Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1948 บ่อน้ำตงหลิน
หวังหลินพลันลืมตาแดงก่ำ เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่และใบหน้าซีดเผือด ราวกับเขาไร้เรี่ยวแรงและมีความรู้สึกอ่อนแรงกระจายไปทั่วร่าง
“นายท่าน!” หลิวจินเปียวรีบเดินเข้าไปหา สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและกังวล
“ข้าหลับตาไปนานแค่ไหน?” หวังหลินหายใจถี่ ราวกับการหายใจเป็นเรื่องยากลำบาก ผ่านไปสักพักจึงยกแขนขึ้นมาเป็นสัญญาณว่ายังคงสบายดี
หลิวจินเปียวลังเลชั่วขณะและพูดความจริง “ท่าน…ท่านเพิ่งหลับตาไปและดูเหมือนไร้ตัวตน ข้าหันกลับมาหาท่านและจากนั้น…ท่านก็ตื่น…”
“พริบตาเดียว?” หวังหลินตกตะลึง เขาใช้เต๋าแห่งความฝันหลายครั้งและมักจะจมดิ่งไปเป็นเวลานาน ไม่เคยแค่พริบตาเดียวมาก่อน เขามองหลิวจินเปียวและขบคิดเงียบๆ
ภาพเลือนลางจากเต๋าแห่งความฝันปรากฏขึ้นในใจ เขาไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้และได้แต่โครงร่างเท่านั้น…หวังหลินนึกภาพคนที่ปรากฏขึ้นได้เลือนลาง…แต่พอคิดอย่างละเอียดมันก็ยิ่งเลือนลางราวกับเขาจำผิดไป
เขารู้สึกเหมือนมีคนเปลี่ยนแปลงความทรงจำของตัวเอง จิตใจจึงสั่นเทา
‘หากสิ่งที่ข้าเห็นในเต๋าแห่งความฝันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้น…เขาเป็นใคร…’ หวังหลินคิดเรื่องความเจ็บปวดและอาการไร้เรี่ยวแรงหลังจากตื่นขึ้นมา เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ทั้งยังสัมผัสได้ถึงภาพแห่งความตาย แม้แต่วิชาสามชีวิตก็ช่วยไม่ได้ หากเขาตายก็คงตายไปจริงๆ…
ผ่านไปสักพักหวังหลินค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา เขานั่งอยู่ตรงนั้นมองไปที่สำนักตงหลิน ดวงตาค่อยๆ เป็นประกาย
‘วันหนึ่ง ข้าจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ข้างใน!’
หวังหลินมีแววตาส่องสว่างและก้าวเข้าสู่บ่อน้ำตงหลิน พอนั่งลงในบ่อน้ำที่ลึกถึงระดับเอว ความเย็นเยียบได้เข้าสู่ร่างหวังหลิน
หวังหลินสูดหายใจลึกและไม่คิดเรื่องความลับของสำนักตงหลินอีกต่อไป เขาเริ่มโคจรระดับบ่มเพาะและคล้ายกับผสานกับบ่อน้ำ
หวังหลินเคยพบเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขากำลังผสานมันจริงๆ หวังหลินพลันเข้าสู่สภาวะอันแปลกประหลาด
สภาวะนี้คล้ายกับสภาวะตอนที่เขาสร้างวิชาแยกราตรี แต่ตอนนี้เขาบังคับให้เข้าสภาวะนี้ด้วยการช่วยเหลือจากบ่อน้ำ
ในสภาวะนี้หวังหลินจมดิ่งไปในความรู้สึกสับสน คล้ายกับเวลาได้ผ่านไปอย่างยาวนาน หรือบางทีอาจจะเพียงแค่ชั่วครู่เดียว
หวังหลินลืมตาและเกิดความสงสัยอยู่ภายใน เขาฟื้นคืนในจังหวะต่อมาและมองบ่อน้ำด้านล่างซึ่งน้ำหายไปถึงสามในสิบส่วน
หลิวจินเปียวเอ่ยขึ้นมาก่อนที่หวังหลินจะถามขึ้น “นายท่าน เวลาเพิ่งจะผ่านไปสามลมหายใจตั้งแต่ท่านหลับตาจนถึงตื่นเมื่อครู่”
หวังหลินพยักหน้า
‘ล้มเหลว…ข้าคงอยู่ในสภาวะนั้นเพียงสามลมหายใจแต่ไม่ได้อะไรเลย…’ หวังหลินขมวดคิ้ว เขารู้สึกเบาบางว่าแก่นแท้หลายอย่างในร่างแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากมายอะไรนัก
‘บรรพชนสำนักตงหลินได้บอกว่าบ่อน้ำตงหลินเกี่ยวข้องกับเซียนต่างแดนที่ถูกผนึกที่นี่ มีโอกาสที่จะรู้แจ้งแก่นแท้พิเศษที่เซียนต่างแดนคนนั้นมี…’
‘ข้ายังไม่ได้เห็นเลยว่าเขามีแก่นแท้อะไรและล้มเหลวไปแล้วในครั้งแรก…บรรพชนสำนักตงหลินได้บอกว่ามีโอกาสแค่สองครั้งเท่านั้นและครั้งที่สามจะตาย…ทำไมถึงตาย? หากข้ารู้เหตุผล บางทีข้าอาจลองได้อีกหลายครั้ง…’ หวังหลินขบคิดพลางนั่งอยู่ในบ่อน้ำและหลับตาอีกครั้ง
จังหวะที่เขาหลับตา หวังหลินเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาดอีกครั้ง คราวนี้เขาดูเหมือนเข้าสู่สภาวะแห่งความสับสน ทุกสิ่งทุกอย่างพร่าเลือนแม้แต่จิตใจก็ยังสับสน
หวังหลินสัมผัสเลือนลางว่ามีพลังประหลาดเข้าสู่ร่างกาย แต่เขาสัมผัสได้อย่างเดียวและไม่มีโอกาสจับมันได้
หลังจากผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน หวังหลินที่กำลังสับสนพลันเห็นลำแสงในตาซ้ายของตัวเอง ลำแสงนี้เบาบางมาก หากไม่มองใกล้ๆ คงมองไม่เห็น แสงนี้ดึงดูดความสนใจของหวังหลินทันที แต่เขาเห็นแค่ในตาซ้ายเท่านั้น ทัศนวิสัยในตาขวายังคงพร่าเลือนและมองไม่เห็นอะไร
การเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดนี้ทำให้จิตใจหวังหลินสั่นเทา แต่เขาก็ยังเพ่งสมาธิกับแสงในตาซ้าย
อย่างไรก็ตามแสงนี้อยู่ห่างไกลมาก ก่อนที่เขาจะคว้าจับมันได้ หวังหลินก็ตื่นจากสภาวะนั้นเสียก่อน
พอลืมตา หลิวจินเปียวพูดดังขึ้น
“นายท่าน ครั้งนี้ห้าลมหายใจ…”
หวังหลินมองไปยังท้องฟ้าไกลและขบคิดอยู่นาน แสงที่เขาเห็นในตาซ้ายยังคงอยู่ในจิตใจ
‘ตาซ้ายข้ามองเห็นแต่ตาขวามองไม่เห็น…บ่อน้ำตงหลินแห่งนี้ยากยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการเสียอีก’ หวังหลินมองบ่อน้ำ ตอนนี้เหลือน้ำไม่ถึงสามในสิบส่วนแล้ว
‘ข้าสงสัยว่าบ่อน้ำนี้จะปรากฏขึ้นอีกครั้งหรือไม่เมื่อข้าใช้ไปหมด…นอกจากนี้ข้าได้พยายามทำความเข้าใจไปสองครั้งและล้มเหลวทั้งสองครั้ง ในครั้งที่สาม ข้าสงสัยว่าจะเกิดอันตรายแบบใดขึ้นกันแน่’ หวังหลินขบคิดและสะบัดแขนขวา มังกรสมุทรทะยานออกมาล้อมตัวเขา มันหดตัวลงไปเยอะมาก
มังกรสมุทรปรากฏขึ้นและจ้องหลิวจินเปียวอย่างดุร้ายทันที มันร้องคำรามต่ำและดูภูมิใจมาก
หลิวจินเปียวตกตะลึง พอมองมังกรสมุทรเขาจึงอ้าปากค้าง ทว่าดวงตาเปลี่ยนไปและเผยรอยยิ้มบนมุมปาก ไม่รู้ว่าในใจเกิดความคิดอะไรอยู่
หวังหลินไม่ได้ให้ความสนใจทั้งคู่ เขาส่งข้อความไปให้มังกรสมุทรเพื่อสั่งการให้ดึงเขาออกมาหากมีอะไรผิดพลาด หวังหลินหลับตาและตั้งสมาธิตัวเองเข้าไปในสภาวะแปลกประหลาดเป็นครั้งที่สาม
พอหวังหลินเข้าสู่สภาวะประหลาด พลังประหลาดข้างในน้ำได้เข้าสู่ร่างกายเพื่อรวมกันเปลี่ยนเป็นเสียงคำรามดังกึกก้องในใจ
เสียงคำรามดังรุนแรง มีสัมผัสบ้าคลั่งและไม่ยินยอม!!
“เหลียนหยุนจื่อ เจ้ามันน่ารังเกียจ!” น้ำเสียงดังกึกก้องในใจหวังหลิน คล้ายกับมันเปลี่ยนเสียงคำรามเป็นเสียงฟ้าผ่าจนร่างกายเขาสั่นเทา หวังหลินรู้สึกว่าเสียงนี้กำลังให้จิตใจเขาพังทลาย
ด้วยการที่เสียงนี้เข้ามาแทรกแซง หวังหลินจึงไม่สามารถตั้งสมาธิตัวเองเข้าสู่สภาวะนี้และไม่สามารถทำความเข้าใจได้
วินาทีนั้นพลังรุนแรงโผล่ออกมาจากด้านนอก ราวกับกรงเล็บยักษ์ได้คว้าหวังหลินและดึงออกมาจากบ่อน้ำตงหลิน
หลังจากออกมาจากบ่อน้ำ เสียงในใจหวังหลินจึงหายไป หวังหลินลืมตามองบ่อน้ำ สีหน้าท่าทางเกิดความมืดมน
‘การทำความเข้าใจครั้งที่สามเป็นไปไม่ได้จริงๆ หากข้าไม่เตรียมการล่วงหน้าและไม่มีคำเตือนจากบรรพชนสำนักตงหลิน แม้มันจะไม่อันตราย การจะออกมาได้ตั้งใช้ความพยายามหลายส่วน’ หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองดูน้ำที่เหลืออยู่เล็กน้อยและขบคิด
‘ทำไมครั้งแรกและครั้งที่สองถึงแตกต่างจากครั้งที่สาม…เสียงที่มาจากพลังลึกลับนั่นเข้าสู่ร่างกายข้าหลังจากโคจรเพียงครั้งเดียว…หรือจะเป็นกุญแจสำคัญ? พลังนี้ได้ตรวจสอบว่าข้าได้เข้าบ่อน้ำไปแล้วกี่ครั้งเช่นนั้นหรือ?’
‘แล้วมันตัดสินได้อย่างไรว่าข้าทำความเข้าใจไปกี่ครั้ง? และเหลียนหยุนจื่อนั่นก็แซ่เหลียน…หรือจะเป็นบรรพชนของเหลียนต้าวเฟย เป็นชื่อของบรรพชนเทพ?’ หวังหลินดวงตาเปล่งประกายและมองไปที่บ่อน้ำ ขณะที่กำลังครุ่นคิด น้ำในบ่อก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาจนน้ำที่หายไปฟื้นคืนมาทั้งหมด
“จินเปียว ลงไปลองดู” หวังหลินมั่นใจว่าเขาสามารถปกป้องหลิวจินเปียวได้แม้จะลงไปถึงสามครั้ง เขาบอกหลิวจินเปียวถึงอันตรายที่ต้องระมัดระวัง
หลิวจินเปียวก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลและนั่งลงในบ่อน้ำ
หลังจากผ่านไปสี่ลมหายใจ เขาลืมตาขึ้นด้วยความสับสน
“ข้าเห็นลำแสงสายหนึ่ง…” หลิวจินเปียวพึมพำและจากนั้นหลับตาอีกครั้ง คราวนี้ใช้เวลาห้าลมหายใจก็ลืมตาขึ้นมา ในสายตามีแสงกะพริบสดใส แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ใกล้แสงนั้นมากแต่คว้าไม่ได้…” หลิวจินเปียวขบคิดเล็กน้อย จากนั้นหลับตาอีกครั้ง พยายามทำความเข้าใจครั้งที่สามตามคำสั่งของหวังหลิน
หวังหลินเฝ้าดูหลิวจินเปียวใกล้ๆ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ…จนกระทั่งลมหายใจที่สิบ พอร่างของหลิวจินเปียวเริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง หวังหลินจึงดึงหลิวจินเปียวออกมาจากบ่อน้ำโดยไม่ลังเล
ดวงตาซ้ายของหลิวจินเปียวเปล่งประกายเจิดจ้า แม้แต่ตอนที่หวังหลินมองดูยังรู้สึกเหมือนเขากำลังมองดวงอาทิตย์
“ข้าสัมผัสกับแสงและมีเสียงดังกึกก้องในใจข้า บอกข้าถึงชื่อของแสง มันคือจุดเริ่มต้นแท้จริง…จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง…แต่ระดับบ่มเพาะของข้าไม่สูงส่งเพียงพอ ดังนั้นจึงเข้าใจเพียงเล็กน้อยและทนไม่ไหวอีก” หลิวจินเปียวสูดหายใจลึกและมองบ่อน้ำตงหลิน
“นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเหตุผลที่ข้าสามารถทำความเข้าใจครั้งที่สามได้เป็นเพราะเต๋าแห่งการหลอกลวงของข้า ในเสี้ยววินาทีนั้นข้าหลอกตัวเองเพื่อบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของข้า…การทำแบบนี้ข้าได้หลอกการค้นหาจากบ่อน้ำไปด้วย นับตั้งแต่ที่ข้าตื่นจากการเกิดใหม่ ข้าก็สามารถส่งเต๋าแห่งการหลอกลวงให้คนอื่นได้ นายท่านต้องการลองหรือไม่?” หลิวจินเปียวดูเหมือนเข้าใจบางอย่างและมองหวังหลิน
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและจากนั้นส่ายศีรษะ หวังหลินเข้าใจเต๋าแห่งการหลอกลวงและเข้าใจขึ้นอีกเล็กน้อยในเต๋าแห่งความฝัน เขารู้วิธีและด้วยระดับบ่มเพาะขนาดนี้จึงไม่จำเป็นต้องให้หลิวจินเปียวช่วย
หวังหลินก้าวครั้งเดียวจมตัวเองเข้าไปในบ่อน้ำเป็นครั้งที่สี่ เมื่อพลังประหลาดเข้าไปในร่าง หวังหลินจึงใช้เต๋าแห่งการหลอกลวงเพื่อหลอกสายน้ำและจมดิ่งตัวเองไปในสภาวะประหลาด
ไม่นานนักเขาก็เห็นแสงในตาซ้าย…แสงขยับเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ
ในใจหวังหลินมีเสียงพึมพำขึ้น “ข้าท่องผ่านในแต่ละโลกและเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นนับร้อยล้านครั้ง รู้แจ้งแก่นแท้แห่งจุดเริ่มต้นที่แท้จริง…”
…………………………………