Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1960 เจ้าไม่ไปต่อแล้วหรือ?
ยามนี้ตลอดทั้งบททดสอบชั้นฟ้าดูคล้ายกับกำลังเดือดพล่าน เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่นี่ถึงกับตกตะลึงที่หวังหลินผ่านระดับสิบสามไปได้ พวกเขาคิดว่าตัวเองประเมินหวังหลินไว้มากเกินไป แต่หลายคนล้วนแต่คิดผิด
“ระดับสิบสาม! หวังหลินมีพลังต่อสู้มากขนาดไหนกัน? หรือเขาต้องการทะลวงผ่านไปถึงระดับสิบเก้า!?!”
“คนผู้นี้สั่นคลอนทั่วหล้าได้เพียงแค่วันเดียว!”
เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนมองขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยสายตาตกตะลึง!
นาทีที่แสงสีทองรั่วไหลออกมาจากตำหนักระดับสิบสาม ไม่รู้ว่าใครหันมามองผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวก่อน แต่ครู่ต่อมาสายตามากกว่าครึ่งจึงหันมาจับจ้องเมิ่งต้าว
หวังหลินผ่านระดับสิบสามไปได้เป็นการท้าทายผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวทางอ้อม!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวดูสงบนิ่งแต่แผ่กระจายความเย็นเยียบออกมาดุจพายุที่กำลังก่อตัวอยู่ในร่าง เพียงเท่านี้คลื่นความโกลาหลรอบด้านก็หยุดลงทันที
ร่างหวังหลินปรากฏตัวอยู่ด้านนอกตำหนักระดับสิบสาม ใบหน้าท่าทางซีดเซียวยิ่ง หลังจากเขาปรากฏตัวจึงไม่ได้ลองระดับสิบสี่แต่ค่อยๆ ทะยานลงมาอย่างช้าๆ
พอเขาลงมา เซียนรอบด้านล้วนแต่เงียบสนิท
“เจ้าไม่ไปต่อแล้วหรือ?” เสียงของเมิ่งต้าวดังขึ้นมาทำลายความเงียบ
เพียงเท่านั้นจิตใจของเซียนทุกคนถึงกับสั่นเทา แต่ละคนรู้สึกว่าพายุกำลังเข้ามาแล้ว!
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มีสีหน้าสงบนิ่งและไม่ได้พูดสิ่งใด มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงยิ้มออกมาราวกับทำเป็นไม่ได้ยิน ผู้สูงส่งชั้นฟ้าทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่ยอดเยี่ยม พวกเขาต่างก็อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เหตุการณ์นี้น่าสนมากกว่าหวังหลินเข้าทดสอบชั้นฟ้าเสียอีก
คนที่มองจากภายนอกบททดสอบชั้นฟ้าเองก็เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจเช่นกัน มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มองดูใบไม้แห้งเบื้องหน้า สายตากำลังเปล่งประกายเจิดจ้า
“การสามารถผ่านตำหนักระดับสิบสามได้นั่นหมายความว่าเขาคู่ควรที่ได้รับเชิญ การกระทำของเมิ่งต้าวก็น่าสนใจ ข้าอยากรู้เสียแล้วว่าหวังหลินจะตอบอย่างไร จากรูปลักษณ์ของเขา ระดับสิบสามไม่ใช่เรื่องง่าย อาา….แต่นั่นก็มากพอให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเผ่าเทพแล้ว”
ทางด้านพระราชวัง จักรพรรดิเทพกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพลางมองดูภาพมายาเบื้องหน้า รอยยิ้มพลันผุดขึ้นบนมุมปาก
‘เขาแค่ผ่านตำหนักระดับสิบสามเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องกังวล! เมิ่งต้าวก็โอหังเกินไปหน่อยและไม่ยอมให้มีใครข้ามผ่านตัวเองไปได้ แม้นี่จะเป็นแค่ความสำเร็จของคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะก็เถอะ ปกติแล้วนิสัยแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่มันกลับส่งผลต่อระดับบ่มเพาะจนกลายเป็นเรื่องดีไปเสียอีก’
‘ช่างมันเถอะ ก็แค่ปลอ่ยให้เมิ่งต้าวสอนบทเรียนหวังหลินสักหน่อย แม้เขาจะผ่านตำหนักระดับสิบสามได้ แต่เขาก็ต้องก้มหัวถ้ามาที่เมืองหลวงของข้า!’
ทางด้านแผ่นดินทิศตะวันออก สำนักตะวันม่วง ชายวัยกลางคนมองกระจกเบื้องหน้าและขมวดคิ้ว
‘เมิ่งต้าว…เขาก็เกินไปหน่อย พูดแบบนี้ต่อหน้าผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้งหมดได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขากำลังดูถูก!’
หวังหลินที่ลงมาถึงตำหนักระดับเก้าพลันหยุดชะงัก มองดูชายหนุ่มชุดดำที่จ้องมาอย่างเย็นชา
“ท่านเป็นใคร?” หวังหลินเอ่ยถาม เขาเห็นท่าทีไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายได้
“เมิ่งต้าว!” ชายหนุ่มชุดดำมีท่าทีเย็นชาและโอหัง
“ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงหยุด!”
หวังหลินขมวดคิ้ว หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงพอเดาได้ว่าทำไมเมิ่งต้าวถึงมีท่าทีเช่นนี้ ดูเหมือนตอนที่เขาผ่านระดับสิบสามไปได้ข้ามผ่านความสำเร็จในอดีตของเมิ่งต้าว
‘หายากนักที่จะมีคนนิสัยแบบนี้หลังจากบรรลุผ่านผู้สูงส่งชั้นเทวะมา คนผู้นี้…’ หวังหลินมองเมิ่งต้าว ดวงตาเปล่งประกายจนแทบตรวจจับไม่ได้
‘เข้าสู่เต๋าด้วยความโอหังและใช้จิตใจแห่งความโอหังนี้เพื่อบ่มเพาะฝึกฝน ไม่ยอมให้คนอื่นก้าวล้ำเกินกว่าเขา…ความโอหังนี้เต็มไปทั่วจิตใจและวิญญาณ มิน่าเล่าเขาจึงกลายเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขาดูเหมือนไม่สนสิ่งใดแต่จิตใจเพ่งสมาธิแค่เต๋าเพียงอย่างเดียว!’ หวังหลินยิ้มและเมินเฉยชายหนุ่มชุดำ เขาทะยานเข้าหาตำแหน่งที่ต้าวยี่และหวู่เฟิงอยู่
“หวังหลินขอคารวะท่านมหาชั้นฟ้าทั้งสอง หลังจากเสร็จเรื่องบททดสอบชั้นฟ้า ข้ายังมีเรื่องเร่งด่วนต้องทำและต้องขอตัวลาก่อน” หวังหลินไม่สนเมิ่งต้าวและโค้งคำนับแก่ต้าวยี่และหวู่เฟิง
“การสามารถผ่านตำหนักระดับสิบสามไปได้นั่นหมายความว่าเจ้าถือเป็นสุดยอดของเผ่าเทพ ข้าจะไปหาเจ้า!” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้แก่หวังหลิน
“ฮ่าฮ่า สหายน้อยหวังหลิน ในเมื่อเจ้าจำข้อตกลงครั้งก่อนของเราได้ เช่นนั้นข้าจะไปหาเจ้าด้วย ส่วนเรื่องเงื่อนไขอื่น เราค่อยคุยรายละเอียดกันหลังจากนั้น” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เผยแววตาชื่นชม
หวังหลินคำนับฝ่ามือให้ต้าวยี่และหวู่เฟิงอีกครั้ง เขาเมินเฉยผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวต่อไปพลางทะยานเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเพื่อจะกลับ
เขารู้สึกว่าได้ทำให้ทุกคนที่นี่ตกตะลึงพอแล้วและบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ ในตำหนักระดับสิบสาม หากเขาไม่ได้ใช้พลังบางส่วนจากร่างอวตารในมิติว่าง เขาคงไม่สามารถผ่านได้เพียงแค่มีเกราะวิญญาณอย่างเดียว
ในตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะหยุดเอาไว้ ตำหนักระดับสิบสามมากพอที่จะทำให้เหล่ามหาชั้นฟ้าเกิดความสนใจอย่างมหาศาล
พอเซียนทุกคนเห็นหวังหลินกำลังจะไป ในใจแต่ละคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ดูเหมือนหวังหลินไม่กล้าไปล่วงเกินผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว”
“นี่แปลว่าเขารู้ขีดจำกัดของตัวเอง เพราะเขาแค่ผ่านระดับสิบสามเท่านั้น ส่วนเมิ่งต้าวเป็นอับดับหนึ่งในผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ผ่านระดับสิบห้าได้!”
“แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวก็ก้าวร้าวเกินไปหน่อย คำพูดก่อนหน้านี้ของเขาไม่เป็นมิตรเลย ราวกับเขากำลังตั้งคำถามกับหวังหลิน”
“เจ้าหมายความว่าอะไรที่ ‘ก้าวร้าวเกินไป?’ เซียนแบบเราเคารพในความแข็งแกร่ง เมิ่งต้าวเป็นอันดับหนึ่งใต้เหล่ามหาชั้นฟ้าและควรมีท่าทีแบบนี้ ตรงกันข้ามการที่หวังหลินเมินเฉยเขานี่เรียกว่าโอหัง”
การสนทนารอบด้านไม่ได้ใช้สัมผัสวิญญาณอีกแล้วแต่ใช้เสียง ราวกับมีเป้าหมายให้เสียงสนทนาดังมากขึ้น แม้แต่หวังหลินที่มาถึงข้างค่ายกลเคลื่อนย้ายยังได้ยินอยู่บ้าง
หวังหลินขมวดคิ้วและมองเซียนด้านหลัง ภายใต้สายตาของเขาทำให้การพูดคุยกันหยุดชะงัก หวังหลินหันกลับและกำลังจะจากไป
แต่วินาทีนั้นมีคนผู้หนึ่งไม่ต้องการให้เขาจากไปแบบนี้!
“เจ้าจะจากไปแบบนี้ใช่หรือไม่? ข้าถามเจ้าแล้วสองครั้ง!” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากชายหนุ่มชุดดำ ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว
หวังหลินหยุดกึก ขบคิดเล็กน้อยจึงหันกลับมามองเมิ่งต้าว
“ใช่แล้ว ข้าไม่ทดสอบแล้ว ท่านต้องการอะไร?”
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ต้องการให้เจ้าลองระดับสิบสี่ เมื่อเจ้าล้มเหลว เจ้าจึงจะจากไปได้” เมิ่งต้าวพูดขึ้น ใบหน้าโอหังยิ่งดูรุนแรง
หลังจากหวังหลินได้ยินเช่นนี้จึงหัวเราะออกมาและไม่ให้ความสนใจเมิ่งต้าวอีก เขาก้าวเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและทำให้มันส่องสว่าง ทว่าในจังหวะนั้นเมิ่งต้าวมีแววตาจิตสังหารขึ้นมา
“โอหัง!” พอเขาพูดขึ้นจึงยกแขนขึ้นมาชี้ใส่ค่ายกลเคลื่อนย้าย เท่านี้ทั้งบททดสอบชั้นฟ้าจึงคล้ายกับสั่นเทา ดัชนียักษ์ปรากฏขึ้นมาทะยานเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย
ไม่อนุญาตให้เกิดการต่อสู้กันในบททดสอบชั้นฟ้าถือเป็นกฎที่คงอยู่มานานแล้ว ทว่าตอนนี้เมิ่งต้าวกำลังโจมตีโดยไม่สนใจกฎ!
กฎนี้บรรพชนเทพไม่ได้ตั้งขึ้นมาแต่มาจากคนรุ่นหลัง ดังนั้นการโจมตีคนที่นี่จึงไม่ได้ล่วงเกินบททดสอบชั้นฟ้าแต่ก็แทบไม่มีใครกล้าขัด!
วินาทีที่ดัชนียักษ์ปรากฏ จึงก่อกวนพลังงานที่นี่ เหล่าเซียนทั้งหมดอ้าปากค้างและต่างถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“เขากล้าลงมือที่นี่!”
“สมควรที่เป็นอันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้าจริงๆ ถึงกับกล้าละเมิดกฎแห่งนี้!”
“กฎเหล่านี้เหล่ามหาชั้นฟ้าได้ตั้งเอาไว้ ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวกล้ามาก!”
ดัชนียักษ์ทะยานเข้าหาหวังหลิน หากหวังหลินไม่เคลื่อนไหว สัมผัสวิญญาณของเขาจะเกิดความเสียหายระหว่างการเคลื่อนย้ายและอาจแตกสลายได้
แต่หากหวังหลินหลบการโจมตี เขาคงออกไปจากพื้นที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและคงไม่สามารถจากไปได้
นั่นเหมือนกับการสังหารหวังหลินและทำให้ชื่อเสียงของการผ่านระดับสิบสามได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
นี่คงแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเมิ่งต้าวแข็งแกร่งแค่ไหน อีกทั้งเขายังได้ชื่อเสียงกลับคืนมาเสียด้วย! เมิ่งต้าวยังรู้ว่าการต่อสู้ระหว่างผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้วยกันเองนั้นหาได้ยาก ตราบใดที่ไม่อยู่ห่างกันเกินไป เหล่ามหาชั้นฟ้าคงไม่เข้ามาแทรกแซง
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และหวู่เฟิงขมวดคิ้ว ต้าวยี่ลังเลและไม่พูดอะไร แต่หวู่เฟิงพ่นลมหายใจเย็น
“เมิ่งต้าว เจ้ากล้ามาก! ถึงกับโจมตีที่นี่เลยหรือ?” เขาพูดพลางสะบัดแขนขวา
วินาทีนั้นมีเสียงหัวเราะดังออกมาจากเซียนด้านล่าง แสงสีทองห่อหุ้มผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนหนึ่งด้านล่างและมีภาพปรากฏขึ้นรอบตัวเขา เป็นภาพเงาที่สวมชุดคลุมสีทองและมีมงกุฎ นั่นคือจักรพรรดิเทพ!
จักรพรรดิเทพปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยการใช้วิชาพิเศษของตัวเอง! เขาสะบัดแขนเข้าใส่หวู่เฟิงและกลบพลังโจมตีได้
หวังหลินที่อยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้ายกำลังมองขึ้นไปและมีแววตาจิตสังหารผุดขึ้นมา! เดิมทีเขาไม่อยากทำให้เกิดปัญหามากนัก แต่การกระทำของเมิ่งต้าวได้ทำให้จิตใจหวังหลินปรากฏจิตสังหาร!
เขาไม่ยอมให้ความสำเร็จที่ทำมาต้องถูกคนผู้นี้ทำลายไปสิ้น
พอดัชนีเข้ามาถึง หวังหลินก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย ดัชนีหยุดอยู่เบื้องหน้าหวังหลินและหายไป ราวกับอีกฝ่ายไม่มีเจตนาจะโจมตีจริงๆ และเป็นเพียงแค่การแกล้งหวังหลินเท่านั้น
…………………………………………