Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1952 เจิดจรัส! (2)
แสงสีทองห่อหุ้มบททดสอบชั้นฟ้าและแต่งแต้มพื้นดินให้เป็นสีทองไปด้วย เหล่าผู้สู่งส่งชั้นฟ้าทั้งหมดต่างก็สงบนิ่งราวกับไม่ประหลาดใจ
มีหลายคนที่ไม่แม้แต่จะมองขึ้นไปและเพ่งสมาธิบ่มเพาะ ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาราวกับแสงสีทองจากการผ่านชั้นที่ห้าไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้เลย
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินก็ไม่ลืมตาเช่นกัน เขาจมดิ่งไปในโลกของตัวเอง ขบคิดถึงวิธีการผ่านชั้นที่แปด ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาก็ควรจะผ่านระดับแปดได้แต่เขาก็ยังถูกหยุดอยู่ตรงนั้น…
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวใช้เวลาไปกับระดับห้าอยู่บ้างกว่าจะมีแสงสีทองปรากฏขึ้นมา…นี่ยังช้ากว่าข่าวลือที่เขาผ่านสี่ระดับแรก…ดูเหมือนเขาใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อผ่านระดับห้า”
“แม้เวลาจะยังรวดเร็วแต่ก็คล้ายกับผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั่วไปที่ผ่านระดับห้า ไม่มีอะไรให้สังเกตจริงๆ”
“ข้าอยากรู้ว่าเขาจะจากไปแบบเมื่อก่อนหรือลองระดับหก…แต่เขาไม่น่าจะผ่านระดับหกได้…”
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามองขึ้นไปและลอบขบคิด บางส่วนยังคงผิดหวังเล็กน้อย เพราะที่พวกเขายังให้ความสนใจเพราะได้ยินหรือได้เห็นว่าหวังหลินผ่านสี่ด่านแรกไปอย่างรวดเร็ว!
ถ้าไม่มีเรื่องแบบนั้น นี่ก็แค่การผ่านระดับห้า แม้จะดูน่าตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมากนัก
หวังหลินทะยานร่างออกมาจากแสงสีทองในระดับห้า เขาสงบนิ่งและไม่มองลงไปแต่หันเข้าหาระดับหกแทน ดวงตาเปล่งประกายและพุ่งไปต่อโดยไม่ลังเล
เหล่าผู้สูงส่งด้านล่างเห็นเหตุการณ์และเพ่งสมาธิไปที่หวังหลิน
“เขาจะลองผ่านระดับหกจริง ข้าเองก็หยุดอยู่ระดับหก เขาใช้เวลาไปกับระดับห้ามากเกินไปและนานกว่าของข้าอีก หากข้าผ่านระดับหกไม่ได้ เขาก็ต้องล้มเหลวแน่นอน!”
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวไม่ได้กลับไปหรือ?”
“ตำหนักระดับหก นี่ค่อนข้างน่าสนใจขึ้นมาหน่อย หากเขาผ่านได้ ก็คู่ควรที่จะคบเป็นสหาย”
แทบไม่มีใครเชื่อว่าหวังหลินจะผ่านระดับหกไปได้ เพราะเขาใช้เวลาไปกับระดับห้ามากเกินไปกว่าปกติ ซึ่งไม่มีอะไรต้องให้ตกตะลึง
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าบางส่วนไม่ได้ลืมตามองแสงสีทองจากระดับห้า แต่พวกเขาลืมตามองระดับหก
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินได้ลืมตาและกำลังจะเข้าไปใกล้ กระนั้นมีแสงสีทองแพรวพราวออกมาจากสายตา!
พอแสงสีทองโผล่ออกมา สีหน้าท่าทางของผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินถึงกับเคร่งเครียด
เขาไม่ใช่คนเดียวที่สายตาเปล่งประกาย ด้านนอกตำหนักระดับแรก ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทุกคนที่นี่มีแสงสีทองโผล่ขึ้นมา!!
แสงสีทองนี้ไม่ได้ออกมาจากร่างกาย แต่เป็นแสงสะท้อนจากตำหนักระดับหก!
ตำหนักระดับหกปลดปล่อยแสงสีทองอันน่าตกตะลึงซึ่งหวังหลินเข้าไปเพียงไม่ถึงเจ็ดลมหายใจ แสงได้ผสานกับแสงจากระดับห้า เกิดเป็นความรุ่งโรจน์จากในอดีต!
“นี่…นี่มัน…” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าบางส่วนพลันยืนขึ้นด้วยแววตาตกตะลึง
“เขาผ่านด่านที่หก!! ทั้งยังแค่เจ็ดลมหายใจ!!”
“เมื่อหลายสิบปีก่อน เขาผ่านสี่ระดับแรกไปได้ ตอนนี้เขาผ่านระดับห้าและระดับหก ระดับบ่มเพาะของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน!”
“การสามารถผ่านระดับหกไปได้หมายความว่าเขาสามารถผสานวิชาได้อย่างน้อยห้าสิบวิชาในร่างกาย ทั้งเผ่าเทพมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่ถึงสี่ร้อยคนที่ทำแบบนี้ได้!”
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างต่างก็มีท่าทีเคร่งขรึมและมองไปบนท้องฟ้า แม้แต่คนที่หลับตาก่อนหน้านี้และคิดว่าไม่คู่ควรให้ใส่ใจยังลืมตามองร่างที่กำลังพุ่งออกมาจากแสงในระดับหก
คนที่สามารถผ่านระดับหกถือว่าเป็นคนแข็งแกร่งท่ามกลางเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินจ้องมองร่างหวังหลินและมีท่าทีเคร่งขรึม หวังหลินตอนนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนที่เขาไม่สนใจในครั้งแรกแต่จากนั้นก็ผ่านสี่ระดับแรกได้ในครั้งเดียวจนทำให้สนใจขึ้นมา
“ระดับเจ็ด เขากำลังจะลองผ่านตำหนักระดับเจ็ด!!”
“เขากำลังจะลองระดับเจ็ด มีไม่ถึงสองร้อยคนที่ผ่านระดับเจ็ดได้! แม้จะผ่านระดับหกไปได้ง่ายๆ แต่ระดับเจ็ดไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้น!”
“บางที…เขาอาจจะผ่านได้จริงๆ!” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างมองหวังหลินที่ไม่ได้ลอยลงมาแต่ตรงเข้าสู่ระดับเจ็ดแทน
ร่างหวังหลินกำลังถูกสายตาเกือบทุกคู่ด้านล่างจ้องมอง บางส่วนเต็มไปด้วยความคาดหวัง สงสัยและกระทั่งดูถูก เห็นได้ชัดว่าถึงแม้หวังหลินจะแข็งแกร่งจนผ่านระดับหกไปได้ มีอีกหลายคนที่คิดว่าหวังหลินจะผ่านระดับเจ็ดได้ยากมาก!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินไม่บ่มเพาะอีกต่อไปแต่จ้องมองร่างหวังหลินหายเข้าไปในตำหนักระดับเจ็ด ตอนนี้สีหน้าท่าทางของเขาเคร่งเครียด หากหวังหลินสามารถผ่านระดับเจ็ดได้ นั่นหมายความว่าหวังหลินอยู่ระดับเดียวกันกับเขา เขาซึ่งเป็นพยานรู้เห็นเซียนคนหนึ่งได้ทดสอบชั้นฟ้าถึงสองครั้ง แล้วจะไม่ให้ความสนใจได้อย่างไร?
พอหวังหลินเข้าไปในด่านที่เจ็ด เหล่าเซียนรอบด้านทั้งหมดต่างเงียบสนิทและมองขึ้นไปด้านบนจนหมด
หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ สี่ลมหายใจ ห้าลมหายใจ…หลังจากผ่านไปห้าลมหายใจ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าหลายคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความไม่เชื่อ!!
ตำหนักด่านที่เจ็ดในท้องฟ้าส่องประกายเจิดจ้าเพียงแค่ผ่านไปห้าลมหายใจ แสงสีทองเชื่อมต่อกับแสงจากด่านที่ห้าและด่านที่หก ราวกับดวงตะวันที่ส่องประกายอย่างเจิดจ้าบนบททดสอบชั้นฟ้าแห่งนี้!
ร่างผมสีขาวก้าวเดินออกมาจากด่านที่เจ็ดจนดูเหมือนเป็นร่างสีทอง กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาถึงกับทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าบางส่วนต้องลืมหายใจ!
“เขา…เขาผ่านด่านที่เจ็ดไปแล้ว…”
“ห้าลมหายใจ นี่เร็วยิ่งกว่าด่านที่หกเสียอีก! ต้องมีพลังต่อสู้แบบไหนถึงผ่านด่านที่เจ็ดไปได้? ชื่อเสียงของเขาจะสั่นสะท้านไปทั่วเผ่าเทพในช่วงเวลาอันสั้น!!”
“ผ่านด่านที่เจ็ดได้ในห้าลมหายใจ…ข้าไม่เคยได้ยินความเร็วระดับนี้มาก่อน…” จิตใจของเซียนนับร้อยด้านล่างกำลังสั่นเทาและไม่เกิดความดูถูกอีกต่อไป ในสายตาแต่ละคนเกิดความเคารพขึ้นมาแทนที่
บางคนที่หยุดอยู่ในตำหนักระดับสี่หรือระดับห้าต่างก็มองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อนอธิบายไม่ถูก
ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนแอช่างกว้างเกินไป คนที่สามารถผ่านระดับเจ็ดไปได้ก็จะได้รับการเคารพจากผู้สูงส่งชั้นฟ้า! ตัวอย่างก็เช่นผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลิน ถึงแม้จะเป็นคนโอหัง เมื่อใดที่เขาพยายามทดสอบชั้นฟ้า ทุกคนก็จะให้ความสนใจ
‘ตำหนักระดับเจ็ด…’ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินขบคิดอย่างเงียบๆ เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะแข็งแกร่งขนาดนั้น
‘เขาจะลองระดับแปดหรือไม่…ตำหนักระดับแปดนั้นยากมาก!’
หวังหลินยืนอยู่ในแสงสีทองจากตำหนักระดับเจ็ดและสงบนิ่งมาก ในตำหนักนี้เขาได้ใช้ร่างแก่นแท้สายฟ้าและร่างแก่นแท้ห้าธาตุ เพียงแค่สองร่างก็สามารถทำให้เขาผ่านตำหนักระดับเจ็ดไปได้จากข้อได้เปรียบมหาศาล
‘ยิ่งข้าไปสูง ยิ่งยากขึ้นไปอีก ข้าสงสัยว่าจะผ่านตำหนักระดับแปดไปได้หรือไม่…’ หวังหลินมองตำหนักระดับแปดและทะยานเข้าไป!
หวังหลินไม่สนใจการกระทำของคนอื่น เขาไม่รู้ว่าตัวเองได้ก่อให้เกิดคลื่นพายุลูกใหญ่ด้านล่าง!
“ตำหนักระดับแปด…เขากำลังจะลองระดับแปด!!”
“ช่างเป็นคนที่โอหังอะไรขนาดนั้น ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินยังล้มเหลวในระดับแปด เขา…อาห์ ข้าเดาไม่ถูกเลย!”
“ในเผ่าเทพมีไม่ถึงร้อยห้าสิบคนที่สามารถผ่านระดับแปดได้ และยิ่งใช้เวลามากยิ่งทำให้ยากขึ้นไปอีก เมื่อมีใครสักคนผ่านได้ มหาชั้นฟ้าทั้งหมดจะต้องรับทราบแน่นอน!” ตอนนี้เหล่าเซียนเกือบทั้งหมดต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้ว การผ่านระดับห้า หกและเจ็ดก็มากพอให้เกิดเรื่องใหญ่โตได้แล้ว
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินยืนขึ้นและจ้องมองตำหนักระดับแปดไม่วางตา เขาพยายามผ่านระดับแปดอยู่หลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว ตอนนี้มีคนอื่นลองที่ระดับแปด เขาจึงทะยานขึ้นสู่อากาศเพื่อเฝ้าดู
‘ตำหนักระดับแปด เขา…จะผ่านได้หรือไม่?’
ความคิดของคนด้านล่างผ่านไปอย่างช้าๆ แต่หลังจากผ่านไปเพียงแค่สามลมหายใจ แสงสีทองได้ระเบิดออกมาจากตำหนักระดับแปด แสงระเบิดนี้ได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงทันที
แสงสีทองจากตำหนักระดับแปดไม่ได้เปล่งประกายมาหลายปี ตอนนี้แสงสีทองได้ผสานกับแสงด้านล่างและปกคลุมทุกคนในแสงสีทองจนกว้างไกลสุดสายตา
‘เขาผ่านตำหนักระดับแปด…’ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าจูหลินถึงกับหน้าซีดและเต็มไปด้วยสายตาตกตะลึง เขาพยายามลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวเสมอ ตอนนี้ได้เห็นคนผ่านมันในเวลาเพียงแค่สามลมหายใจด้วยตาตัวเอง!
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้านับร้อยถูกแสงสีทองห่อหุ้มจนลืมคิดไปชั่วจังหวะ แต่ละคนต่างก็มองหวังหลินในท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาปลุกผู้สูงส่งชั้นฟ้าให้ตื่นจากอาการตกใจ “ช่างยอดเยี่ยม ท่านมีชื่อว่าอะไร!” บางคนรู้จักชื่อหวังหลิน แต่ส่วนใหญ่รู้แต่เพียงว่าเขาคือผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาวเท่านั้น!
หวังหลินมองลงมาจากตำหนักระดับแปดและเอ่ยขึ้น “หวังหลิน!”
หลังจากพูดออกมา สายตาพลันมองไปที่ตำหนักระดับเก้าซึ่งพร่าเลือนอยู่ในก้อนเมฆ!
การผ่านตำหนักระดับเก้าหมายถึงการเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าระดับสูงสุด!
การผ่านตำหนักระดับเก้าหมายถึงเขาจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่วเผ่าเทพ!
การผ่านตำหนักระดับเก้าหมายถึงเขาได้เข้าใกล้ผู้สูงส่งชั้นเทวะไปอีกก้าว!
เวลาที่หวังหลินอยู่ในแผ่นดินเซียนดาราไม่ได้ยาวนาน กว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายร้อยปี หวังหลินไม่ได้ตื่นเต้นและสงบนิ่งเหมือนเดิม
ภายใต้สายตาของผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่าง หวังหลินได้ทะยานเข้าหาตำหนักระดับเก้าที่ไม่เคยได้ส่องแสงออกมาหลายหมื่นปี
………………………………………