญญาณในแคว้นเมิ่งตูด้วย แม้โอกาสจะไม่มากนักเขาก็อยากรู้ว่าจะเจอสหายเก่าบ้างหรือไม่
แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
หวังหลินถอนหายใจและอวยพรให้แก่โจวยี่และฉิงชวง เขานั่งอยู่บนมังกรสมุทรที่กำลังมุ่งหน้าไปยังแคว้นสวรรค์
ทั่วทั้งแผ่นดินทิศตะวันออกมีเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ในแคว้นสวรรค์มีสำนักสวรรค์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง บรรพชนของสำนักสวรรค์ลือกันว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเดียวกันลั่วหยุนไฮ่แห่งสำนักมหาวิญญาณในแคว้นกระทิงสวรรค์
อย่างไรก็ตามระดับบ่มเพาะของเขาหยุดอยู่ที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้า เขาเคยติดตามมหาชั้นฟ้าชวงจื่ออยู่ครั้งหนึ่ง แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นและเขาจากมาอย่างเงียบๆ เขากลับมาที่สำนักและไม่ออกมาเลยหลายหมื่นปี
สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดบนแคว้นสวรรค์คือสำนักสวรรค์ ท่ามกลางเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง มีเพียงสำนักสวรรค์ที่ปกครองทั่วทั้งแคว้นสวรรค์
สำนักสวรรค์แตกต่างจากสำนักอื่น แทนที่จะเป็นแค่สำนักเดียว พวกเขามีสำนักสาขาทั้งหมด 19 สำนักทั่วทั้งแคว้นและควบคุมทรัพยากรได้อย่างหมดจด
ยามนี้ในแคว้นสวรรค์ มังกรสมุทรตัวยักษ์กำลังทะยานผ่านน่านฟ้าโดยมีหวังหลินนั่งอยู่บนหัว มองมาที่พื้นดินด้านล่างอย่างสงบนิ่ง
เหตุผลที่แคว้นแห่งนี้เรียกว่าแคว้นสวรรค์เป็นเพราะก้อนเมฆทั้งหมดลงมาต่ำมาก ก้อนเมฆนั้นควรจะอยู่สูงในท้องฟ้าแต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ก้อนเมฆได้อยู่ใกล้กับพื้นดินราวกับแค่ยื่นมือออกไปก็คว้าได้แล้ว
ทำให้แคว้นสวรรค์กลายเป็นดินแดนอัศจรรย์ที่ห่อหุ้มด้วยก้อนเมฆตลอดทั้งปี
ในแคว้นสวรรค์มีภูเขาอยู่นับไม่ถ้วน ยอดเขาที่สูงที่สุดเรียกว่ายอดเขาสวรรค์ มองไกลๆ อาจมองไม่เห็นทั้งภูเขา ราวกับมันถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆจนทำให้ดูพิเศษ
วันนี้มังกรสมุทรปรากฏตัวขึ้นพร้อมระลอกคลื่นเสียงดังกึกก้อง มันลอยอยู่ในท้องฟ้าและจ้องมองภูเขาด้านล่าง ระดับบ่มเพาะผู้สูงส่งชั้นฟ้าแผ่กระจายออกมาห่อหุ้มพื้นที่อย่างสมบูรณ์
หงังหลินยืนอยู่บนหัวด้วยชุดคลุมสีขาว ช่างดูพิเศษท่ามกลางก้อนเมฆสีขาว เขาก้าวข้ามผ่านก้อนเมฆสีขาวไร้ขอบเขตเข้าหายอดภูเขา
หวังหลินยืนอยู่บนยอดเขา ยอมให้สายลมพัดเรือนผมสะบัดพริ้ว มังกรสมุทรโคจรอยู่รอบตัวและมองรอบๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น
“ข้าหวังหลิน ขอเข้าพบบรรพชนแห่งสำนักสวรรค์!” หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปดุจสายฟ้านับล้านสายระเบิดออกมา เสียงดังกระจายไปโดยมีเขาอยู่ตรงกลางเหมือนสายฟ้าของจริงและปกคลุมพื้นที่แคว้นกว่าครึ่งส่วนในพริบตา
ในแคว้นสวรรค์ เซียนทั้งหมดในสำนักสาขาทั้งหมดและอีกหลายสำนักในใต้อำนาจสำนักสวรรค์ต่างก็เกิดการสั่นสะท้านตอนที่รู้สึกสัมผัสวิญญาณทรงพลังกวาดเข้ามา
แม้แต่ก้อนเมฆเหนือแคว้นสวรรค์ดูเหมือนจะพังทลาย พอสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกมา ก้อนเมฆจึงหลีกเลี่ยงจนทุกอย่างภายในระยะหลายล้านลี้รอบหวังหลินกลับมากระจ่างชัด!
ณ แคว้นสวรรค์ ในสำนักสวรรค์สาขาหลัก เพียงสัมผัสวิญญาณของหวังหลินดังกึกก้องไปทั่วภูเขานับไม่ถ้วนและระเบิดกลิ่นอายตกตะลึงออกมาจนทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน ชายชราผมขาวผู้หนึ่งก้าวเดินเข้าสู่ท้องฟ้า ก้อนเมฆแยกออกเป็นทาง
เขาทอดสายตามองไปยังตำแหน่งของยอดเขาสวรรค์ ดวงตาทอประกาย สะบัดแขนเสื้อและเลือนหายไป
เขาปรากฏตัวอีกครั้งบนยอดเขาสวรรค์ ก้าวออกมาพร้อมระลอกคลื่นเสียงดังสนั่น สายตาจ้องมองตรงไปที่หวังหลินโดยไม่สนมังกรสมุทรรอบภูเขา
ระหว่างทั้งสองคนห่างกันหมื่นฟุต ขณะที่ชายชรามองเข้ามา หวังหลินก็มองกลับไปและดวงตาทอประกาย สายตาทั้งสองสบตากันเป็นครั้งแรก
ทั้งหมดเงียบกริบแต่เกิดเสียงดังกึกก้องในใจหวังหลิน สายตาของชายชราดุจเข็มนับแสนเข้าสู่สายตาหวังหลิน ราวกับพวกมันกำลังแทงทะลุร่างกาย
หวังหลินร่างกายสั่นเทา แสงสีทองในดวงตาเปล่งประกายรุนแรงยิ่งขึ้น
ทั่วทั้งร่างของชายชราถึงกับสั่นสะท้าน เขารู้สึกเหมือนสายตาหวังหลินมีกระบี่สีทอง กระบี่เล่มนี้เปล่งพลังปราณสวรรค์ทรงพลังยิ่ง มันแหลมคมและมีแรงกดดันรุนแรง
พอมันเข้ามาในจิตใจ ราวกับกระบี่ทองแทงเข้าใส่ร่างเขา
“ทำไมเจ้าถึงเรียกข้ามาที่นี่?” ชายชราถอนสายตา มองหวังหลินด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ข้าเพิ่งบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าและอยากขอให้สหายเซียนชี้แนะ ไม่มีสิ่งใดอื่น” หวังหลินไม่มีความบาดหมางกับสำนักสวรรค์ เขาพูดด้วยความสุภาพและคำนับฝ่ามือให้ชายชรา
ชายชราหัวเราะขึ้นทันที แววตาผุดเจตนาต่อสู้ ระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่ค่อยมีการต่อสู้เป็นตายนัก แต่การแลกเปลี่ยนกันนับว่าเกิดขึ้นเป็นปกติ เพราะมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าน้อยเกินไป การจะมีโอกาสได้ต่อสู้กันจึงยากมาก
การแลกเปลี่ยนกันแบบนี้เป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสอง
“ดี!” ชายชราก้าวไปข้างหน้าและยกแขนขึ้นมา โบกสะบัดใส่หวังหลินที่อยู่บนยอดเขา หิมะทั้งหมดบนยอดเขาเกิดการสั่นไหว กลายเป็นพายุหิมะและพุ่งเข้าหาหวังหลินจากทุกทิศทาง
พายุหิมะมีถึงเก้าวิชา มันส่งเสียงหวีดหวิวและกระหน่ำทิ่มแทงหวังหลินจากข้างใน
หวังหลินหัวเราะพลางยกแขนขวาขึ้นมาโยนกำปั้นใส่!
กำปั้นนี้มีถึงเก้าวิชาด้วยเช่นกันและทั้งเก้าล้วนเป็นประทับวิญญาณสงคราม!
เสียงดังสนั่นกึกก้องและสั่นสะเทือนทั่วบริเวณ พายุหิมะสั่นไหวและระเบิดเป็นหิมะปกคลุมไปทั่ว
เสียงดังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงหัวเราะสะเทือนฟ้าดิน
หลายชั่วโมงต่อมา หวังหลินถอยร่างออกมาจากหิมะและประคองตัวเองห่างออกไปหลายหมื่นฟุต
“ระดับบ่มเพาะของสหายเซียนช่างยอดเยี่ยม การต่อสู้ครั้งนี้เป็นประโยชน์กับข้าอย่างมาก ขอบคุณท่านมาก!”
ขณะเดียวกันชายชราก็ถอยกลับไปหลายหมื่นฟุตในทิศตรงข้ามก่อนจะประคองตัวเองด้วยเช่นกัน
“เจ้าเพิ่งบรรลุขั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าและสามารถผสานเก้าวิชาเข้าไปในการเคลื่อนไหวได้ ทั้งยังดูไม่แก่เลย ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่ง!”
ทั้งสองคนอยู่ห่างจากกันหลายหมื่นฟุต ต่างคำนับฝ่ามือให้กันและยิ้มออกมา
“อีกครั้ง?”
“อีกครั้ง!”
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว การปะทะกันของทั้งคู่ทำให้จิตใจเจ้ามังกรสมุทรสั่นไหวและต้องล่าถอย มันมองร่างที่น่ากลัวทั้งสองและกะพริบตาก่อนจะล่าถอยอีกครั้ง
การต่อสู้นี้กินเวลาเจ็ดวัน หวังหลินและชายชราต่อสู้กันถึง 23 ครั้ง! ทุกครั้งจะแบ่งส่วนหนึ่งฟื้นฟูระดับบ่มเพาะและคิดถึงการต่อสู้ก่อนหน้านั้น พวกเขายังพูดคุยกันอีก
การต่อสู้ระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าแบบนี้ไม่มีความเกลียดชังเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
“สหายเซียนหวัง ข้าเห็นว่าท่านยังรั้งมีฝีมืออยู่เล็กน้อย ความแข็งแกร่งของเราคล้ายกัน เช่นนั้นทำไมไม่ทุ่มออกมาทั้งหมด?” พอจบการต่อสู้ครั้งที่ 23 ชายชราจึงหัวเราะออกมาไกล
“ก็ได้!” หวังหลินยืนขึ้น ร่างแก่นแท้ห้าธาตุปรากฏตัว!
เพียงร่างแก่นแท้เดียว ระดับพลังต่อสู้ของหวังหลินเพิ่มขึ้นจนสามารถต่อสู้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผสานวิชา 18 วิชาได้แล้ว!
‘ร่างแก่นแท้! และไม่ใช่ร่างแก่นแท้ธรรมดา เป็นร่างแก่นแท้ที่ผสานเข้ากับแก่นแท้หลายชนิด!’ ชายชราหรี่ตาแคบลงพลางมองร่างแก่นแท้ของหวังหลิน
ทั้งสองโจมตีพร้อมกัน ชายชราไม่ออมมืออีกต่อไป เขาระเบิดพลังเพื่อผสาน 17 วิชาเข้าด้วยกัน
เกิดเสียงดังกึกก้องไปสามวัน หวังหลินยิ้มพลางก้าวขึ้นบนหลังมังกรสมุทรและทะยานจากไป
“สหายเซียนมู่หรง ขอบคุณมาก!”
ชายชราผมขาวก้าวออกมาจากหิมะและมองทิศทางที่หวังหลินไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม
‘เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่…ด้วยระดับบ่มเพาะนี้ ข้าสงสัยว่าเขาจะผ่านบททดสอบชั้นฟ้าได้ไกลแค่ไหน’ ชายชราผมขาวรอจนหวังหลินเลือนหายไปจึงออกไปจากที่นี่
‘มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใหม่ในเผ่าเทพ เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานต่อมหาชั้นฟ้า’ การต่อสู้ในสิบวันนี้ทำให้เขาเกิดความเข้าใจขึ้นอย่างมาก
…………………………………………………………