Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1936 ห้าฟุต
แม้ใบหน้าด้านนอกจะไม่มีผิวหนังและเป็นแค่ก้อนโลหิต หวังหลินนึกถึงเหตุการณ์ที่บรรพชนเทพผนึกกระทิงสวรรค์ตอนที่เขาทำการดูดซับสายเพลิงปฐพี
ใบหน้าอันเลือนลางนี้คล้ายกับใบหน้าของบรรพชนเทพเป็นอย่างมาก!!
เพียงแค่มันร้องคำรามดุดัน เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายไปบนม่านแสง หวังหลินถอยกลับไปบนพื้นด้วยท่าทีมืดมน ม่านแสงขนาดห้าร้อยฟุตสั่นสะท้านและหดตัวลงอีกครั้ง
มันหดจากห้าร้อยฟุตไปเหลือสามร้อยฟุต ทำให้หวังหลินและไฮ่จื่อเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ร่างเลือนลางกระแทกใส่ม่านแสงไปครึ่งชั่วโมงก่อนจะหยุดลง มันจ้องหวังหลินและไฮ่จื่อไปสักพักก่อนจะถอยกลับเข้าไปในความมืดมิด
ไฮ่จื่อกันริมฝีปากและมองดูม่านแสงเบื้องบน นาทีต่อมานางจึงเอ่ยขึ้น “ม่านแสงคงอยู่ได้อีกไม่นาน…”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ สิ่งที่เขาเห็นอย่างเลือนลางนั้นทำให้รู้สึกเหมือนมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในฝ่ามือ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นทำไมบรรพชนเทพถึงปรากฏตัว?
หวังหลินแววตาเป็นประกายและมองมาที่ไฮ่จื่อ “อาจารย์ของเจ้าคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ เจ้าได้ยินเรื่องของบรรพชนเทพหรือไม่?”
“บรรพชนเทพ?” นางมองหวังหลิน ตอนที่หวังหลินจำได้ว่าร่างนั้นเป็นบรรพชนเทพ เขาคิดอยู่แต่ไม่ได้พูดออกไปเสียงดังมากนัก ดังนั้นไฮ่จื่อจึงไม่รู้ว่าหวังหลินเห็นอะไร
“ข้าได้ยินอาจารย์พูดถึงเพียงครั้งเดียว ในอดีตเมื่อนานมาแล้วเผ่าเทพมีเพียงแค่แผ่นดินเดียว บรรพชนเทพได้ผนึกสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกแผ่นดินจนสร้างเป็น 72 แคว้นที่เรารู้จักในทุกวันนี้”
“ข้าได้ยินจากอาจารย์ว่าหลังจากผนึกสิ่งมีชีวิตตัวที่ 72 บรรพชนเทพก็หายตัวไป ไม่รู้ว่าไปที่ไหน แม้ลูกหลานจะค้นหาอยู่นานก็ไม่รู้ว่าไปที่ใด”
“แต่ครั้งหนึ่งอาจารย์บังเอิญพึมพำบางอย่างที่ดูเหมือนบรรพชนเทพไม่ได้หายตัวไป…อาจารย์คิดว่าบรรพชนเทพเจอกับอะไรบางอย่าง…ส่วนจะเป็นอะไร อาจารย์ไม่ได้ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนั้น” ไฮ่จื่อเผยสายตาขบคิด
พอประโยคเหล่านี้ถึงหูหวังหลิน เขาก็เงียบแต่ก็คิดไปด้วย
‘บางทีฝ่ามือแตกหักนี่อาจเป็นของบรรพชนเทพ…หากเป็นแบบนั้น ใครเป็นคนตัดแขนซ้ายของบรรพชนเทพ…ยิ่งมีหลายข่าวลือเรื่องกระบี่ของบรรพชนเทพแตกสลาย หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ามือแตกหักนี่…?’
‘แล้วทำไมฝ่ามือถึงอยู่ในผนึกต้นไม้ทะเลขุนเขา? ผนึกยังอยู่มาหลายปี เหล่ามหาชั้นฟ้าคงสังเกตมันได้แต่ทำไมมันเพิ่งมาเคลื่อนไหวตอนนี้…นอกจากนี้ยังเป็นอาณาเขตของมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ ด้วยระดับบ่มเพาะแบบมหาชั้นฟ้า เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?’
‘หรือบางที…’ หวังหลินแววตาเป็นประกายเจิดจ้า
‘เหล่ามหาชั้นฟ้ารวมไปถึงต้าวยี่ได้รู้เรื่องผนึกประหลาดนี้นานแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครลงมือทำอะไรวู่วาม…’ หวังหลินบ่มเพาะและทำการสรุปต่อไป เขาสูดหายใจลึกและสั่นสะท้านจากข้อสรุป
หวังหลินพูดขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกายที่ไม่อาจตรวจจับได้ “ผู้สูงส่งไฮ่จื่อ ในเมื่ออาจารย์เจ้าคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ ทำไมเจ้าถึงอยู่ไกลจากแคว้นกลางและอาศัยอยู่ในทะเลขุนเขา?”
“เจ้าสงสัยข้า?” ไฮ่จื่อมองหวังหลิน แววตางดงามกำลังเปล่งประกาย
‘ช่างเป็นสตรีที่ฉลาด!’ หวังหลินคิดกับตัวเอง เพียงแค่ประโยคเดียวจากเขา ไฮ่จื่อก็คาดเดาได้หลายอย่างแล้ว
หวังหลินไม่ได้อธิบาย เขาแค่มองไฮ่จื่ออย่างนิ่งเฉย
นางขบคิดและมีท่าทีเปลี่ยนไปราวกับคิดอะไรบางอย่าง ผ่านไปสักพักนางดูเหมือนคิดอะไรได้จึงมองขึ้นไป แววตาเผยแสงประหลาด
นางขมวดคิ้วและเอ่ยกระซิบ “อาจารย์เป็นคนบอกให้ข้ามาที่แผ่นดินทิศใต้และทำทะเลขุนเขาให้เป็นถ้ำของข้า”
หวังหลินยืนยันการคาดเดาของตัวเองได้บางส่วน ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ถือว่าเป็นปัญหาเสียแล้ว
ไฮ่จื่อรีบถาม “เจ้าไปรู้เรื่องต้นไม้ทะเลขุนเขามีจิตวิญญาณต้นไม้มาจากที่ไหน?”
“ข้าได้ยินมาจากผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่อยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง เขาบอกว่ามีจิตวิญญาณต้นไม้อยู่ใต้ทะเลขุนเขา…” หวังหลินขบคิดขึ้นไปอีก
“ข้าเคยมาที่ทะเลขุนเขามาก่อนและมันมีถ้ำอยู่ที่นี่ไม่นานนัก เมื่อสองร้อยปีก่อนอาจารย์กลับบอกให้ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ไปสักพัก…เจ้าถูกใครบางคนใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงชี้มาที่นี่…และนี่เป็นอาณาเขตของมหาชั้นฟ้าต้าวยี่” ไฮ่จื่อเผยท่าทีมืดมน
หวังหลินยิ้มบางๆ คำพูดของไฮ่จื่อหมายความว่านางเข้าใจถึงกุญแจสำคัญของเรื่องนี้แล้ว
ไฮ่จื่อหลับตาลง ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นอย่างเงียบงัน “อาจารย์ใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อฝ่ามือให้ออกมาจากผนึกต้นไม้ทะเลขุนเขา!”
“ข้าเข้าใจได้ อาจารย์ยกระดับข้าและสอนให้เข้าใจถึงวิธีการฝึกฝน แม้ข้าจะเป็นเหยื่อ ข้าก็ไม่ตำหนิ เรื่องประหลาดก็คือทำไมมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเจ้า? ล่อเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?” ไฮ่จื่อลืมตาและมองหวังหลิน
หวังหลินมีท่าทีเป็นปกติและส่ายศีรษะ อย่างไรก็ตามเขากลับคาดเดาเรื่องสำคัญนี้ขึ้นมาได้แล้ว!
‘เซียนทั่วไปอาจมองต้นกำเนิดของข้าไม่ออก แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็ยังตรวจสอบได้ยาก แต่สำหรับเหล่ามหาชั้นฟ้ามันไม่ใช่ความลับเลย!’
‘คนที่อยู่ใต้มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงได้ชี้ให้ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวตนของข้าและยังมีเป้าหมายเดียวกับมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้!’
‘แม้มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้จะใช้ศิษย์ของตัวเองเป็นเหยื่อล่อ วิธีของเขาก็ยังเบากว่าและแค่ปล่อยให้นางอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อไปกระตุ้นความสนใจของจิตวิญญาณต้นไม้ แต่ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่สนว่าข้าจะอยู่หรือตาย เขาได้ประโยชน์สองต่อคือยืนยันตัวตนของข้าและล่อฝ่ามือให้ออกมา!’
‘พวกนั้นไม่สนใจว่าข้าออกมาจากโลกถ้ำหรือไม่ แต่ข้าเป็นเซียนเผ่าโบราณ!!’ หวังหลินบ่มเพาะมาเกือบสามพันปี โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในโลกถ้ำ เขาแก้ไขสถานการณ์อ้างอิงจากการวิเคราะห์และการสรุปของตัวเอง
หวังหลินสามารถสรุปความจริงจากการรวมเบาะแสเข้าด้วยกันได้!
‘ข้าแค่ไม่รู้ว่ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่เล่นอยู่ในเกมนี้เป็นตัวอะไร’ หวังหลินก้มหน้าลง แววตาเย็นเยียบ
‘ในเมื่ออาจารย์กล้าปล่อยให้สำนักกุ้ยยี่รู้ เช่นนั้นข้าก็เชื่อว่าเขามั่นใจมากที่จะไม่มีข้อมูลรั่วไหล จุดอ่อนของเรื่องนี้คือไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นศิษย์คนเดียวของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว!’
‘ตราบใดที่ข้าไม่เผยสถานะของตัวเอง แม้ข้าจะมาจากโลกถ้ำ ทุกอย่างก็ยังดูปกติดี! รอไปอีกสักพัก นอกจากนี้แล้วมันก็แค่การคาดเดาของข้า’ หวังหลินคิดและมองไปที่ไฮ่จื่อ นางหลับตาอยู่และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
‘หากมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ใช้นางเป็นเหยื่อล่อจริงๆ นางต้องมีบางอย่างแปลกประหลาด!’ หวังหลินคาดเดาเรื่องนี้มาก่อนและยิ่งมั่นใจมากขึ้น แต่เขายังคงสงสัยอยู่ว่าฝ่ามือนี้มีความลับแบบไหนถึงทำให้เหล่ามหาชั้นฟ้าของเผ่าเทพสนใจขนาดนี้!
หวังหลินถอนสายตาและเพ่งสมาธิดูดซับจิตวิญญาณต้นไม้ต่อไป ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น การเพิ่มระดับบ่มเพาะเป็นเรื่องพื้นฐานในการจัดการกับทุกอย่างในอนาคต!
เวลาเริ่มผ่านไปอย่างเงียบงันอีกครั้ง
พริบตาเดียวผ่านไปอีกสามปี! รวมกับปีก่อนหน้านี้ หวังหลินและไฮ่จื่อถูกขังอยู่ที่นี่มาเจ็ดปี!
ช่วงเวลาสามปี ร่างเลือนลางจากฝ่ามือปรากฏขึ้นทั้งหมดเก้าครั้ง แต่ละครั้งร้องคำรามและกระหน่ำใส่ม่านแสงจนมันหดลงเก้าครั้ง
วันนี้เป็นครั้งที่เก้า! ม่านแสงหดลง เกิดเสียงแตกร้าวดังกึกก้องราวกับมันถึงขีดจำกัดแล้ว มันหดลงตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาจนเหลือขนาดเพียงสามสิบฟุตเท่านั้น!!
ระยะสามสิบฟุตบังคับให้หวังหลินและไฮ่จื่อต้องใกล้กันอย่างมาก หวังหลินถึงกับได้กลิ่นอันหอมหวนของร่างไฮ่จื่อ
สามสิบฟุตไม่กว้างนัก หากหวังหลินนำดาบหยินออกมามันก็ยาวสามสิบฟุตแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่นี้เล็กแค่ไหน
เพราะทั้งสองใกล้กัน ไฮ่จื่อจึงไม่สามารถบ่มเพาะได้อีกแล้ว นางใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยและอึดอัด สายตามองมาที่หวังหลินยิ่งซับซ้อนขึ้น
นางยังรู้สึกถึงความร้อนออกมาจากหวังหลินแบบเดียวกับที่หวังหลินได้กลิ่นหอมจากร่างกายของนางเช่นกัน
“พื้นที่…เล็กเกินไป…หากไม่มีวิธีแก้ไข ม่านแสงจะพังทลายในอีกไม่นาน หากมันหดลงอีกครั้ง…” ไฮ่จื่อรู้สึกโกรธและอับอาย
หวังหลินขมวดคิ้วเช่นกัน ในตลอดทั้งชีวิต นอกจากหญิงสาวที่นับนิ้วมือได้ เขาแทบไม่เคยใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเลย หวังหลินเองก็อึดอัดเช่นกันและยังมีกลิ่นหอมจากร่างกายของนางทำให้เขาขมวดคิ้วหนัก
เพิ่มกับความสัมพันธ์เจ็ดปีของทั้งสอง ไฮ่จื่อนั้นงดงามอย่างหมดจดเช่นเดียวกันมู่ปิงเหมย ความรู้สึกนี้ทำให้หวังหลินลอบถอนหายใจ
‘ข้าไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ต่อไป…’ หวังหลินแววตาเป็นประกาย แต่ตอนนี้ม่านแสงกำลังหดลงและเกิดรอยแตกร้าวเกิดขึ้น ร่างด้านนอกปรากฏอีกครั้ง มันโจมตีม่านแสงอย่างรุนแรง เสียงด้านนอกยิ่งหนักหน่วง รอยแตกบนม่านแสงเริ่มแผ่กระจาย
จากการกระหน่ำโจมตีครั้งนี้ ม่านแสงหดลงอีกครั้ง!
สามสิบฟุต ยี่สิบฟุต สิบฟุต!!
ห้าฟุต!
พอเหลือเพียงห้าฟุต ไฮ่จื่อแทบอยู่ชิดกับหวังหลินไปแล้ว ทั้งคู่สามารถสัมผัสอารมณ์ของกันและกันได้ทีเดียว
รอบด้านมืดสนิทและฝ่ามือด้านนอกกลับหยุดลงด้วยเหตุผลบางอย่างจนเหลือเพียงแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจของไฮ่จื่อที่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนในม่านแสง
“หวัง…หวังหลิน…” ไฮ่จื่อพูดขึ้นเบาๆ ลมหายใจอุ่นของนางรดใส่บนใบหน้าหวังหลิน
………………………………………………