Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1962 มันเป็นใคร?
ตอนนี้หวังหลินกำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาไม่ต้องการทำแบบนี้และต้องการหยุดอยู่ที่ระดับสิบสาม แต่การปรากฏตัวของจักรพรรดิเทพและสิ่งที่เขาพูดได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในใจหวังหลิน
ความปั่นป่วนที่ว่าเป็นข้อพิสูจน์สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือการเดินทางสู่เมืองหลวงคงจะอันตรายยิ่ง!
เหตุผลที่จักรพรรดิเทพเข้ามาทำลายชื่อเสียงของหวังหลินเป็นเพราะไม่ให้มหาชั้นฟ้าคนใดเข้ามาเชิญชวนเขา
วิธีการนี้ตรงที่สุดแต่ก็ได้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม!
ความรุ่งโรจน์ดิ่งลงเหวจากจุดสูงสุด เปลี่ยนจากการได้รับความเคารพไปเป็นโดนดูถูก เรื่องความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่มีอะไรส่งผลต่อหวังหลินเพราะเขาไม่เคยต้องสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้กลับไม่เพียงแค่ทำลายเป้าหมายการมีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว ยังทำให้หวังหลินเป็นที่โจษจันไปทั่วเผ่าเทพ
เขาไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น! แม้จะเป็นจักรพรรดิเทพ เขาก็จะสู้!
“ตำหนักระดับสิบห้า ดี ในเมื่อทั้งหมดคิดว่าขีดจำกัดข้าคือระดับสิบสาม เช่นนั้นวันนี้ข้าจะแสดงให้เห็นอย่างโอหัง จักรพรรดิเทพที่ทำตัวน่ารังเกียจ ข้าจะให้ได้เห็นถึงความไร้ยางอายในสายโลหิตเจ้า!”
“ข้าไม่สงสัยเลยว่าคนที่ถูกผนึกอยู่ใต้บ่อน้ำตงหลินยังคงมีความแค้นที่ไม่หายไปหลังจากตายไปแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าเขาเรียกเหลียนหยุนจื่อว่าคนน่ารังเกียจ!” หวังหลินมีสายตาเยือกเย็น เขาพุ่งผ่านระดับสิบสามไปอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าสู่ระดับสิบสี่
พอหวังหลินกำลังจะเข้าไปทดสอบ เขาหยุดลงและมองลงมา
“จักรพรรดิเทพ ลืมตาและมองข้าให้ดีดี!”
“โอหัง!” ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวร้องคำรามพลางยืนเบื้องหน้าจักรพรรดิเทพ แต่จักรพรรดิเทพยังคงมีท่าทีเช่นเดิมและยิ้มกว้าง
“ข้ากำลังรอให้เจ้าผ่านระดับสิบห้า!” ทว่ารูม่านตาเขาหรี่แคบลงโดยมิอาจจับสังเกตได้
หวังหลินเยาะเย้ย ในเมื่อทั้งหมดใช้ข้ออ้างฉีกหน้าเขา หวังหลินก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งเดินทางไปเมืองหลวงได้ปลอดภัยมากขึ้นหลังจากการแสดงนี้จบลง
หวังหลินก้าวเข้าสู่ระดับสิบสี่!
‘เกราะวิญญาณเหลือเวลาไม่มากแล้ว ในเมื่อข้าอยากให้ทุกคนตกตะลึง ข้าต้องใช้ร่างอวตารที่สร้างจากกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา!! ร่างอวตาร จงใช้วิญญาณนำทางและทำการผสาน!!’ ร่างหวังหลินหายเข้าไปในตำหนักระดับสิบสี่
พอหวังหลินเข้าไป เหล่าเซียนด้านล่างทั้งหมดต่างก็เงียบกริบ ความคิดจิตใจเปลี่ยนไปฉับพลันยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าหวังหลินใช้เกราะวิญญาณผ่านระดับสิบสามได้เสียอีก
“ท่ามกลางผู้สูงส่งชั้นเทวะในปัจจุบัน มีเพียงฉายเว่ยและเมิ่งต้าวที่ผ่านตำหนักระดับสิบสี่ได้…หวังหลินผู้นี้ก็แค่คนลวงโลก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะผ่าน!”
“ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอับอายจนโกรธขึ้นมา เขากำลังจะเดิมพันทั้งหมดเพื่อลองดู”
“น่าสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ล้วนแต่สลับไปสลับมา ข้าสงสัยจริงว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นแบบไหน”
“ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้หรอก เขาผ่านไม่ได้แน่นอน! เกราะวิญญาณของเขาหมดเวลาแล้ว เขาจะผ่านไปได้อย่างไรกัน?”
เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามองท้องฟ้าและรู้สึกดูถูกหวังหลิน ส่วนเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะหลายสิบคนต่างก็มีความคิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ตัดสินใจไปแล้วว่าหวังหลินจะล้มเหลวและคิดว่าหวังหลินทำแบบนี้เหมือนสัตว์ติดกับดักที่กำลังบ้าคลั่ง
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มองขึ้นไปและขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะผ่านระดับสิบสี่ไปได้
‘การถูกจักรพรรดิเทพต้อนจนมุมเพียงแค่พูดไม่กี่คำแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่หนักแน่นพอ เด็กคนนี้ไม่คู่ควรที่จะชักชวน’
ด้านผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวนั้นเยาะเย้ยต่อไปราวกับเขามีท่าทีเดิมตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตามสายตาเขามองท้องฟ้าแฝงความหวาดกลัวเล็กๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จักรพรรดิเทพกำลังขบคิดอยู่ด้านข้าง เขาสงบนิ่งแต่ในใจลังเลเล็กน้อย
‘จากความเข้าใจของข้า เขาแทบไม่ทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจ…แต่การผ่านตำหนักระดับสิบสี่ไปได้โดยไม่มีเกราะวิญญาณเป็นเรื่องยากมาก ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาคงไม่เลือกจะจากไป’
‘เขาแค่กำลังขุดหลุมฝังตัวเอง!’
อย่างไรก็ตามขณะที่จักรพรรดิเทพกำลังครุ่นคิด เพียงเวลาแค่เก้าลมหายใจ แสงสีทองระเบิดออกมาจากท้องฟ้าอย่างเจิดจรัส!!
แสงสีทองโผล่ออกมาจากระดับสิบสี่ มันทะลุก้อนเมฆและปกคลุมทั่วบริเวณ
แสงสีทองส่องสว่างแพรวพราว มากมายจนทะลุสายตาและจิตใจของเซียนทุกคนด้านล่าง!
“เก้าลมหายใจ!! เป็นไปไม่ได้ เขาใช้เวลานานมากในระดับสิบสาม ยิ่งระดับสิบสี่ยิ่งยากขึ้นไปอีกแล้วจะผ่านได้แค่เวลาเก้าลมหายใจได้อย่างไร!?”
“เขา…เขา…เขาผ่านมันจริงๆ! ไม่ใช่ว่าเกราะวิญญาณใช้การไม่ได้แล้วหรือ?! ไม่ใช่ว่าเขามีระดับพลังแค่ตำหนักระดับห้าโดยไม่ได้ใช้เกราะวิญญาณนี่นา!?”
“หรือจะมีเกราะวิญญาณอีกชิ้น?”
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ตกตะลึงและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อจ้องมองแสงจากตำหนักระดับสิบสี่ที่กำลังเข้ามาใกล้!
‘เขาผ่านระดับสิบสี่จริงๆ!’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวจ้องมองท้องฟ้าด้วยแววตาจิตสังหาร
‘ไม่ใช่ปัญหา มันแค่ระดับสิบสี่เท่านั้น’ จักรพรรดิเทพมองท้องฟ้าและหรี่ตาแคบอีกครั้ง จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง
หวังหลินปรากฏร่างอยู่ด้านนอกระดับสิบสี่ เขาไม่พักผ่อนและทะยานตรงเข้าสู่ตำหนักระดับสิบห้า!
พอเขาเข้าสู่ตำหนักระดับสิบห้า ท่ามกลางเหล่าผู้คนด้านล่างจึงเกิดคลื่นความปั่นป่วนรุนแรง
“เขาเข้าทดสอบระดับสิบห้าหลังจากผ่านระดับสิบสี่เพียงใช้เวลาเก้าลมหายใจ นี่เราเข้าใจเขาผิดไปใช่หรือไม่?”
“แม้จะมีเกราะวิญญาณ การจะผ่านระดับสิบห้าได้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!”
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่จ้องมองท้องฟ้า เขาล้มเลิกชักชวนหวังหลินไปแล้วแต่ตอนนี้เจตนานั้นกลับมาอีกครั้ง
หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ…หลังจากหวังหลินเข้าสู่ตำหนักระดับสิบห้าไปเก้าลมหายใจ แสงสีทองจึงส่องสว่างแพวพราวระเบิดออกมาจากตำหนักระดับสิบห้า!
แสงสีทองทะลุผ่านก้อนเมฆและแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้เหมือนการตบหน้าจักรพรรดิเทพเข้าอย่างจัง ทำให้จักรพรรดิเทพต้องลืมตาและเผยอาการตกตะลึงที่หาได้ยาก
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่สูดหายใจลึก แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากดวงตา
‘เด็กคนนี้ เราเข้าใจเขาผิดกันทั้งหมด เขาน่ากลัวยิ่งกว่าเมิ่งต้าวเสียอีก แม้แต่เกราะวิญญาณก็เป็นแค่พลังอีกแห่งหนึ่งสำหรับเขาเท่านั้น! ถ้าเป็นคนอื่นที่มีเกราะวิญญาณเหมือนกัน ใครจะกล้าพูดว่าสามารถผ่านระดับสิบห้าได้?’
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงดูสงบนิ่งแต่ผุดรอยยิ้มขึ้นบนมุมปากและไม่ซ่อนแววตาชื่นชมเลยแม้แต่น้อย เขาเข้าไปต่อต้านจักรพรรดิเทพโดยไม่ลังเลก็เพราะอยากจะเดิมพัน หวังหลินคงจดจำสิ่งที่เขาได้ทำเอาไว้ และถึงแม้หวังหลินไม่เลือกที่จะติดตามเขา วันหนึ่งเมื่อหวังหลินได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน!
‘ระดับสิบห้า…เขาผ่านตำหนักระดับสิบห้า…’ ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวผุดแววตาจิตสังหารขึ้นมา ความหยิ่งยโสของเขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาได้พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าทันที
ทุกคนมองเห็นด้วยสองตาและเหล่าเซียนทั้งหลายต่างก็ร่ำร้อง!
“อีกแล้ว ผ่านหนึ่งตำหนักด้วยเวลาเก้าลมหายใจ หวังหลินไม่ใช่คนอย่างที่พวกเราคิดไว้ก่อนหน้านี้!”
“เขามีระดับบ่มเพาะทรงพลังและไม่ใช่คนที่เราจะเข้าใจได้ เห็นได้ชัดว่าเขาซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้และไม่อยากแสดงมากเกินไป หากไม่ถูกจักรพรรดิเทพบังคับ เขาคงไม่ลองอีกครั้งหรอก!”
“ใช่แล้ว ต้องมีความลับที่พูดไม่ได้ระหว่างเขากับจักรพรรดิเทพ เป็นเหตุผลว่าทำไมจักรพรรดิเทพถึงโจมตีเขาเช่นนั้น!”
เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะต่างก็มีความคิดคล้ายกัน ตอนนี้พวกเขาไม่รู้สึกดูถูกหวังหลินอีกต่อไปแล้ว มีแค่ความรู้สึกซับซ้อนพร้อมกับความชื่นชม!
ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร การผ่านตำหนักระดับสิบห้าได้นั่นหมายถึงความแข็งแกร่ง!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อมองดูเหตุการณ์ท่ามกลางฝูงชนและยิ้มออกมา แม้นางจะรู้ว่าช่องว่างระหว่างหวังหลินจะกว้างมากขึ้น ถึงตอนนี้นางจะทำได้เพียงแค่มองเขา นางก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวทะยานขึ้นไปจนทำให้เหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นเพิ่มสูงขึ้น เขาทะยานตรงเข้าไปในท้องฟ้า จังหวะที่หวังหลินมาถึงเบื้องหน้าตำหนักระดับสิบหก ทั้งสองคนได้ก้าวเข้าสู่ระดับสิบหกในเวลาเดียวกัน!!
บททดสอบชั้นฟ้าไม่ได้จำกัดให้คนเข้าได้เพียงคนเดียว ทั้งสองสามารถเข้าไปในเวลาเดียวกันได้และจะไม่เจอกัน พวกเขาจะเข้าทดสอบด้วยตัวเอง!
ตำหนักระดับสิบหกไม่ส่องสว่างมานานหลายปี มันไม่เหมือนระดับสิบห้าซึ่งส่องว่างมาก่อนหน้านี้
‘ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวและหวังหลินทดสอบระดับสิบหกในเวลาเดียวกัน ใครจะผ่านไปได้?’ มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มองท้องฟ้าและเกิดความคาดหวังขึ้นในใจ
นอกจากนี้หากเทียบทั้งสองคน คนหนึ่งมีชื่อเสียงมานานหลายปีและอีกคนเพิ่งจะมีชื่อเสียงทะลุฟ้า ทั้งสองกำลังทดสอบตำหนักระดับสิบหกซึ่งเป็นหมุดหมายยิ่งใหญ่ของเผ่าเทพ!
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงมีท่าทีเคร่งเครียดไปด้วย บททดสอบชั้นฟ้าแต่ละชั้นจะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวได้ลองระดับสิบหกมาแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้และล้มเหลวทั้งสองครั้ง
จักรพรรดิเทพเฝ้าดูอยู่ไกลๆและกำลังรู้สึกมืดมนยิ่ง คำพูดที่เขาเพิ่งจะพูดออกไปได้ถูกหวังหลินพัดปลิวหายไปและคล้ายกับโดนตีแสกหน้า ยามนี้เขาจ้องมองบนท้องฟ้าด้วยแววตาเย็นเยียบ
พริบตาเดียวขณะที่ลมหายใจที่เก้าได้ผ่านพ้น ตำหนักระดับสิบหกที่ไม่ได้ส่องสว่างมานานหลายปีจึงปลดปล่อยแสงสีทองแพรวพราว!!
“แสงสีทอง นี่มันตำหนักระดับสิบหก!! มีคนผ่านตำหนักระดับสิบหก!!”
“มันเป็นใคร? ในสองคนนั้นใครเป็นคนผ่าน?”
“เก้าลมหายใจ นั่นต้องเป็นหวังหลิน!”
“ไม่จำเป็น ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวมีชื่อเสียงมานานหลายปี หากเขาไม่มั่นใจแล้วจะลองไปทำไม? ในความคิดข้า ครั้งนี้ต้องเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว!”
ต้าวยี่ หวู่เฟิงและจักรพรรดิเทพต่างก็มองเข้าไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาเองอยากรู้ว่ามันเป็นใคร!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้ามองออกไปอย่างเคร่งเครียด แต่ไม่นานกลับเผยท่าทีปิติยินดี!
หวังหลินก้าวเดินออกมาด้านนอกตำหนักระดับสิบหก ใบหน้าซีดเล็กน้อยแต่ไม่ได้เข้าระดับสิบหกในทันที เขายืนอยู่ตรงนั้นมองกลับมาราวกับกำลังรอเมิ่งต้าว!
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ต้าวยี่ต้องเบิกตากว้าง หวู่เฟิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ส่วนจักรพรรดิเทพนั้นมีหน้าเปลี่ยนไป พยายามซ่อนสีหน้าไม่เชื่อเอาไว้
แม้แต่มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้บนภูเขาจักรพรรดิยังอ้าปากค้าง
……………………………………