Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1929 ไฮ่จื่อ
หวังหลินไม่ได้เข้าไปลองตำหนักที่เหลือแม้จะเป็นหนทางที่เร็วที่สุดในการได้รับความสนใจจากเหล่ามหาชั้นฟ้าก็ตาม
แต่ตอนนี้เขายังมีเรื่องอื่นต้องทำ หลังจากขบคิดเพียงชั่วครู่ แสงจากสี่ตำหนักยังคงเต็มทั่วบริเวณ หวังหลินตัดสินใจลงมาพื้นด้านล่างเบื้องหน้าสายตาของเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า
สายตาแทบทุกคนจับจ้องมาที่หวังหลินเหมือนผู้สูงส่งชั้นจูหลินก่อนหน้านี้ แม้แต่จูหลินยังจ้องหวังหลินตาไม่กะพริบ
จากมุมมองของเขา หวังหลินแตกต่างจากเซียนทั่วไป คนอื่นคงอยากลองตำหนักถัดไปแม้จะรู้ว่าไม่มีทางเลือก จากนั้นก็จะรู้ได้ว่ามันยากแค่ไหนและรู้ได้ว่าตัวเองบกพร่องด้านการบ่มเพาะ
แต่หลังจากหวังหลินทะลวงผ่านสี่ตำหนัก เขาไม่ได้เข้าสู่ตำหนักระดับห้า คนอื่นอาจจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้แต่จูหลินสังเกตได้ เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวหวังหลินขึ้นมาบ้างแล้ว
‘เขารู้ว่าไม่มีทางผ่านระดับห้าได้ หรือไม่ก็รู้ว่าสามารถผ่านระดับห้าได้โดยไม่ต้องทำอะไรมากนัก…ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง…ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างหลัง!’ ผู้สูงส่งจูหลินขบคิดเงียบๆ และดวงตาเป็นประกาย
พอหวังหลินมาถึงพื้นดิน เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ารอบด้านยิ้มให้กับเขาเพื่อแสดงความยินดี ส่วนใหญ่เป็นคนที่หวังหลินท้าประลองด้วยในช่วงห้าสิบปี ดังนั้นจึงรู้จักกัน
มีส่วนน้อยที่ไม่เคยเจอแต่ก็อยากต้องการพบปะหวังหลิน
หวังหลินยิ้มเบาๆ และคำนับฝ่ามือให้กับพวกเขาทีละคน
“เหล่าสหายเซียน ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ดังนั้นข้าขอตัวลาก่อน หากอนาคตข้ามีเวลา จะกลับมาอีกครั้ง!” หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นลำแสง พุ่งทะยานเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาปรากฏตัวออกมา ร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นหมอกและเลือนหายไป
พอเขาจากไป เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าจึงถอนสายตา พวกที่รู้จักกันก็เริ่มพูดคุย
“เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้ลองไปให้สุด การได้เห็นเขาผ่านสี่ชั้นแรกไปได้ง่ายๆ ข้าพนันว่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวคนนี้อย่างน้อยก็ทะลวงไปได้ถึงระดับเจ็ด!”
“ไม่น่าเป็นแบบนั้น ข้าประลองกับเขาเมื่อสามสิบปีก่อน สี่ระดับน่าจะเป็นขีดจำกัดแล้ว!”
“พูดยาก แม้สามสิบปีจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่โชควาสนาเล็กน้อยก็มีโอกาสให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าแบบเราก้าวหน้าได้ รอดูเถอะ เขาน่าจะมาบททดสอบชั้นฟ้าเป็นครั้งที่สอง”
ด้านในถ้ำข้างทะเลขุนเขา หวังหลินพลันลืมตาเป็นประกายส่องสว่าง
วินาทีนั้นเจ้ามังกรสมุทรที่คุ้มกันเขาได้เผยความยินดี มันหมุนวนรอบหวังหลินและส่งเสียงร้องอย่างสนิทสนม
หวังหลินยกแขนขึ้นมาลูบหัวของมัน เขามองเขตอาคมรอบด้าน ทั้งยังจงใจทิ้งเขตอาคมกาลเวลาเอาไว้เพื่อเอาไว้ดูว่าเขาหายไปนานแค่ไหน
‘เวลาเดียวกับที่ใช้ไปในบททดสอบชั้นฟ้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง’ หวังหลินลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้า เจ้ามังกรสมุทรตามมาทันที
หนึ่งคนหนึ่งมังกรปรากฏตัวด้านนอกถ้ำ ยามนี้ดวงจันทรากำลังแขวนตระหง่านกลางท้องฟ้าและส่องแสงกระทบบนผิวทะเล ระลอกคลื่นม้วนตัวเปล่งละอองแสงระยิบระยับ
เสียงคลื่นดังเข้าถึงหูหวังหลินและลมทะเลกระทบบนร่างกาย เรือนผมสีขาวพริ้วไสวในสายลมและเปล่งประกายอยู่ใต้แสงจันทรา
หวังหลินจ้องมองทะเลขุนเขา ขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงก้าวไปบนหลังมังกรสมุทร มันร้องคำรามและมุ่งหน้าเข้าสู่ทะเล
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าเป็นรองเพียงมหาชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้ง 48 คนเท่านั้น พวกเขาสามารถไปที่ไหนก็ได้และสำนักจำนวนมากต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพราะพวกเขาคือยอดเซียนของเผ่าเทพ!
แม้แต่วิญญาณโบราณยังโดนผนึกได้! ตอนนี้หวังหลินกำลังเข้าไปหาต้นไม้ทะเลขุนเขาที่ผนึกอยู่ที่นี่ ก่อนที่เขาจะมีพลังแบบผู้สูงส่งชั้นฟ้า การจะทำเรื่องนี้นับว่าเป็นไปไม่ได้เลย
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อสามารถผสาน 70 วิชาเข้าไปในดัชนีก็อาศัยอยู่ที่นี่
มังกรสมุทรระดับผู้สูงส่งชั้นทองนั้นรวดเร็วมาก เมื่อเข้าสู่ทะเลขุนเขาจึงมุ่งหน้าเข้าไปในทะเล เดิมทีมันเป็นมังกรสมุทร ดังนั้นตอนนี้จึงเหมือนมัจฉาที่แหวกว่ายในน้ำและยิ่งรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
มันปลดปล่อยเสียงร้องแหลมดังกึกก้องในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด
‘เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ไม่สามารถใช้ได้นานนัก แม้แต่ตอนนี้ก็สามารถใช้ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยเกราะวิญญาณและเคล็ดเร่งความเร็วของข้า นางเอาชนะข้าไม่ได้แน่!’
‘แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้!’ แววตาหวังหลินเป็นประกาย มังกรสมุทรทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลอย่างรวดเร็ว
ความปั่นป่วนได้ทำให้เกิดวังวนยักษ์ขึ้นมาในทะเล เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง เหล่าอสูรนับไม่ถ้วนถูกอำนาจของมังกรสมุทรจนเกิดความสั่นไหวและถอยหนี ไม่มีตัวไหนกล้าเข้ามาใกล้
ใช้เวลาไม่นานหวังหลินก็เข้าใกล้ใจกลางทะเลขุนเขา คลื่นรุนแรงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นกำแพงน้ำที่ป้องกันไม่ให้มังกรสมุทรไปได้ต่อ
มังกรสมุทรเผยท่าทีดุดันและใช้ศีรษะกระแทกใส่กำแพงน้ำ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับกำแพงพังทลายจนมังกรสมุทรพุ่งทะยานไปได้ต่อ น้ำที่ระเบิดราวกับกำลังเดือด
บนพื้นน้ำมีหนวดขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยของเหลวเหนียวกำลังพุ่งขึ้นมา หนวดพวกนั้นตัดขวางกันและกันและกลายเป็นพื้นดินโผล่ออกมาจากทะเล
มันดูเหมือนเป็นเกาะ แต่หากมองใกล้ๆ จะเห็นชัดว่าเป็นอสูรปลาหมึกยักษ์ กลิ่นอายระดับผู้สูงส่งชั้นทองระเบิดออกมาจากเจ้าปลาหมึกตัวนี้
จากนั้นมีสตรีงดงามผู้หนึ่งเผยตัวเองออกมาบนศีรษะเจ้าปลาหมึก นางสวมชุดราตรีสีเขียว แม้ร่างกายจะปกคลุมอยู่ในชุดราตรีแต่นางกลับสามารถทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว นางถือขลุ่ยสีเขียวในมือ ผมยาวทัดขึ้นด้านหลังศีรษะ ดวงตาเป็นประกายงดงามจนลืมหายใจ
บนหน้าผากมีปลาดาวห้าสีประดับเอาไว้ เป็นจุดที่ทำให้ความงดงามของนางเบ่งบานยิ่งขึ้นไปอีก
“หวังหลิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก? แม้จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขาจะไร้ประโยชน์สำหรับข้า ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าเอามันไป!” นางขมวดคิ้วจ้องมองหวังหลินที่กำลังยืนอยู่บนหลังมังกรสมุทรและผ่านกำแพงน้ำเข้ามา
มังกรสมุทรร้องคำราม มันไม่ได้ตรงเข้าหาหญิงสาวแต่ตรงเข้าหาปลาหมึกด้านล่าง เจ้าปลาหมึกจ้องมองมังกรสมุทรด้วยสายตามืดมนเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าสมุทรทั้งสองได้เจอกัน พวกมันเคยสู้กันมาก่อน
หวังหลินยืนอยู่บนหลังมังกรสมุทรและมองสตรีงดงามด้านหน้า “จิตวิญญาณต้นไม้ทะเลขุนเขามีประโยชน์สำหรับข้า ข้าต้องการแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการทั้งหมด มันไร้ประโยชน์สำหรับท่านและจะไม่ส่งผลกระทบต่อทะเลขุนเขา ทำไมท่านต้องทำให้ข้าลำบากใจ?”
“อีกทั้ง มันไม่ได้เป็นของท่าน ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ มันถูกบรรพชนเทพผนึกเอาไว้ แต่เพราะถ้ำของท่านอยู่ที่นี่ ท่านคิดว่าจะครอบครองของพิเศษนี้เป็นของตัวเองเชียวหรือ!”
หวังหลินได้เห็นความงดงามของนางเมื่อสามปีก่อน ความงามของนางกล่าวได้ว่าไร้ที่ติ ในชีวิตหวังหลินการจะได้เจอหญิงสาวที่สามารถเทียบความงดงามกับมู่ปิงเหมยนับว่าหายากนัก นางงดามแบบนั้น!
และนางเป็นถึงผู้สูงส่งชั้นฟ้า ดังนั้นจึงมีความรู้สึกอันพิเศษ
นางเชิดคางขึ้นมาจ้องมองหวังหลินอย่างเยือกเย็นและชี้ไปให้ “ข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุกอย่างในทะเลขุนเขาเป็นของข้า! หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ เจ้าก็เอามันไป แต่เจ้าทำได้หรือไม่? เจ้าเพิ่งมาที่นี่เมื่อสามปีก่อนและเจ้าก็ไม่สามารถรับข้าได้แม้แต่สามกระบวนท่า ตอนนี้ผ่านมาสามปียังจะลองอีกครั้งหรือ? ไร้สาระ!”
เพียงเท่านี้โลกก็เปลี่ยนสีสัน ท้องทะเลร้องคำรามพลางปรากฏวังวนขึ้นระหว่างนางและหวังหลินถึง 70 แห่ง แต่ละวังวนมีวิชาหนึ่งของนางอยู่ในนั้น
นางเริ่มด้วยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าต้องการบังคับหวังหลินให้ออกไปด้วยกระบวนท่าเดียว!
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง วินาทีที่นางยกดัชนีขึ้นมา บนใบหน้าหวังหลินมีแสงกะพริบเบาบาง รอยสักกระทิงสวรรค์ที่ปิดซ่อนไว้นานพลันปรากฏตัวและปกคลุมทั่วร่าง
เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้งในรอบห้าสิบปี!
พอหวังหลินนำเกราะวิญญาณออกมา กลิ่นอายระดับบ่มเพาะจึงเพิ่มพูนขึ้น เขากระโจนออกจากมังกรสมุทรและมองผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อที่ตกตะลึงกับเกราะวิญญาณ
“ผู้ส่งสาส์นวิญญาณ!” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อหรี่สายตา นางบอกได้ว่าในการต่อสู้ครั้งก่อนหวังหลินได้ออมมือไว้ แต่นางไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ส่งสาส์นวิญญาณที่มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะเสียอีก!
“เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าแต่ก็เป็นผู้ส่งสาส์นวิญญาณด้วย…แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ในชั่วเวลาสั้นๆ เกราะวิญญาณทั้งหมดมีขีดจำกัด ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน!” นางคว้าจับอากาศและโบกสะบัดใส่ท้องฟ้า
……………………………………………………….