Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1963 ส่งกลับไป!
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าด้านล่างล้วนแต่เงียบสนิท การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในวันนี้ทำให้พวกเขาไม่ร่ำร้องอีกแล้วและจ้องมองตำหนักระดับสิบหกที่พร่าเลือนรวมถึงร่างสีขาวข้างๆ กันแทน
การกระทำของหวังหลินได้เปลี่ยนสถานการณ์เสียเปรียบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง คำถามและข้อสงสัยทุกอย่างถูกกวาดล้างออกไปด้วยความแข็งแกร่งอันเป็นที่ประจักษ์จนไม่มีอะไรเหลือไว้เบื้องหลัง
ในเมื่อจักรพรรดิเทพบอกว่าเกราะวิญญาณและพลังภายนอกไม่สมบูรณ์แบบ เช่นนั้นหวังหลินกำลังจะบอกทุกคนว่าตำหนักระดับสิบสามไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา!
หวังหลินไม่เอ่ยปากออกมาอธิบายเหล่าคำถามสักครั้งเดียว เขาใช้การผ่านระดับสิบสี่ ระดับสิบห้าและตอนนี้ระดับสิบหกที่ไม่มีใครผ่านมานานหลายปีแทน!!
นี่มันทรงพลังและน่าตกตะลึงยิ่งกว่าคำอธิบายใด!
ทั่วทั้งบททดสอบชั้นฟ้ากลายเป็นความเงียบสนิท หวังหลินเผชิญหน้ากับสายนับไม่ถ้วนด้านล่างด้วยความเงียบและไร้อารมณ์ความรู้สึก เขาหลับตายืนอยู่ข้างในแสงสีทอง ราวกับกำลังบ่มเพาะและรอให้ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวปรากฏตัว
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เขามีกลิ่นอายแห่งยอดเซียน เหล่าเซียนทั้งหมดที่เห็นเขายังรู้สึกเคารพอยู่ในใจ
เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ…พริบตาเดียวได้ผ่านไปมากกว่าหนึ่งก้านธูปไหม้ หวังหลินเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่นอกตำหนักระดับสิบหกและไม่มีสัญญาณของผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวเลย
หลังจากเวลาผ่านไปอีกครึ่งก้านธูปไหม้ ตำหนักระดับสิบหกที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองกำลังปล่อยแสงสีทองมากขึ้น ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวผสานกับแสงสีทองนี้ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะแฝงอารมณ์ตื่นเต้น เขารอวันนี้มานานหลายปีและในที่สุดก็ผ่านตำหนักระดับสิบหกได้! เขาเผยร่างชุดสีดำอยู่ต่อหน้าหวังหลิน
“ตำหนักระดับสิบหก วันนี้ข้าเมิ่งต้าวได้ผ่านระดับสิบหกแล้ว!! ผู้สูงส่งชั้นเทวะคนใดในเผ่าเทพจะกล้าเอาชนะข้าได้!? ข้าต้องขอบคุณเจ้าที่แกล้งหลอกได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ใช่…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ พลันหยุดกึกเพราะทุกอย่างเงียบเกินไป ไม่มีเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจหรือร้องไห้หลังจากเขาผ่านระดับสิบหกไปได้ แต่กลายเป็นสายตาซับซ้อนอธิบายไม่ถูกจากเหล่าเซียนด้านล่างแทน
หวังหลินเอ่ยขึ้นมา “เจ้าช้าเกินไป”
“เจ้า…เจ้าผ่านระดับสิบหก?” เมิ่งต้าวใบหน้าซีดเผือดทันที เขาจ้องมองหวังหลินด้วยแววตาจิตสังหารเต็มเปี่ยม เขาไม่ยอมให้มีใครแข็งแกร่งกว่า เขาไม่สามารถต่อสู้กับมหาชั้นฟ้าได้แต่เขาต้องเป็นอันดับหนึ่งในเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะ!
แต่ตอนนี้เสียงแสดงความยินดีและชื่อเสียงที่เขาควรได้รับจากตำหนักระดับสิบหกกลับถูกหวังหลินแย่งไป มองหวังหลินแล้วเขาต้องใช้เวลาน้อยกว่าตัวเองแน่
เรื่องนี้ทำให้เมิ่งต้าวถึงกับละอายจนโกรธขึ้นมา จิตใจจองหองของเขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
“เจ้าอยากลองอีกครั้งหรือไม่?” หวังหลินมองผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวด้วยความสงบนิ่งซึ่งอีกฝ่ายกำลังมีท่าทีเปลี่ยนไป ยิ่งเขาทำเหมือนไม่สนใจ ยิ่งทำให้เมิ่งต้าวรับไม่ได้มากขึ้น เขาจ้องมองหวังหลินราวกับแววตากำลังลุกเป็นไฟ
‘ด้วยนิสัยแบบนี้ เขาบรรลุระดับบ่มเพาะถึงระดับนี้ได้อย่างไร? บางทีคงต้องโอหังให้มาก ยิ่งเขาแพ้ยิ่งต้องกระตุ้นตัวเอง ทำให้เขารู้แจ้งถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปขณะที่ทนทุกข์กับการโดนข่ม’
‘เหมือนคันธนู ยิ่งง้างมากเท่าไร พอปล่อยออกไปยิ่งมีพลังรุนแรงมากเท่านั้น แต่…ไม่ว่าคันธนูจะแข็งแกร่งแค่ไหน ข้าจะทำให้มันย่อยยับ!’ หวังหลินมองเมิ่งต้าว เขาไม่ลืมความอับอายที่เมิ่งต้าวนำมา เมิ่งต้าวเป็นคนโหดเหี้ยมมากและหวังหลินไม่ยอมปล่อยไปแน่
ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งต้าวเป็นคนที่จักรพรรดิเทพให้คุณค่ามากที่สุด การทำลายเขาคงเป็นการตอกย้ำคำพูดของจักรพรรดิเทพได้อย่างลึกซึ้งที่สุด!
การทำลายผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว หวังหลินจะต้องทำลายความมั่นใจของอีกฝ่าย เขาจะต้องทำให้เมิ่งต้าวทดสอบระดับสิบเจ็ดกับเขา จากนั้นก็เหยียบย่ำอีกครั้ง ทำให้เมิ่งต้าวแตกสลายและตกอยู่ใต้แรงกดดันของหวังหลินไปตลอดกาล
เหมือนกับคันธนู ยิ่งง้างมากเท่าไร ยิ่งมีพลังทำลายล้างมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อมันเกินขีดจำกัดแล้วก็จะไม่มีพลังทำลายเหลืออยู่เพราะมันจะแตกหัก! หวังหลินมุ่งมั่นและโหดเหี้ยม เขากำลังจะใช้โอกาสนี้ทำลายจิตใจของเมิ่งต้าว!
‘ในเมื่อข้ออ้างทุกอย่างขาดสะบั้นไปแล้ว ก็ให้มันแหวกออกไปมากกว่านี้!’ หวังหลินเยาะเย้ยในใจพลางมองผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวด้วยสายตาดูถูก
สายตาดูถูกนี้ทำให้เมิ่งต้าวต้องกำหมัดแน่น
จักรพรรดิเทพด้านล่างไม่ดูมืดมนอีกแล้ว เขาเอ่ยอย่างใจเย็น “เมิ่งต้าว กลับวังไปกับข้า!” หลังจากนั้นเขาก็มองหวังหลินด้วยสายตาชื่นชม
“ดี เผ่าเทพของข้ามีเซียนแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หวังหลิน จักรพรรดิผู้นี้เข้าใจเจ้าผิดไป เมื่อข้ากลับสู่วังแล้ว ข้าจะส่งราชโองการและประกาศเรื่องนี้ให้แก่ประชาชนได้รับทราบ!”
“เจ้าและข้ายังมีข้อตกลงกันอยู่ ข้าจักรพรรดิได้เชิญชวนเจ้ามาที่เมืองหลวงและผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เจ้าได้กลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ มันคงเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะได้รับการแต่งตั้งจากราชวงศ์ จงมาที่เมืองหลวงเพื่อการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่และข้าจะต้อนรับเจ้าเป็นการส่วนตัว!” จักรพรรดิเทพยิ้มออกมาราวกับไม่มีความโกรธเกรี้ยวจากก่อนหน้านี้เหลืออยู่ รอยยิ้มเขาเหมือนสายลมอบอุ่นที่ส่งผลต่อเซียนรอบด้าน ทุกคนล้วนโค้งตัวและคำนับฝ่ามือให้
หวังหลินสงบนิ่งและพูดขึ้นมา “ข้ารบกวนจักรพรรดิเทพไปแล้ว”
“ไม่มีปัญหา เมิ่งเต้าว เจ้ายังไม่กลับใช่หรือไม่?” จักรพรรดิเทพยิ้มและมองเมิ่งต้าวที่กำลังสงวนท่าทีอยู่ในท้องฟ้าและร้องคำรามใส่ เสียงคำรามดังกึกก้องในใจเมิ่งต้าวราวกับสายฟ้าและทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จากนั้นความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดของเมิ่งต้าวก็หายไปและสงบนิ่งอีกครั้ง เขายืนมองหวังหลินอยู่ตรงนั้นและไม่มีร่องรอยความโกรธเหลืออยู่เลย
เขามองหวังหลินอย่างลึกซึ้งและจากนั้นทะยานลงไป
หวังหลินขมวดคิ้ว ผู้สูงส่งเมิ่งต้าวคนนี้กลับสามารถระงับความโกรธเกรี้ยวได้หมดรวมถึงความจองหองของตัวเองด้วย หากปล่อยไปก็เหมือนทำให้เขาทะลวงเต๋าได้ในอนาคต!
หวังหลินไม่สนใจเรื่องเมิ่งต้าวโกรธเกรี้ยว แต่ตอนที่เมิ่งต้าวสงบนิ่งลงไป หวังหลินรู้สึกถึงอันตราย
“เจ้าจะไม่ไปต่อแล้วหรือ?” หวังหลินมีท่าทีเช่นเดิมและเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
พอได้ยินแบบนี้จักรพรรดิเทพขมวดคิ้วเล็กน้อย เมิ่งต้าวทำเหมือนไม่ได้ยินและก้าวเข้าหาจักรพรรดิเทพ
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวเป็บแบบนี้เอง ช่างน่าผิดหวัง! ถึงกับไม่กล้าแม้แต่การทดสอบระดับสิบเจ็ด” หวังหลินรู้สึกประหลาดตอนที่เมิ่งต้าวไม่ยอมหันกลับมา บางทีการที่อีกฝ่ายกลายเป็นอันดับหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ถ้าเป็นแบบนี้จริง หวังหลินก็ต้องทำลายจิตใจเขาเสียแต่ตอนนี้!
“หวังหลิน เจ้ามีเจตนาอะไร?” จักรพรรดิเทพเผยสายตาแห่งแรงกดดันมองมาที่หวังหลิน
เมิ่งต้าวขบคิดชั่วขณะและหลับตาราวกับกำลังสั่นไหว ทว่านี่เพียงแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น ต่อมาเขาก็สงบนิ่งได้ทันทีและก้าวเข้าหาจักรพรรดิเทพอย่างเงียบงัน
“ข้าแค่ต้องการให้เขาลองตำหนักระดับสิบเจ็ด เมื่อเขาล้มเหลว ค่อยจากไปได้” หวังหลินยิ้มและหัวเราะดังกึกก้องเข้าไปในหูของเมิ่งต้าว ทิ่มแทงจิตใจอีกฝ่าย
ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับหวังหลิน!
ลมหายใจของเมิ่งต้าวพลันถี่ขึ้นมาและหยุดลงอีกครั้ง เขาแทบไม่อาจทนความจองหองของตัวเองได้ แต่วินาทีนั้นจักรพรรดิเทพสะบัดแขนเสื้อ สายลมเบาบางห่อหุ้มรอบเมิ่งต้าวและโยนเขาไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ
“กลับไปวังหลวง!”
เมิ่งต้าวระงับตัวเองไม่ให้หันกลับมา ดวงตากำลังแดงฉาน พลังจากจักรรพรดิเทพได้ผลักดันเขาเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและมันเริ่มเปิดใช้งาน
หวังหลินมีแววตาเย็นเยียบ เขาไม่ยอมปล่อยให้เมิ่งต้าวจากไปแบบนี้! วินาทีที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดใช้งาน เขาได้ยกแขนขึ้นมาชี้ใส่ค่ายกลเคลื่อนย้าย!
เพียงเท่านั้นภาพติดตา 99 ร่างปรากฏขึ้นและควบแน่นเป็นดัชนียักษ์ทะยานเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย
จักรพรรดิเทพโกรธเกรี้ยวและกำลังจะโจมตี แต่เวลานี้มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงหัวเราะ เขาก้าวเข้ามาหาอย่างลวกๆ แต่ครั้งนี้ทำให้จักรพรรดิเทพถึงกับหยุดชะงัก
ทั้งคู่คือมหาชั้นฟ้า และตอนนี้แต่ละคนข่มกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ หากเขาโจมตี หวู่เฟิงก็จะลงมือเช่นกัน เพียงแค่การชะลอครั้งนี้ ดัชนีจึงเข้าไปใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว!
เมิ่งต้าวมองขึ้นไปและร้องคำราม เขาอยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายดังนั้นจึงไม่สามารถโจมตีได้ เวลานั้นพลันกัดฟันแน่นและก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย พริบตาต่อมาดัชนียักษ์เบื้องหน้าเขาก็หายไปราวกับกำลังกลั่นแกล้ง!
นี่เป็นเหตุการณ์เดียวกับตอนที่เมิ่งต้าวกับทำหวังหลิน!
“หวังหลิน!!!” เมิ่งต้าวก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายและจ้องหวังหลินกลับ ความโกรธเกรี้ยวและความอับอายกำลังปะทุขึ้นมา
“หวังหลิน เจ้ากล้ามาก เจ้ากล้าแหกกฎที่นี่ วันนี้อย่ากล่าวหาว่าจักรพรรดิไม่สั่งสอน!” เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิเทพไม่คิดว่าหวังหลินจะกล้าโจมตี
“โอ้? ข้าได้ทำร้ายใครหรือไม่? เขาบาดเจ็บหรือไม่? ในเมื่อไม่บาดเจ็บ ข้าจะไปแหกกฎได้อย่างไร?” หวังหลินยิ้มและตอบโต้ด้วยคำพูดเดียวกับที่จักรพรรดิเทพใช้!
จักรพรรดิเทพกำลังจะเอ่ยปาก แต่หวังหลินเร็วกว่า เขามองเมิ่งต้าวที่กำลังระงับความโกรธเกรี้ยวและส่งเสียงดังไปทั่วบททดสอบชั้นฟ้า
“ดูเหมือนเจ้าไม่มีความหยิ่งยโสอันใดอีกแล้วและไม่เชื่อมั่นตัวเอง ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงรีบจากไปและไม่ลองทดสอบระดับสิบเจ็ด ข้ากลัวว่าไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่เชื่อมั่นตัวเอง แต่เจ้ายังเสียศรัทธาไปด้วย เจ้าก็แค่เป็นร่างที่ฟังคำสั่งทุกอย่างของจักรพรรดิเทพ เขาบอกให้เจ้าจากไปและเจ้าก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง”
“ช่างมันเถอะ เซียนแบบเจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าสนใจอีกแล้ว ไปซะ!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและไม่รั้งสายตาดูถูกอีกแล้ว สายตาเขาจ้องมองเข้าไปในจิตใจของเมิ่งต้าว
“ช่างน่าผิดหวัง!” ประโยคสุดท้ายทำให้เมิ่งต้าวไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ร่างกายสั่นเทาพลางพุ่งขึ้นไปและร้องคำรามไปบนท้องฟ้า
“หวังหลิน เราทั้งคู่จะทดสอบระดับสิบเจ็ด!!!”
“ดี!” หวังหลินหัวเราะและก้าวเข้าสู่ระดับสิบเจ็ดในเวลาเดียวกับเมิ่งต้าว!
จักรพรรดิเทพกำลังจะหยุดทั้งสองแต่ก็ถูกหวู่เฟิงหยุดเอาไว้
“เหลียนต้าวเจิน เราไม่จำเป็นต้องไปแทรกแซงการแข่งขันของผู้สูงส่งชั้นเทวะหรอกนะ”
………………………………