Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1954 เจิดจรัส! (4)
‘ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นคนพิเศษ เพียงไม่ถึงร้อยปีเขากลับผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้ เขาคู่ควรที่จะถูกชักชวนแน่นอน! ช่างมันเถอะ ถึงแม้เขาจะปฏิเสธไปแล้วหนึ่งครั้ง คราวนี้ข้าจะไปด้วยร่างอวตารและเขาจะรู้ได้ว่าข้าให้ความสำคัญมากแค่ไหน!’ หลังจากนั่งอยู่ใต้น้ำตก ต้าวยี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม
ทางด้านแผ่นดินทิศเหนือในธารน้ำแข้ง มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงมองไปที่ธารน้ำแข็งและหลับตา
“เจ้าเด็กคนนี้ผ่านการทดสอบในทะเลขุนเขาและทะลวงผ่านตำหนักระดับเก้าได้ พลังต่อสู้ของเขาช่างคล้ายกับผู้สูงส่งชั้นเทวะ…ต้าวยี่ก็เห็นเขาแต่ต้าวยี่กลับหยิ่งยโสและมีทิฐิมากไป อย่างมากเขาก็แค่ส่งร่างอวตารออกไป…แต่ครั้งนี้ข้าจะใช้ร่างดั้งเดิมไปหาด้วยตัวเอง เด็กนี่น่าจะบอกได้ว่าใครกันแน่ที่ให้ความสำคัญมากกว่า!”
ด้านภูเขาจักรพรรดิ สตรีคนสวยเผยรอยยิ้มแห่งความสุข ราวกับนางมีความสุขมากกว่าหวังหลินที่ทะลวงผ่านระดับเก้าได้เสียอีก
ทว่าชายชราด้านข้างนางกลับแค่ชำเลืองสายตาและยังไม่สนใจ
ชายชราส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้น “มันก็แค่ตำหนักระดับเก้า ผู้สูงส่งชั้นฟ้าระดับสูงสุด หลังจากทะลวงผ่านระดับสิบไปได้ เขาจะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ แต่ระดับสิบก็แค่ชั้นล่างของผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขายังห่างไกลจากหมิงต้าวมากนัก”
สตรีคนสวยหันกลับมา “อาจารย์!!”
ชายชราหยุดกึกและพูดขึ้นอย่างขมขื่น “หากเขาผ่านตำหนักระดับสิบไปได้ ข้าจะไปขอให้เขามาร่วมกับข้า”
“อา…เก้าตำหนักแรกในบททดสอบชั้นฟ้าคือเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้า ตำหนักระดับสิบถึงจะเป็นขอบเขตระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะ ตั้งแต่ระดับสิบเอ็ดไปนอกจากระดับบ่มเพาะและพลังต่อสู้แล้ว ที่จำเป็นคือความเข้าใจและการรู้แจ้งแห่งเต๋า”
“ในบททดสอบชั้นฟ้า คำว่า ‘บททดสอบ’ คือกุญแจสำคัญสำหรับเก้าตำหนักส่วนหลัง! ทุกตำหนักจะให้โชควาสนากับเจ้าและหวังหลินคนนี้…” ชายชรามองศิษย์ตัวเองและหยุดพูด
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางสูดหายใจลึกและหลับตาพลางใช้สัมผัสวิญญาณพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
ในเมืองหลวงของแคว้นกลาง ณ พระราชวังอันหรูหราอันว่างเปล่า ขณะที่ฉากเหตุการณ์หวังหลินได้ผ่านตำหนักระดับเก้าปรากฏขึ้นมา เสียงหัวเราะเย็นเยียบดังกึกก้องไปทั่วราชวัง
‘นี่คือคนที่ต้าวเฟยไม่ลืมเลือน…ข้าประเมินเขาต่ำไป…’
ทางด้านแผ่นดินทิศตะวันออก สำนักตะวันม่วง ชายวัยกลางคนมองกระจกเบื้องหน้าอย่างโดดเดี่ยว เขาเมินเฉยเสียงกรีดร้องจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง สายตากำลังเปล่งประกายเจิดจ้า
‘ข้าต้องเชิญชวนเขา! ครั้งล่าสุดที่มหาชั้นฟ้าได้เกิดใหม่ นางได้แยกออกเป็นสองคน ผ่านมาหลายปีจนไร้ชื่อเสียง ผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะหลายคนจึงจากไป…ตอนนี้มหาชั้นฟ้ากำลังจะเกิดใหม่อีกครั้ง หากสามารถเชิญชวนคนผู้นี้มาได้ เขาจะกลายเป็นองครักษ์อันแข็งแกร่งให้กับพวกเรา!’
ขณะเดียวกันในบททดสอบชั้นฟ้า หลังจากหวังหลินผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้ ทุกคนด้านล่างจึงโค้งตำนับให้ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบร้อยคนรีบกลับเข้าสู่ร่างกาย พวกเขารีบใช้เส้นสายของตัวเองและรายงานเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้หากมีคนผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญภายในเผ่าเทพ ถือว่าเป็นเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เลยทีเดียว ไม่นานหลังจากนั้นจึงมีเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าเร่งรีบเข้ามาบททดสอบชั้นฟ้ามากขึ้นจากทั่วเผ่าเทพ
หวังหลินก้าวออกมาจากตำหนักแห่งระดับเก้าที่กำลังส่องประกาย เขานั่งอยู่ในอากาศและไม่ได้ไปต่อตำหนักระดับสิบแต่ก็ไม่ได้ล้มเลิก
ทั่วทั้งบททดสอบชั้นฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีทอง ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทุกคนที่ได้ยินข่าวต่างก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมาถึงและเห็นแสงสีทองทันที แต่ละคนมองดูตำหนักระดับเก้าที่กำลังปลดปล่อยแสงสีทองเจิดจ้าและมีร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในแสงนั้น
สีหน้าแต่ละคนล้วนเคร่งเครียดทั้งยังแฝงความคาดหวัง!
ตอนนี้ไม่มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนใดที่นี่จะมีท่าทีเสแสร้งและคิดดูถูกอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเคารพความแข็งแกร่งและใครที่สามารถผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของผู้สูงส่งชั้นฟ้า!
ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไปและมีผู้สูงส่งชั้นฟ้ามาถึงมากขึ้น ลำแสงหลายเส้นสายได้มาถึงตรงจุดค่ายกลเคลื่อนย้ายและดูเหมือนไม่มีวันหยุด
ไม่นานนักที่นี่จึงมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบเจ็ดร้อยคน ซึ่งเป็นจำนวนเกือบเจ็ดในสิบส่วนของผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดในเผ่าเทพ
ยังมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่กำลังเร่งรีบมาที่นี่หลังจากได้ยินข่าว
“เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนมีคนมาที่บททดสอบชั้นฟ้ามากขึ้น…”
“เมื่อเขาผ่านตำหนักระดับสิบไปได้ เขาจะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ แต่ระดับสิบนี้ยิ่งยากกว่าเก้าระดับก่อนหน้านี้รวมกัน ไม่เช่นนั้นคงมีผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 เกิดขึ้นมาแล้วในช่วงหลายหมื่นปี…”
“ข้าคิดว่ามันคงจะยากยิ่ง แม้จะมีคนเพียงไม่กี่คนที่ผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้ คนไหนเล่าที่จะไม่มีชื่อเสียงหรือทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ขึ้นมาได้? หลายคนต่างก็คาดหวังไว้สูงแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวในตำหนักระดับสิบ…คราวนี้มันก็อาจจะเหมือนเดิม”
ผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าเจ็ดร้อยคนกระจายไปทั่วบททดสอบชั้นฟ้า แต่ละคนต่างก็พูดคุยกัน บางส่วนสงสัยในชื่อเสียงหวังหลินและคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่ามกลางเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าเจ็ดร้อยคน มีกลุ่มหนึ่งที่สงบนิ่งและแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้แต่ตอนที่พวกเขายืนอยู่เฉยๆ ก็ยังมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนอื่นเคารพและนอบน้อม
ในกลุ่มนี้มีไม่ถึงสิบคน ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ผ่านตำหนักระดับเก้าไปได้แต่ก็หยุดที่ตำหนักระดับสิบ พวกเขามาที่นี่เพื่อดูว่าหวังหลินจะก้าวข้ามผ่านระดับที่พวกเขาใฝ่ฝันได้หรือไม่!
“พี่จ้าว ท่านคิดว่าเขาจะผ่านระดับสิบได้หรือไม่?”
“ยาก! เราทั้งคู่ต่างก็ลองระดับสิบไปแล้ว หากเขามั่นใจว่าจะผ่านไปได้ เขาก็คงไม่บ่มเพาะอยู่ตรงนั้น”
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูปไหม้และมีเซียนอยู่ที่นี่เกือบแปดร้อยคน เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามากกว่าครึ่งต่างก็หยุดการกระทำของตัวเองและรีบเร่งมาที่นี่ด้วยสัมผัสวิญญาณเพื่อเป็นพยานเหตุการณ์ครั้งสำคัญ
ในเหล่าฝูงชนยังมีสตรีงดงามผู้หนึ่ง นางคือผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ นางไม่ได้ต้องการมองผ่านใบไม้แห่งบนภูเขาจักรพรรดิ ดังนั้นจึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง นางมองไปยังแสงสีทองในท้องฟ้าและเผยรอยยิ้ม
‘สหายคนนี้หลังจากออกไปจากทะเลขุนเขา เขาก็หายตัวไปมากกว่าสิบปี ข้าไม่คิดว่าหลังจากปรากฏตัวอีกครั้งจะทำให้เกิดเรื่องอัศจรรย์ขนาดนี้!’
ขณะที่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเกือบแปดร้อยคนได้รอให้หวังหลินลองทดสอบระดับสิบ ค่ายกลเคลื่อนย้ายกะพริบถี่ยิบ ชายวัยกลางคนชุดขาวผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา เขาดูเยือกเย็นและไม่ได้มองฝูงชน กระโจนขึ้นสู่อากาศและมองมาที่หวังหลิน
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะพิรุณหิมะ!!”
“แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะก็มาที่นี่!”
“ไม่เพียงแค่ผู้สูงส่งชั้นเทวะ ดูสิยังมีผู้สูงส่งชั้นเทวะกงล้อเต๋า!” การปรากฏตัวของเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะได้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่นี่ให้ความสนใจ ผู้สูงส่งชั้นเทวะกงล้อเต๋าเป็นชายชรา เขาขมวดคิ้วพลางทะยานขึ้นสู่อากาศ มองดูชายวัยกลางคนและพยักหน้าให้กัน จากนั้นมองหวังหลินที่อยู่ในท้องฟ้า
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งชวง!”
“นั่นมันผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อย เขามีรูปร่างเป็นเด็กอยู่ตลอด นั่นต้องเป็นเขา! ลือกันว่าเขาผ่านตำหนักระดับสิบสองแล้ว!!”
ข้อความสัมผัสวิญญาณกำลังส่งผ่านเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าจำนวนแปดร้อยคนอย่างเงียบๆ มีผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้งสิ้นสี่คนที่ปรากฏตัวในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันและเพียงแค่มองบนท้องฟ้า
นาทีนั้นรอบด้านพลันเงียบสนิทเพราะหวังหลินที่กำลังนั่งอยู่ในแสงของตำหนักระดับเก้าได้พลันยืนขึ้น การกระทำของเขาทำให้ทุกคนเกิดความสนใจ
หวังหลินมองผู้คนจำนวนมากและขมวดคิ้วแต่ก็ผ่อนคลายในเวลาไม่นาน เป้าหมายของเขาคือการมีชื่อเสียง ยิ่งมีคนมากยิ่งดีต่อผลลัพธ์
มีสี่คนด้านล่างที่ทำให้หวังหลินสนใจ ทั้งสี่คือผู้สูงส่งชั้นเทวะ พอหวังหลินมองพวกเขา พวกเขาจึงมองกลับมาด้วยท่าทางสงบนิ่งและไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกอันใด
หวังหลินถอนสายตาและมองตำหนักระดับสิบ ก้าวทะยานมุ่งหน้าเข้าสู่ตำหนักระดับสิบและหายตัวไป!
“เขากำลังลองระดับสิบ!!”
“ตำหนักระดับสิบเรียกกันว่าประตูมังกร เมื่อผ่านไปได้ เขาจะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ในเผ่าเทพ!”
เหล่าเซียนทั้งหมดด้านล่างจ้องมองอย่างตั้งใจและกลัวพลาดช่วงเวลาสำคัญ
เวลานี้บนแผ่นดินเซียนดารา ต้าวยี่ หวู่เฟิงและคนที่ทรงอำนาจทั้งหลายในเมืองหลวงต่างก็มองภาพเหตุการณ์ในบททดสอบชั้นฟ้าที่หวังหลินก้าวเข้าสู่ตำหนักระดับสิบ!
ในสำนักตะวันม่วง ชายวัยกลางคนถึงกับสูดหายใจลึกและไม่กะพริบตา
‘เขาจะผ่านไปได้หรือไม่…’ เป็นความคิดที่เกิดขึ้นแทบทุกคน!
เวลาผ่านไปแปดลมหายใจนับตั้งแต่ที่หวังหลินเข้าทดสอบระดับสิบ!
ลมหายใจที่เก้า ลมหายใจที่สิบ…
สายตาทุกคนรวมไปยังตำหนักระดับสิบอันเลือนลาง ตำหนักแห่งนี้ไม่ปลดปล่อยแสงสีทองมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว!
ทว่าทุกครั้งที่มันปลดปล่อยแสงสีทองออกมาในอดีต นั่นหมายความว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในเผ่าเทพ!
เผ่าเทพมีผู้สูงส่งชั้นเทวะเพียง 48 คนเท่านั้น เมื่อมีอีกคนปรากฏตัวนั่นจะเป็นเหตุการณ์แห่งความสุขไปทั้งเผ่าเทพ แม้แต่เผ่าโบราณยังอยากรู้ชื่อเสียงเรียงนาม เซียนแบบนี้ทรงอำนาจมากพอที่จะทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วแผ่นดินเซียนดารา!
ลมหายใจที่สิบเอ็ด ลมหายใจที่สิบสอง…จนกระทั่งลมหายใจที่ยี่สิบ!
“ต้องล้มเหลวเสียแล้ว…” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าบางคนถึงกับถอนหายใจ
แต่วินาทีนั้นเสียงร่ำร้องดังกึกก้องขึ้นมาในบททดสอบชั้นฟ้าอันเงียบงัน จนกระทั่งกลายเป็นคลื่นเสียงอันมหึมา!!
“แสงสีทอง!! นั่นมันแสงสีทอง!!!”
“แสงสีทองของตำหนักระดับสิบ!!! หลายหมื่นปีแล้วและตอนนี้มันมีแสงสีทองออกมาอีกครั้ง!!!”
“เขา…ผ่าน!!!”
ผ่านไปยี่สิบลมหายใจ ตำหนักระดับสิบที่ปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆอันเลือนลางได้ปลดปล่อยแสงสีทองแพรวพราวเบื้องหน้าสายตาของทุกคน!!!
เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้งสี่คนต่างก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมทันที
…………………………………………