Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1950 มาอีกครั้ง!
สำหรับเหล่าเซียน เวลาสิบสามปีเพียงแค่ชั่วพริบตา ผ่านมาสิบสามปีหวังหลินได้รู้แจ้งแก่นแท้จุดเริ่มต้นที่แท้จริง จนตอนนี้เขามีแก่นแท้พิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง!
ส่วนแก่นแท้แห่งจุดจบ หลังจากผ่านมาสิบสามปีและเฝ้าดูกลางคืนกลืนกินแสงมากกว่าสี่พันครั้ง หวังหลินยังไม่เชี่ยวชาญอย่างเต็มทีแต่ก็มีความเข้าใจขึ้นมาบางส่วนด้วยการช่วยเหลือจากบ่อน้ำตงหลิน
ในช่วงเวลาแห่งการทำความเข้าใจสิบสามปีนี้ เสียงนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นอีกครั้งเลย
หวังหลินนั่งอยู่ด้านนอกบนแท่นของบ่อน้ำตงหลิน ระดับบ่มเพาะของเขายังคงเหมือนเดิมเมื่อสิบสามปีก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างขณะที่สังเกตดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก เส้นผมก็ค่อยๆ ยืดยาวอย่างช้าๆ
ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงลืมตา ดวงตาข้างซ้ายแฝงดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นบนขอบฟ้า ส่วนดวงตาขวาเต็มไปด้วยความมืดมิด ดวงตาประหลาดสองดวงนี้ทำให้หวังหลินดูแปลกตาอย่างยิ่ง
‘แก่นแท้จุดเริ่มต้นแท้จริงสามารถผสานกับแก่นแท้สังหารและแก่นแท้เขตอาคมให้กลายเป็นแก่นแท้ที่สี่ในร่างแก่นแท้สายฟ้าได้ ส่วนแก่นแท้จุดจบแท้จริง…ข้าไม่เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์และเข้าใจแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้นแต่ข้าก็ยังผสานกับมันได้ บางทีระดับบ่มเพาะของข้าจะต้องทะลวงขึ้นไปก่อนเพราะร่างแก่นแท้สายฟ้ามีถึงห้าแก่นแท้…’ หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง เหตุผลที่เขามาที่สำนักตงหลินก็เพื่อหาทางในการทะลวงระดับบ่มเพาะขึ้น
เมื่อเขาค้นพบโอกาสนี้และระดับบ่มเพาะมากขึ้น หวังหลินสามารถไปที่บททดสอบชั้นฟ้าเพื่อทำทุกอย่างให้เสร้จสิ้นก่อนจะมุ่งหน้าไปเมืองหลวง
ขณะที่หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่มีร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นบนร่างกาย ร่างแก่นแท้สายฟ้าก้าวเดินออกมาและนั่งตรงข้าม
ร่างแก่นแท้สายฟ้ามีท่าทีเยือกเย็นและมีสายฟ้าปกคลุมทั่วร่างกาย พอหวังหลินมองมาที่ร่างแก่นแท้นี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจิตใจปั่นป่วนคล้ายกับโดนทำลาย
‘สายฟ้าสังหารภายในร่างแก่นแท้สายฟ้ามีพลังการทำลายล้างมหาศาลที่ข้าไม่คุ้นเคยเลย…’ หวังหลินมองร่างแก่นแท้ มันสวมชุดคลุมสีขาวเหมือนกับเขา
หลังจากขบคิดชั่วขณะ หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดใส่ร่างแก่นแท้สายฟ้า
‘ในเมื่อเจ้ามีแก่นแท้สังหารและสายฟ้าที่เต็มไปด้วยการทำลายล้าง เจ้าควรสวมชุดสีดำเหมือนช่วงที่ข้าฝึกฝนใหม่ๆ จงเป็นตัวแทนของความมืดและทำให้เข้าใจแก่นแท้แห่งจุดจบได้ง่ายขึ้น’
เพียงสะบัดแขน ชุดสีขาวของร่างแก่นแท้สายฟ้าได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำราวกับความมืดที่กลืนกินแสงทั้งหมด
พอชุดเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ พลังทำลายล้างข้างในดูเหมือนรุนแรงขึ้นอีกเล็กน้อย
ขณะที่หวังหลินมองร่างแก่นแท้สายฟ้าอย่างเงียบๆ จุดเริ่มต้นแท้จริงในตาซ้ายพลันลอยออกมาคั่นกลางระหว่างเขาและร่างแก่นแท้ หลังจากนั้นมันก็ลอยเข้าไปในร่างแก่นแท้สายฟ้า
ร่างแก่นแท้สายฟ้าสั่นเทาและมีแสงเจิดจ้าส่องออกมาจากร่างกาย แสงนี้คล้ายกับไปกระตุ้นพลังต่อต้านที่มีพลังทำลายล้างอยู่ในร่างแก่นแท้สายฟ้า
หวังหลินสังเกตอยู่ชั่วขณะแต่ไม่ได้ให้ความสนใจ ดวงตาขวาเปลี่ยนกลายเป็นความมืดมิดดุจน้ำหมึก ความมืดควบแน่นในแขนขวากลายเป็นโครงร่างของดวงอาทิตย์ เพียงแต่มันเป็นดวงอาทิตย์สีดำ
เพียงสะบัดแขน ดวงอาทิตย์สีดำจึงทะยานเข้าหาร่างแก่นแท้สายฟ้าและเริ่มผสานเข้าด้วยกัน
แต่ขณะที่ดวงอาทิตย์สีดำผสานกับร่างแก่นแท้สายฟ้า สัมผัสวิญญาณของหวังหลินได้แผ่กระจายออกมาส่งแรงกดดันทรงพลังใส่ร่างแก่นแท้สายฟ้าเพื่อให้แก่นแท้ผสานตามที่เขาต้องการ!
แม้ดวงอาทิตย์นสีดำไม่ได้มีแก่นแท้มากนัก บางทีมันคงถูกสายฟ้าสังหารดูดซับไปทันทีเพราะมันคล้ายกันในด้านการทำลายล้าง สายฟ้าสังหารจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!!
สายฟ้าสังหารเป็นสิ่งที่สามารถทำลายโลกและฉีกกระชากความว่างเปล่าได้ หลังจากผสานกับแก่นแท้แห่งจุดจบแท้จริงจะมีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่กระจายออกมาจากร่างแก่นแท้สายฟ้า แม้แต่หวังหลินยังรู้สึกไม่สามารถข่มไปได้นานกว่านี้
สังหารทุกชีวิตและทำลายล้างโลก ฉีกกระชากแสงทั้งหมดจนค่ำคืนโอบล้อมและเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นเศษซาก นี่คือพลังทั้งหมดของร่างแก่นแท้สายฟ้าที่หวังหลินสร้างขึ้น!
อย่างไรก็ตามพลังนี้ถูกขังไว้ภายในร่างแก่นแท้สายฟ้าเนื่องจากมีแก่นแท้เขตอาคมที่เสมือนเป็นผนึก เมื่อพลังนี้เล็ดลอดออกมาได้มันจะกลายเป็นหายนะอันน่าหวาดกลัว
ร่างแก่นแท้สายฟ้าสมดุลด้วยแก่นแท้เขตอาคมที่ผนึกร่างกายเอาไว้ ทว่าในตอนนี้มีแก่นแท้แห่งจุดจบถูกเติมเข้าไป มันจึงทำลายสมดุลและพังทลายตรงๆ
แต่หวังหลินไม่ได้คาดคิดสิ่งใด พอแก่นแท้เขตอาคมไม่สามารถทนไหวและเกิดการพังทลาย แสงจากแก่นแท้จุดเริ่มต้นแท้จริงได้ผสานเข้ากับแก่นแท้เขตอาคม ผนึกใหม่จึงเกิดขึ้นมาเพื่อกลายเป็นสมดุลต่อต้านพลังทำลายล้างอีกครั้ง
ด้วยผนึกและการต่อต้านอย่างต่อเนื่อง ร่างแก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินจึงเหมือนเปลวเพลิงที่พร้อมปะทุ ราวกับคนที่กำลังถือเปลวเพลิงไว้ในมือ
จะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์หรือโดนเปลวเพลิงคลอกตาย
ผนึกและการทำลายล้าง ความมืดและแสงไฟ ตอนนี้ร่างแก่นแท้สายฟ้าได้เกิดความสมดุลขึ้นมาอย่างฉิวเฉียด แม้แก่นแท้แห่งจุดเริ่มต้นจะผสานกับแก่นแท้เขตอาคา มันก็ไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะต่อต้านแก่นแท้สังหารและแก่นแท้แห่งจุดจบแท้จริง อันตรายยังไม่หายไปแต่หวังหลินก็ต้องลงมือแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่เขาบังเอิญสร้างสายฟ้าสังหารขึ้นมา มันถูกลิขิตมาให้ร่างแก่นแท้นี้แตกต่างจากร่างแก่นแท้ห้าธาตุ
ภายในร่างแก่นแท้สายฟ้า มีแก่นแท้พิเศษถึงสี่ชนิดผสานที่ผสานและต่อต้านกัน พอพวกมันจะผสานกันเป็นหนึ่ง ร่างแก่นแท้จึงลืมตาขึ้นมา ดวงตาซ้ายเป็นแสงสว่าง ดวงตาขวามืดมิด มันก้าวเดินเข้าหาหวังหลินและทับซ้อนกับเขา จากนั้นนั่งลงและผสานกับหวังหลิน
เสี้ยววินาทีนั้นระดับบ่มเพาะของหวังหลินได้เพิ่มขึ้นจากขั้นวิบากดับสูญระดับต้น พอระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นโลกจึงเปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆเหนือศีรษะเกิดการกระจัดกระจาย ท้องฟ้าเหนือสำนักบางครั้งก็มืด บางครั้งก็สว่าง มันแยกกันระหว่างแสงและความมืดจนกระทั่งเกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากร่างกาย สายลมรุนแรงได้ทำให้เส้นผมและเสื้อผ้าหวังหลินพริ้วไหว เขาทะลวงขั้นไปสู่วิบากดับสูญระดับกลาง!!
หวังหลินพลันยืนขึ้นในทันที การเปลี่ยนแปลงในโลกได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ปกติ ไร้สายลม ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวและเงียบสงัด
เขายืนตรงนั้นไปสักพักแล้วจึงเคลื่อนไหว มังกรสมุทรที่อยู่ห่างไกลพลันเคลื่อนกายมาหาหวังหลิย จากนั้นหวังหลินก้าวไปบนศีรษะมัน
หลิวจินเปียวกลืนน้ำลายและมองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน มันเป็นความหวาดกลัวแบบเดียวกับที่เขารู้สึกในโลกถ้ำ ถึงจะอยู่บนแผ่นดินเซียนดาราก็ไม่แตกต่างกัน เขารีบมาถึงด้านหลังมังกรสมุทรและยืนอยู่หลังหวังหลินด้วยความเคารพ
ระดับบ่มเพาะของเขาส่วนใหญ่ฟื้นคืนมาได้ในช่วงสิบสามปีเพราะมีความทรงจำและมีเจ้ามังกรสมุทรช่วยเหลือมัน
มังกรสมุทรทะยานขึ้นสู่อากาศพร้อมกับหวังหลินยืนอยู่บนศีรษะมัน เขามองลงมาที่สำนักตงหลินและมองบ่อน้ำตงหลินด้านล่าง ผ่านไปสักพักจึงคำนับฝ่ามือและโค้งตัวให้แก่บ่อน้ำตงหลิน!
‘แม้ผู้อาวุโสจะตายไปแล้ว ความเมตตาที่ผู้อาวุโสมอบให้ข้าจะเป็นสิ่งที่ข้าไม่มีวันลืม’ หวังหลินส่งสายตาไปที่อารามตงหลิน พริบตานั้นเขาเห็นชายชราผู้เศร้าโศกและโดดเดี่ยว
หวังหลินถอนหายใจ มังกรสมุทรทะยานออกไปไกลตามคำสั่งของหวังหลิน
เบื้องหลังหวังหลินมีเสียงถอนหายใจที่มีความโดดเดี่ยวและโศกเศร้ามาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความดื้อดึงรุนแรง…
เพราะเขาโดดเดี่ยวจึงสร้างความฝันออกมาจากความทรงจำเพื่ออยู่กับเขาไปด้วยกัน
เพราะเขาโศกเศร้า จึงอยู่ในสำนักไร้ชีวิต นึกย้อนความทรงจำและปกป้องมันอย่างเงียบๆ
เพราะเขาดื้อดึง แม้จะผ่านมาหลายหมื่นปี ความเกลียดชังฝังลึกและความบ้าคลั่งได้ฝังแน่นอยู่ในตัวเขาราวกับคำพูดที่อยู่บนแผ่นหินจารึก!
หวังหลินจากไปแล้ว!
แต่เขาไม่ได้ออกไปจากแคว้นมหาปราชญ์ เพียงแค่นั่งลงบนยอดเขาโดยมีมังกรสมุทรคุ้มกัน เขาวางเขตอาคมไว้รอบตัวเอง พอดวงอาทิตย์ทะยานขึ้นทางทิศตะวันออก หวังหลินจึงหลับตา
‘ข้าจะลองไปทดสอบชั้นฟ้า! ตอนนั้นข้าผ่านระดับสี่ ครั้งนี้ข้าจะผ่านไปได้กี่ระดับ…’ หวังหลินหลับตาและข่มความปั่นป่วนจากการเพิ่มระดับบ่มเพาะ ผ่านไปสามเดือนเขาจึงคุ้นเคยระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน แขนขวายกขึ้นมาโบกสะบัดทำให้เกิดวิชาขึ้น
‘ในขั้นวิบากดับสูญระดับต้นข้าถูกจำกัดระดับบ่มเพาะจนผสานวิชาได้เพียงสิบสามวิชาเท่านั้น ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับกลางแล้ว ข้าจะผสานได้กี่วิชา…ยิ่งได้ร่างแก่นแท้ช่วยเหลือจะได้เท่าไรกัน…’ หวังหลินเผยแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลังจากสูดหายใจลึก หวังหลินหลับตาและนำพาสัมผัสวิญญาณรวมกันที่ศีรษะ เขาสร้างร่างที่มองไม่เห็นพุ่งทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า
‘ครั้งนี้ข้าต้องมีชื่อเสียง! ครั้งนี้ข้าต้องทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดต้องมองขึ้นมาดู…ครั้งนี้ข้าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า!’
‘ครั้งนี้ข้าจะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49!! ครั้งนี้ข้าจะใช้พลังของเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์!!’
หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับกลุ่มก้อนที่มองไม่เห็น เขาปีนป่ายขึ้นอย่างต่อเนื่องจนความคิดสั่นสะท้าน พอทัศนวิสัยกลับมาชัดเจนอีกครั้งจึงได้เห็นบททดสอบชั้นฟ้าที่คุ้นเคย!
เขาเห็นตำหนักที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าและมีเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าหลายร้อยคนนั่งอยู่นอกตำหนักระดับแรก!
เช่นเดียวกันเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็ได้เห็นหวังหลินซึ่งมาถึงตรงค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ!
“ผู้…ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว!”
“ข้าจำได้ว่าเขาผ่านสี่ด่านแรกไปในตอนนั้น ข้าคิดว่าเขาจะลองระดับห้าแต่ก็ล้มเลิกและจากไป…”
“บางทีเขาคงรู้ตัวว่าไม่สามารถผ่านได้และจากไปเอง คราวนี้เขาต้องได้ความเข้าใจบางอย่างและเกิดความมั่นใจว่าจะผ่านระดับห้าได้…”
‘นั่นเขา!’ ด้านนอกตำหนักแรกมีชายวัยกลางคนชุดดำ เขาดูเป็นคนมีนิสัยโอหังจนไม่มีใครอยู่รอบกาย เขาเป็นคนแรกที่เห็นว่าหวังหลินมาถึง
เขาชื่อจูหลิน! ตอนนั้นได้ผ่านระดับเจ็ดแต่ก็หยุดที่ระดับแปด
……………………………………………