Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1947 ฟองสบู่แห่งการทำลายล้าง
สำนักตงหลินในภาพมายาช่างเป็นภาพที่สวยงามใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า แสงส่องลงมายังสำนักและทำให้ภาพเงาที่อยู่นอกอารามตงหลินค่อยๆ หดลง
ศิษย์สำนักตงหลินกำลังบ่มเพาะอย่างเงียบๆ ทั้งหมดกำลังดูดซับพลังจากโลกเพื่อบ่มเพาะเข้าสู่ร่างกาย
ทั้งสำนักตงหลินเสมือนฟองสบู่ที่เด็กน้อยเป่าเล่น มันส่องประกายแต่ก็เปราะบางเช่นกัน ราวกับแค่เอามือสัมผัสก็แตกสลายได้แล้ว
ยิ่งสวยงามเท่าไร ยิ่งเลือนลางมากเท่านั้น
เบื้องหลังภูเขาของภาพมายานี้ เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยผ่านไป เสียงสัตว์ตัวน้อยร้องเจื้อยแจ้วและมีแท่นพิธีทรงอำนาจสร้างขึ้นที่นี่
แท่นพิธีแห่งนี้เหมือนหอคอย มันกว้างหมื่นฟุตและสูงหนึ่งพันฟุต สร้างขึ้นจากหินสีฟ้าและเปล่งสัมผัสความเย็นอย่างชัดเจน
เหนือแท่นขึ้นไปมีลานกว้างพันฟุตและมีบ่อน้ำขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง บ่อน้ำเหือดแห้งแต่ยังมีน้ำที่ดูไม่ลึกมากอยู่ เพียงสายลมพัดผ่านไปจึงเกิดเป็นระลอกคลื่น
พืชพันธุ์บางส่วนลอยอยู่บนผิวน้ำและเคลื่อนไปตามระลอกคลื่น
หวังหลินยืนอยู่นอกบ่อน้ำและมองดูด้วยสายตาสับสน หลิวจินเปียวยืนอยู่ด้านหลังหวังหลิน สายตามองไปรอบตัวด้วยความหวาดกลัว
‘ที่บัดซบนี่อาจไม่เหมือนที่เห็นด้วยตาตอนนี้ บางทีอาจจะมีโครงกระดูกอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้า…บ่อน้ำนั่นดูใสก็จริงแต่มันอาจจะเป็นน้ำเหม็นที่มีซากศพจมอยู่ข้างใต้…’ ยิ่งหลิวจินเปียวจินตนาการยิ่งหวาดหวั่นมากขึ้น
เขาไม่ได้กลัวซากศพ แต่หวาดกลัวเรื่องที่ไม่รู้
ขณะนั้นเขาไม่สังเกตเห็นว่าแววตาสับสนของหวังหลินยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หวังหลินมองบ่อน้ำและครุ่นคิดอยู่นานมาก
‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้…’ หวังหลินหลับตา ปรากฏภาพสำนักตงหลินและบ่อน้ำตงหลินที่เขาเห็นในความฝัน!
‘ทำไมบ่อน้ำตงหลินถึงแตกต่างจากดินแดนแห่งความฝันที่ราชันย์เทพสีรุ้งสร้างขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง!?!’
‘บ่อน้ำตงหลินในความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้งก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ไม่มีแท่นพิธีและเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ แต่ว่าที่นี่…อันไหนคือของจริง อันไหนคือของปลอม…’ หวังหลินลืมตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่สามารถทำลายภาพมายาได้ทั้งหมด
สิ่งที่เขาเห็นแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมหาศาล พอเขามองแท่นพิธี มันกลับโบราณและเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ทั้งยังมีคราบโลหิตแห้งเป็นจุดอยู่ทุกที่
ด้วยสายตานี้ พื้นที่รอบบริเวณจึงห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย พอเขามองบ่อน้ำ สายตาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย บ่อน้ำไม่ได้เปลี่ยนไป
นอกจากบ่อน้ำแล้ว ทุกอย่างโดยรอบได้เปลี่ยนไปหมด
‘นี่น่าจะเป็นบ่อน้ำตงหลินของจริง…ดูจากแท่นพิธี มันมีมานานแล้ว ถึงกระนั้นทำไมมันถึงแตกต่างจากความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง…’
‘ถ้าหากที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เช่นนั้นสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือราชันย์เทพสีรุ้ง!’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
ตอนที่เขาเข้ามาสำนักตงหลินในแผ่นดินเซียนดาราเป็นครั้งแรกและไม่ได้อยู่ในความฝัน หมอกหนึ่งชั้นปรากฏขึ้นในใจเขา เขาเริ่มตั้งคำถามถึงความเข้าใจในโลกถ้ำ
‘ข้าควบคุมทุกอย่างในโลกถ้ำได้จริงหรือไม่…กลิ่นอายของเทียนหยุน แผ่นหินจารึกเหล่านั้น…ความทรงจำลวงหลอกของราชันย์เทพสีรุ้ง…ความลับแบบไหนกันที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้?’
‘สำนักตงหลินไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอีกแล้ว มหาชั้นฟ้าตงหลินเกิดขึ้นและตายที่นี่ แม้แต่ร่างกายก็หาไม่พบ…’
‘ใครกันที่ทำลายทั้งสำนักตงหลิน…ใช่เทียนหยุนหรือไม่? หรือจะเป็นราชันย์เทพสีรุ้ง? หรือเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับโลกถ้ำที่ข้าพลาดไป…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
หวังหลินมองบ่อน้ำตงหลินอยู่พักใหญ่ก่อนจะสูดหายใจลึกและเดินเข้าหา เขามองลงมาที่ผิวน้ำและเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง
พอเห็นตัวเองที่มีเรือนผมสีขาวและเสื้อผ้าสีขาว ร่างกายจึงสั่นเทา เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นในใจและคล้ายกับจะจำอะไรได้บางอย่าง
‘มีเรื่องหนึ่งที่ประหลาดมาก ข้าเคยคาดเดาเอาไว้…เรื่องลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าของข้า ทำไมราชันย์เทพสีรุ้งถึงสามารถชิงลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ามาจากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่และอาจารย์ได้โดยไม่ให้ผิดสังเกต…’
‘ทำไมในโลกถ้ำ ปรมาจารย์เต๋าความฝันและคนอื่นรวมถึงเซียนเต๋าสีรุ้งถึงมองเห็นว่าข้ามีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…แต่บนแผ่นดินเซียนดารา แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครสังเกตมันได้…’
‘ทำไมแม้แต่อาจารย์ซวนลั่วก็ไม่สามารถมองออกแม้เขาจะเข้ามาในโลกถ้ำ? บางทีเขาอาจจะมองออกแต่ไม่พูดเช่นนั้นหรือ?’
‘หากเป็นแบบนั้นจริง ข้าที่ได้พบเจอมหาชั้นฟ้าต้าวยี่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรหรือขโมยมันไป…ข้ายิ่งมั่นใจว่าพวกเขาหาไม่พบ!’
‘ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าคืออะไรกันแน่? ใครสร้างเข็มทิศสำหรับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ากันและมันใช้ทำอะไร…ทำไมถึงมีคนบางส่วนในโลกถ้ำที่มองเห็นว่าข้ามีลูกปัด แต่ไม่มีใครในแผ่นดินเซียนดารามองเห็น…’
‘ตอนที่ข้าดูดซับวิญญาณแมงป่อง แมงป่องพูดว่า ‘ลูกปัดสีขาว…’ ลูกปัดสีขาว…หมายความว่ามันมีลูกปัดสีดำด้วยหรือ? มีอะไรอยู่ข้างใน?’
‘หากข้าสามารถเชื่อมเรื่องนี้เข้ากับการทำลายล้างสำนักตงหลินได้ บางทีข้าอาจจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในโลกถ้ำ!’ หวังหลินมองรอบตัวด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป
“ความจริงข้ามีอีกวิธีในการหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสำนักตงหลิน ใครที่เป็นคนทำลาย…แต่แม้กระทั่งมหาชั้นฟ้าก็ไม่สามารถทำนายได้ ส่วนราชครูก็ยังสับสนไปสามวันและสูญเสียความทรงจำไป ข้า…ข้าทำได้หรือไม่…”
หวังหลินลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ไม่นานสายตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับสำนักตงหลิน มันยังเกี่ยวกับเขาด้วย อีกทั้งเขาก็มาจากโลกถ้ำและมีลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
เดิมทีหวังหลินคิดว่าเขาได้ลบม่านบังตาออกหมดแล้ว แต่เขาเพียงแค่เปิดมุมหนึ่งเท่านั้น มันยังปิดบังดวงตา ตอนนี้เขากำลังจะแงะมือที่บังตาเอาไว้และพาตัวเองมองทะลุผ่านช่องว่างออกไป!
หวังหลินสูดหายใจลึก นั่งลงข้างบ่อน้ำ เขาไม่ได้มองบ่อน้ำตงหลินแต่มองอารามตงหลินที่อยู่ห่างไกล กลิ่นอายหวังหลินคล้ายจะหายไปและเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด
หลิวจินเปียวอยู่ข้างหวังหลินและพลันหันตัวกลับมา หวังหลินได้หายไปจากสัมผัส แต่พอมองกลับไปก็ยังเห็นด้วยตาตัวเอง อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกว่าหวังหลินไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ราวกับโลกนี้ได้ปฏิเสธตัวตนของหวังหลิน
‘ด้วยร่างที่ผสานกับโลกนี้…ด้วยสัมผัสวิญญาณที่หลอมรวมกับมิติว่าง…ด้วยวิญญาณข้า จงสร้างโลกด้วยความฝัน ฝันที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา…’ เต๋าแห่งความฝันและวิชาห้วงเวลาของหวังหลินได้สร้างพลังลึกลับที่ทำให้เขากลับคืนสู่อดีตราวกับอยู่ในโลกถ้ำ!
หวังหลินไม่รู้ว่าคนอื่นทำแบบนี้ได้หรือไม่ แต่คนทั้งหมดที่เขาเคยเจอ มีแต่หวังหลินที่ทำได้เท่านั้นและเขาก็ต้องยืมพลังจากใบเรือหน้าผีของสำนักมหาวิญญาณ!
พอหวังหลินจมดิ่งไปในเต๋าแห่งความฝัน เขาเลื่อนมือขวาขึ้นมาเงียบๆ และโบกสะบัดปรากฏใบเรือหน้าผีและหมุนรอบตัวเขา
ความฝันนับพันปี…
ในความฝันของหวังหลิน กาลเวลาย้อนกลับไปหนึ่งพันปี หนึ่งพันปี หนึ่งพัน…จนกระทั่งเขาลืมไปแล้วว่าย้อนไปไกลแค่ไหน สำนักตงหลินยังคงเป็นสำนักตงหลิน…
ภูเขายังคงเหมือนเดิม สายน้ำยังคงกระจ่างใส ศิษย์นับไม่ถ้วนในสำนักตงหลินยังคงบ่มเพาะในตอนเช้าเหมือนเดิม ทำให้ทั้งสำนักตงหลินปกคลุมไปด้วยหมอกควัน
สถานการณ์สงบนิ่งและสงบสุข มีเสียงบรรยายเต๋าดังออกมาจากโถงหลักซึ่งมีศิษย์หลายคนกำลังฟังอยู่
ห่างออกไปไกลมีลำแสงหลายสายทะยานข้ามผ่านภูเขาและมีกระเรียนเทพจำนวนมากบินอยู่ในอากาศ…บนพื้นดินมีสัตว์ตัวเล็กส่งเสียงร่ำร้อง หญิงสาวน่ารักคนหนึ่งกำลังให้เม็ดยาสัตว์ตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม
แม้แต่สวนสมุนไพรในสำนักตงหลินที่อยู่ห่างออกไปไกล เหล่าศิษย์ก็กำลังดูแลสมุนไพรตามคำสั่งของอาจารย์
มีศิษย์หลายคนกำลังเดินขึ้นเดินลงเหยียบแผ่นหินบนภูเขา พอพวกเขาเจอกันก็จะโค้งคำนับราวกับเป็นผู้อาวุโส ตรงตีนเขามีศิษย์นอกสำนักกำลังหัวเราะพลางแบกถังน้ำ แต่ละคนต่างก็ปาดเหงื่อบนหน้าผาก
สำนักตงหลินอันเงียบสงบแห่งนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกคุ้นเคย ราวกับฟองสบู่ที่กำลังเปล่งแสงเจิดจ้า…
พริบตาถัดไปท้องฟ้าก็มืดลง แต่ไม่ได้ทำให้ศิษย์สำนักตงหลินเกิดความสนใจอันใด ทว่าจังหวะต่อมาศิษย์หลายคนที่กำลังแบกถังน้ำได้เกิดอาการสั่นเทาและฟุบลงกับพื้น
สหายร่วมสำนักที่กำลังทักทายกันต่างก็กรีดร้องโหยหวน ร่างกายเริ่มปั่นป่วนและกลายเป็นซากศพ…ในท้องฟ้า สวนสมุนไพร สัตว์ตัวน้อยและการบรรยายเต๋า มีแต่เสียงกรีดร้องดังระงม
ทั้งสำนักตงหลินเสมือนฟองสบู่ แต่ตอนนี้เหมือนมีมือมาแตะฟองสบู่จนทำให้ฟองสบู่สวยงามแตกโป๊ะ…เพียงไม่นานนัก ชีวิตข้างในจึงสูญสิ้นไปทั้งหมด!
ขณะที่ผู้คนในสำนักตงหลินตายไป ร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้าใต้แสงอาทิตย์ ร่างนี้มีแสงอาทิตย์ส่องอยู่ด้านหลังจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน…
หวังหลินเงยหน้าขึ้นในความฝันเพื่อให้ได้เห็นรูปร่างลักษณะของร่างตรงหน้า ทว่าเขาเห็นแต่เพียงภาพพร่ามัวจากนั้นในศีรษะเกิดความเจ็บปวดรุนแรง ความเจ็บปวดนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตและรุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใดที่เขาเคยรู้สึก!
………………………………