Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1956 เจิดจรัส! (6)
“มีอยู่เจ็ดคนที่หยุดอยู่ด่านสิบสาม นอกจาก 47 คนที่ว่ามามีอีกสองคนที่ถือกันว่าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด คนแรกคือผู้สูงส่งชั้นเทวะฉายเว่ย ซึ่งหยุดอยู่ชั้นสิบสี่! ส่วนอีกคนคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว หยุดอยู่ชั้นสิบหก!”
“ตั้งแต่ด่านสิบเอ็ดขึ้นไป ทุกตำหนักนั้นยากมาก มันไม่ง่ายเหมือนการทำลายดาวเคราะห์ในสิบด่านแรก แต่…เป็นการต่อสู้กับ อสูรต่างแดน 72 ตัวที่บรรพชนเทพเผชิญหน้า!”
“ท่ามกลางอสูรต่างแดน 72 ตัวมีทั้งตัวที่อ่อนแอและแข็งแกร่ง แม้แต่ละตัวที่อยู่ในบททดสอบชั้นฟ้าจะเป็นแค่ภาพมายาและอ่อนแอมาก พวกมันต่างก็คืออสูรที่เคยต่อสู้กับบรรพชนเทพ!”
“หากท่านสามารถเอาชนะอสูรต่างแดน 72 ตัวได้และก้าวเดินบนเส้นทางที่บรรพชนเทพเคยเดิน เช่นนั้นเมื่อท่านผ่านตำหนักที่สิบเก้าไปได้ ท่านจะแข็งแกร่งจนแม้แต่มหาชั้นฟ้ายังต้องระมัดระวัง!”
“และตั้งแต่ด่านที่สิบเอ็ดไป มันคือโชควาสนาอย่างมหาศาล แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ไป คนที่ผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดไปแต่ไม่ได้อะไรเลยก็ยังมี”
“ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าคนนั้นจะได้วิชาจากบรรพชนเทพในตำหนักระดับสิบเอ็ด!”
“แต่มีคนเดียวที่เคยผ่านด่านสิบเก้าได้ ต่อจากนั้นก็กลายเป็นมหาชั้นฟ้า นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครได้ผ่านด่านสิบเก้าอีกเลย!”
“แม้แต่มหาชั้นฟ้าในปัจจุบันก็ผ่านไม่ได้! มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และมหาชั้นฟ้าแปดสุดขั้วที่ตอนนั้นมีเพียงแค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าอยู่ใต้อำนาจ คนที่ผ่านไปได้คงต้องมีโชคชะตาขีดเส้นใต้เอาไว้ให้เป็นมหาชั้นฟ้าผ่านดินแดนเทพบรรพกาล ส่วนคนอื่นได้รับการสืบทอดผ่านสายโลหิตของบรรพชนเทพ!”
“มหาชั้นฟ้าชวงจื่อและมหาชั้นฟ้าจิวตี้นั้นลือกันว่ามาจากรุ่นเดียวกันและเคยอยู่ใต้อำนาจบรรพชนเทพ ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ข้าก็ไม่รู้ มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงก็เคยเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ แต่เขาผ่านเพียงแค่ชั้นสิบสี่เท่านั้นและผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวในตอนนี้มิอาจเทียบชั้นได้เลย!”
“ข้าเลือกติดตามเขาก็เพราะเหตุนี้ อีกทั้งเราผู้สูงส่งชั้นเทวะต่างก็มีความภาคภูมิใจของตัวเอง หากกลายเป็นมหาชั้นฟ้าเพราะโชคช่วย เราก็คงไม่ยินยอมติดตามอยู่แล้ว!” พิรุณหิมะพูดกับหวังหลิน
“มหาชั้นฟ้าคนไหนที่ผ่านด่านสิบเก้าได้ตอนเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ?” หวังหลินไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและมีท่าทีเคร่งขรึม
“มหาชั้นฟ้าตงหลินแห่งสำนักตงหลิน! ก่อนที่เขาจะตายไป เขาคือมหาชั้นฟ้าอันดับหนึ่งในเผ่าเทพ แม้แต่มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ยังหวาดกลัวเขา…เขาเป็นคนเดียวที่อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองในการกลายเป็นมหาชั้นฟ้า แต่ว่า…” เห็นได้ชัดว่าพิรุณหิมะเคารพมหาชั้นฟ้าตงหลินอย่างมาก พอพูดถึงมหาชั้นฟ้าตงหลิน ท่าทีของเขาก็หดหู่ลงเล็กน้อย
หวังหลินขบคิดเงียบๆ และนึกย้อนไปถึงชายชราผู้โดดเดี่ยวในสำนักตงหลินที่เอาแต่ฝันถึงพรรคพวก ลูกหลานของมหาชั้นฟ้าตงหลิน…
หวังหลินสูดหายใจลึก คำนับฝ่ามือให้พิรุณหิมะและคนอื่น “ขอบคุณมาก!”
เขาทะยานผ่านก้อนเมฆไปและมาถึงตำหนักระดับสิบเอ็ดอย่างรวดเร็ว! หวังหลินมองดูและพุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเลภายใต้สายตาของกลุ่มพิรุณหิมะ สายตาเซียนด้านล่างทั้งหมดและสายตาผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อย หวังหลินได้ทะยานเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด
ตำหนักระดับสิบเอ็ดคือเป้าหมายและความปรารถนาของผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดที่นี่ ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านมันได้หรือไม่ มันคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและพลังอำนาจ!
ตำหนักระดับสิบเอ็ดนั้นแตกต่างจากสิบตำหนักแรก มันใหญ่กว่าและมีแรงกดดันรุนแรงออกมามากกว่า ทั้งตำหนักเป็นสีดำสนิทและเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบ
‘มีคนที่ผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดเพียง 22 คนเท่านั้น! ตอนนี้ทำให้ข้ามีชื่อเสียง…แต่การผ่านตำหนักระดับสิบยังไม่มากพอ!’ หวังหลินแววตาเป็นประกายและเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด!
พอเขาเข้าไป ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งหมดด้านล่างต่างก็อ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้น ท่าทางแบบนี้ปกติแล้วไม่ค่อยจะเกิดขึ้นเพราะไม่ว่าใครในเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าก็สามารถทำให้โลกด้านนอกสั่นสะเทือนได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้นจากการกระทำอันบ้าคลั่งของหวังหลิน
“ข้าคิดว่าเขาจะหยุดอยู่ที่ตำหนักระดับสิบ แต่เขากำลังไปต่อ!”
“เขา…เขาจะผ่านตำหนักกี่แห่ง??”
“เขามันบ้าไปแล้ว ถ้าไม่มั่นใจมากพอก็ตาบอดไปกับเกียรติยศของการเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ! การผ่านตำหนักหลายระดับในครั้งเดียวแบบนี้หาได้ยากยิ่ง!”
กลุ่มทั้งสามของพิรุณหิมะเองก็มองเข้าไปเช่นกัน พวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเรื่องโอกาสของหวังหลินและยังคิดว่าหวังหลินมีโอกาสเก้าถึงสิบส่วนที่จะล้มเหลว นอกจากนี้พวกเขาเองก็ลองมาแล้วแต่ก็ล้มเหลว นี่เป็นเหตุผลว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะมากกว่าครึ่งยังติดอยู่ระดับนี้!
พวกเขาไม่เชื่อว่าหวังหลินที่เพิ่งจะผ่านมาเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะจะมีความแข็งแกร่งเช่นนั้น!
‘เขาก็แค่เกิดแรงจูงใจ แต่ตำหนักระดับสิบเอ็ดไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนั้นที่ข้าผ่านระดับสิบมาได้ข้าก็ลองระดับสิบเอ็ดแต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน…จนหลายปีต่อมาข้าจึงผ่านได้สำเร็จ’
‘ท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นเทวะมากกว่าสี่สิบคน มีแค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าฉายเว่ยและเมิ่งต้าวเท่านั้นที่ไปต่อได้ ฉายเว่ยหยุดที่ระดับสิบสองและหมิงต้าวหยุดอยู่ที่ระดับสิบสาม!’
‘ที่สองคนนั้นมีชื่อเสียงจนถึงตอนนี้ได้และถือว่าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกว้างขวางก็เพราะเหตุนี้ ส่วนหวังหลินถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยดูสงบนิ่งแต่เยาะเย้ยในใจ
ตอนนี้เหล่าเซียนที่นี่ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่สังเกตการณ์ นอกจากเหล่ามหาชั้นฟ้าแล้วยังมีผู้สูงส่งชั้นเทวะอีกหลายคนที่ใช้วิธีการแตกต่างกันเพื่อสังเกตบททดสอบชั้นฟ้า พอพบว่ามีผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ปรากฏขึ้นมาและไม่จากไปไหนแต่กลับจะไปลองตำหนักระดับสิบเอ็ดแทน!
ในสำนักต้าวยี่ มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ดูเหมือนลืมเลือนทุกอย่างและเพ่งสมาธิไปยังบ่อน้ำเบื้องหน้า เขาดูสงบนิ่งแต่มีแสงประหลาดเปล่งออกมาจากกำปั้น
‘เด็กคนนี้ ข้าต้องเชิญชวนเขามาอยู่ใต้อำนาจข้า!!’
ทางด้านมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งในแผ่นดินทิศเหนือ เขาจ้องมองธารน้ำแข็งด้วยสายตามุ่งมั่น!
ส่วนชายวัยกลางคนในสำนักตะวันม่วงที่ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากด้านนอกเป็นพักๆ เขากำลังตื่นเต้นมาก จ้องมองกระจกและพึมพำกับตัวเอง
‘หากเขาได้อยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ เขาจะช่วยเหลือมหาชั้นฟ้าได้อย่างมหาศาลแน่นอน!!’
แคว้นกลาง ภูเขาจักรพรรดิ มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้กำลังนั่งอยู่ใต้แสงอาทิตย์อย่างคนขี้เกียจ พอหวังหลินผ่านด่านระดับสิบไปได้เขาจึงลืมตาขึ้นมา
‘ผ่านได้? แม้จะผ่านระดับสิบได้ก็แค่มดที่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย…เทียบไม่ได้กับฉายเว่ยและเมิ่งต้าวเลยสักนิด อา…จักรพรรดิเทพสัญญาว่าจะเชิญชวนเมิ่งต้าวว่าอะไรกันนะ…’ ชายชราถอนหายใจและยังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เชิญชวนเมิ่งต้าวเมื่อตอนนั้น
ณ วังอันว่างเปล่าในเมืองหลวง เสียงหนึ่งพึมพำขึ้นมา
“เมิ่งต้าว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ขณะที่มีเสียงดังขึ้น ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปในวังและมีคนก้าวเดินออกมา คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มชุดดำสีหน้าเยือกเย็น ดูราวกับภาพมายาในวังอันว่างเปล่า
“ใช้เวลาแค่ลมหายใจเดียวก็สังหารเขาได้แล้ว!”
ในยามนั้นหวังหลินได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักระดับสิบเอ็ด ภาพทัศนวิสัยพร่าเลือนและปรากฏตัวในดาราจักรดวงดาวอีกครั้ง
ทว่าดาราจักรดวงดาวแห่งนี้ไม่มีดาวเคราะห์แต่ปกคลุมไปด้วยสายหมอก สายหมอกนี้หนาแน่นและคล้ายกับไม่สามารถจำแนกแยกแยะได้ มันห่อหุ้มไปทั่วบริเวณ
“เต๋าคือสิ่งใด?” น้ำเสียงทรงอำนาจดังกึกก้องออกมาในดาราจักรดวงดาวและเกิดคลื่นเสียงสนั่นนับไม่ถ้วน เสียงนั้นยังดังอยู่ในจิตใจและสองหูของหวังหลินด้วย
“เต๋าคือสิ่งใด?”
“เต๋าคือสิ่งใด?” เสียงยังคงดังสะท้อนรุนแรงขึ้นราวกับกำลังพึมพำและร้องคำรามไปด้วยกัน มันทำให้ร่างหวังหลินสั่นสะเทือนและรู้สึกเหมือนวิญญาณเขากำลังแตกสลาย
หวังหลินหน้าซีดเล็กน้อยแต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้า ความเข้าใจเรื่องเต๋าของเขาได้ทำให้เกิดแก่นแท้นามธรรมทั้งสามอย่างขึ้นมา ความรู้แจ้งแห่งเต๋าของหวังหลินนั้นล้ำลึกกว่าคนส่วนใหญ่บนแผ่นดินเซียนดารา แม้แต่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะก็เทียบกับหวังหลินไม่ได้!
ความรู้แจ้งแห่งเต๋านี้เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้จากภายนอก มันคือการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงกระบวนการความคิดของตัวเอง
หวังหลินพูดขึ้น “ชีวิตและความตายล้วนพันธนาการ นี่คือเต๋า!”
นาทีที่เขาเอ่ยปาก ความรู้แจ้งแห่งเต๋าชีวิตและความตายปรากฏขึ้นมารอบตัวเขา ยามนี้เสียงก็หายไปและมีโซ่ตรวนปรากฏขึ้นรอบตัว โซ่ตรวนเริ่มแผ่กระจายออกผลักดันสายหมอกออกไปให้เห็นดาราจักรดวงดาวอันส่องสว่าง มีร่างหนึ่งสวมชุดคลุมสีทองและสวมมงกุฎอยู่เบื้องหน้า
ด้านหน้าร่างเงาเป็นแมงป่องยักษ์ขนาดใหญ่หลายแสนฟุตที่กำลังเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบและร้องคำราม
ทัศนวิสัยของหวังหลินเริ่มพร่าเลือน พอเขากลับมามีสติได้จึงเหมือนตัวเองกลายเป็นร่างสีทองที่กำลังต่อสู้กับแมงป่อง!
‘แมงป่องมารเขียว!’ วินาทีนี้หวังหลินสวมเกราะวิญญาณโดยไม่ลังเล!!
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ซึ่งมันแตกต่างจากการผ่านตำหนักก่อนหน้านี้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เวลาผ่านไปแล้วครึ่งก้านธูปไหม้ ตำหนักที่พวกเขาเฝ้ารออยู่ในท้องฟ้านั้นเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง
‘การลองตำหนักระดับสิบเอ็ดถือว่าเป็นเรื่องดี เมื่อเขาล้มเหลวก็จะได้เข้าใจว่าบททดสอบชั้นฟ้าไม่ใช่สิ่งที่จะลองได้แค่อารมณ์ชั่ววูบ’ พิรุณหิมะยังคงถอนหายใจอยู่ในใจ แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าหวังหลินจะผ่านได้
‘คิดว่าตัวเองคือฉายเว่ยหรือเมิ่งต้าวหรืออย่างไร? ข้าพยายามอย่างมากกว่าจะผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดไปได้ การต่อสู้กับวิญญาณต่างแดนเป็นเรื่องยากมาก…เขาไม่ผ่านแน่นอน!’ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทารกน้อยเพียงแค่เยาะเย้ยในใจ แต่ทันใดนั้นร่างกายเขาก็สั่นเทา ดวงตาถลนออกมาด้วยความไม่เชื่อ!
แสงสีทองระเบิดออกมาจากตำหนักระดับสิบเอ็ดที่ถูกก้อนเมฆห่อหุ้มเอาไว้!!
‘เป็นไปไม่ได้!’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อยถึงกับเบิกตากว้างอีกครั้ง
……………………………………