Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1966 การชักชวนของมหาชั้นฟ้า
แผ่นดินทิศตะวันออก แคว้นมหาปราชญ์
หวังหลินยืนอยู่บนยอดภูเขาที่ดูธรรมดา เขาเอามือไพล่หลังมองดูท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาว เพียงสายลมพัดผ่านถึงกับทำให้ชายเสื้อผ้าพริ้วสะบัดแต่กลับไม่สามารถทำให้เรือนผมสีขาวขยับได้แม้แต่น้อย
ดวงตาเป็นประกายดวงดาวและเปล่งสัมผัสอันลึกซึ้ง เขายืนมั่นคงดุจต้นสนอันเชียวชอุ่มตลอดทั้งปี
ภูเขาแห่งนี้ไม่สูงและเต็มไปด้วยต้นไม้ สายลมพัดพริ้วทำให้ใบไม้ส่งเสียงบรรเลงไพเราะเสนาะหู
หวังหลินดูสงบนิ่ง เขาไม่รู้สึกภูมิใจเรื่องการผ่านระดับสิบเจ็ดหรือรู้สึกโอหังที่เหล่ามหาชั้นฟ้าอยากจะเข้ามาชักชวนเขา เขาแค่ยืนมองท้องฟ้าด้วยความสงบนิ่งเหมือนในโลกถ้ำ
หลังจากผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน พอตะวันกำลังตกดิน หวังหลินมองเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนไป ก้อนเมฆสีขาวถูกความมืดปกคลุมอีกครั้ง แต่ดวงอาทิตย์กลับปรากฏในท้องฟ้าอันมืดมิด!
ดวงอาทิตย์นี้ปรากฏในอากาศเบาบางและเปล่งแสงพร่าเลือนจนทำให้พื้นดินดูเหมือนกลางวัน คลื่นความร้อนแผ่กระจายออกมาจากดวงอาทิตย์ ราวกับหวังหลินอยู่ใกล้มันมากเกินไป ทันใดนั้นมีร่างผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากดวงอาทิตย์
สวมชุดคลุมเต๋าและมีเรือนผมสีดำ เขาดูเหมือนชายหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินเป็นคนแรก!
พอต้าวยี่ปรากฏตัว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแช่แข็ง สายลมหยุดเคลื่อนไหว ต้นไม้หยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักแม้แต่เสื้อผ้าของหวังหลินยังดูเหมือนถูกหยุดเวลา
ราวกับโลกแห่งนี้ถูกแช่แข็งด้วยพลังที่มองไม่เห็น!
สิ่งเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้อยู่คือมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ที่ก้าวออกมาจากดวงอาทิตย์ เขาลอยอยู่ในอากาศห่างหวังหลินไปร้อยฟุตและมองลงมาหาเขา
ขณะที่เขามองหวังหลิน อากาศรอบตัวหวังหลินถึงกับแตกร้าว เสียงแตกดังขึ้นมาทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มีแววตาเป็นประกาย
รอบหวังหลินมีรอยแตกร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน ราวกับเขาถูกแช่แข็งและน้ำแข็งกำลังแตกสลาย
ครู่ต่อมาเสื้อผ้าหวังหลินก็เริ่มเคลื่อนไหวแม้ไม่มีสายลม หวังหลินเงยหน้าขึ้นมามองมหาชั้นฟ้าต้าวยี่!
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มีแววตากะพริบแสงสีทอง เขาไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะฟื้นคืนจากแรงกดดันแช่แข็งได้รวดเร็วขนาดนี้
ต้องกล่าวว่าเขามาที่นี่ด้วยร่างที่แท้จริง ไม่ใช่สัมผัสวิญญาณหรือร่างอวตาร แต่เป็นร่างดั้งเดิม!
“คู่ควรที่เป็นอันดับหนึ่งในผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ผ่านระดับสิบเจ็ดได้! การสามารถฟื้นคืนภายใต้แรงกดดันของข้าได้นับว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอในการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า!”
“หวังหลิน ครั้งหนึ่งข้าได้สัญญากับเจ้าเมื่อก่อนว่าหากข้าไม่ตาย เจ้าจะไม่ตาย!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยิ้มออกมา ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าเคยล้มเลิกการชักชวนหวังหลินในบททดสอบชั้นฟ้า
หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆ และคำนับฝ่ามือให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ เขามองหวังหลินและเริ่มพูด น้ำเสียงไม่ดังและไม่ก้องกังวาล แต่ละคำแฝงกฎและทำให้โลกสั่นสะท้าน
“นี่คือสมบัติที่ข้าหลอมด้วยตัวเอง!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เอ่ย จากนั้นยกแขนขวาปรากฏวงแหวนขึ้นบนนิ้วชี้ มันลอยขึ้นไปในอากาศและกลายเป็นวงแหวนขนาดสามสิบฟุต
“ข้าใช้วัตถุดิบจากแผ่นดินเทพบรรพกาลเพื่อสร้างวงแหวนนี้และข้าใช้เวลาแสนปีในการหลอม รูปร่างของมันเป็นการเลียนแบบสมบัติของบรรพชนเทพ แม้จะเป็นข้าเองยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำลาย!”
หวังหลินมองดูวงแหวนขนาดสามสิบฟุต ดวงตาเปล่งประกาย วงแหวนนี้อัศจรรย์มาก หวังหลินไม่สามารถมองทะลุได้เลย ราวกับมันเป็นภาพมายาและไม่ได้เป็นของโลกนี้ แรงกดดันของมันทำให้หวังหลินรู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับมหาชั้นฟ้า
พอมหาชั้นฟ้าต้าวยี่สังเกตแสงในตาหวังหลินได้ เขาจึงสะบัดแขนซ้าย ปรากฏเศษไม้ไผ่เขียวขึ้นในมือ สีสันของไม้ไผ่กำลังส่องสว่างและเปล่งกลิ่นหอม
“เศษไม้ไผ่นี้คือสมบัติสวรรค์ เมื่อเจ้าผสานกับร่างกาย แก่นแท้ของเจ้าจะพัฒนาการและมีเต๋าของข้าด้วย! หากเจ้าสามารถทำความเข้าใจมันได้ แม้จะไม่ได้เป็นมหาชั้นฟ้าก็ใกล้เคียง!”
วินาทีที่ไม้ไผ่เขียวปรากฏ แววตาหวังหลินถึงกับเคร่งเครียด เพียงแค่กลิ่นของมันก็ทำให้แก่นแท้ในร่างแข็งแกร่งขึ้นมา ของชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อแก่นแท้มากกว่าสิ่งอื่นใด
หากหวังหลินผสานเข้าไปด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล!
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ให้ความสนใจหวังหลินมากและยิ้มออกมา เรื่องเหล่านี้ทำให้หวังหลินสนใจอย่างมากจนเขาต้องล่อลวงด้วยสมบัติ!
ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติทั้งสองไม่มีค่ากับเขาและหากคิดว่าแลกกับได้หวังหลินมาถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่มีค่ายิ่ง อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าหวังหลินไม่ใช่เซียนธรรมดาและเขาไม่ใช่มหาชั้นฟ้าคนเดียวที่เข้ามาชักชวนหวังหลิน หากเขาไม่นำสมบัติของจริงออกมา เขาคงถูกมหาชั้นฟ้าคนอื่นข่มเอาได้
“นอกจากสมบัติทั้งสองชิ้น ยังมีอีกหนึ่ง!” พอมหาชั้นฟ้าต้าวยี่พูดขึ้นมา แม้แต่เขายังรู้สึกเจ็บหัวใจ พอบอกว่ามันเป็นสมบัติจริงๆ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจมันอย่างสิ้นเชิง
เพียงสะบัดแขนเสื้อปรากฏวังวนยักษ์ขึ้นเบื้องหน้าและมีกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นลอยออกมา กะโหลกห่อหุ้มด้วยแสงหนึ่งชั้น วินาทีนั้นมันมีกลิ่นอายแห่งความตายแผ่กระจายมหาศาล
กลิ่นอายแห่งความตายกวาดออกไปทั่วและทำให้โลกที่ถูกแช่แข็งจากแรงกดดันของต้าวยี่ต้องพังทลาย พอทุกอย่างกลับมาเคลื่อนไหวได้ ก็ถูกกลิ่นอายแห่งความตายเข้ามาปะปน
กะโหลกนี้ดูไม่เหมือนของผู้ใหญ่แต่เป็นเด็กทารก!
“ของชิ้นนี้ไม่ได้มาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล แต่ในอดีตตอนที่ข้าได้ออกไปจากแผ่นดินเซียนดารา ข้าได้พบดินแดนทรุดโทรมแห่งหนึ่ง”
“พอมันถูกข้าเอาไป แผ่นดินก็เลือนหาย…ของชิ้นนี้มีพลังอำนาจที่ข้าไม่อาจเข้าใจ แต่ข้ารู้สึกว่าหากสามารถดูดซับพลังนี้ได้ บางทีข้าสามารถทะลวงขีดจำกัดของมหาชั้นฟ้าจนกลายเป็นแบบเดียวกับบรรพชนเทพ…”
“บางทีข้าแค่มีชะตากับมันแต่ไม่เข้าใจ มันอยู่ในมือข้ามานาน…หากเจ้าติดตามข้า ข้าจะยกให้เจ้า!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เผยสายตามุ่งมั่น เขายอมแลกสิ่งมีค่ามหาศาลเพื่อชักชวนหวังหลิน
หวังหลินมองกะโหลกเด็กทารก เขาไม่สามารถมองทะลุผ่านกะโหลกได้แต่มันมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนวิญญาณเขาได้ลืมไปแล้วแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
หวังหลินพยายามดิ้นรน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปาก
“ขอบคุณมากมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ แต่ขอข้าพิจารณาเรื่องนี้ก่อน!”
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยักคิ้วพลางมองหวังหลินและพยักหน้า
“ก็ดี ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ต้องมีมหาชั้นฟ้าคนอื่นมาชักชวนเจ้าอยู่แล้ว การต้องคิดก่อนเป็นเรื่องธรรมดา”
ขณะที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่พูดขึ้น เสียงคำรามดังออกมาจากนอกพื้นที่และถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เสียงคำรามคล้ายสายฟ้าและกลิ่นอายแห่งความตายเริ่มจะปั่นป่วน
ระลอกคลื่นดังกึกก้องในท้องฟ้า คนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา!
เขาเป็นชายสูงโปร่งและหัวล้าน สวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่และก้าวเดินออกมา แต่ละก้าวทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับไม่มีพลังอะไรในโลกสามารถหยุดได้
เพียงก้าวออกมาเจ็ดก้าว โลกคล้ายกับพังทลาย ทุกอย่างล่าถอย กลิ่นอายแห่งความตายถูกดันกลับมาราวกับมันไม่กล้าขัดขวางเขา ชายหัวล้านเปล่งกลิ่นอายกดขี่ใกล้เข้ามา
หลังจากออกมาเจ็ดก้าว เขายืนอยู่ด้านข้างหวังหลินไม่เหมือนต้าวยี่ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า ชายหัวล้านคนนี้กำลังยืนอยู่บนยอดเขาคล้ายกับหวังหลิน
“ขอคารวะมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง ขอบคุณมากที่ท่านช่วยข้าในบททดสอบชั้นฟ้า ข้าจะจำเอาไว้” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับชายหัวล้าน
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงหัวเราะ น้ำเสียงคล้ายกับสายฟ้าและทำให้ท้องฟ้าสั่นเทา
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าไม่เหมือนจักรพรรดิเทพนั่นอยู่แล้วและแค่พูดสิ่งที่ข้าคิด” เรื่องนี้แตกต่างระหว่างเขากับต้าวยี่ ไม่ว่าต้าวยี่จะพูดอะไร เขามักจะอิงตัวเองกับชื่อเสียง ไม่ว่าที่ไหนหวู่เฟิงดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าต้องเดาได้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร ไม่ต้องพูดเรื่องไขหรอก ข้ามีสุราดีที่ปกติไม่ให้คนอื่นได้ลิ้มลอง เจ้าอยากดื่มหรือไม่?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงสะบัดแขนปรากฏน้ำเต้าสีเขียวขึ้นมาพลางยิ้มให้หวังหลิน
หวังหลินยิ้มและยื่นมือออกไป น้ำเต้าทะยานเข้ามาหาและเขาก็ดื่มไปอึกใหญ่
“ดี ไม่ว่าเจ้าจะได้อยู่ใต้ข้าหรือไม่ เจ้าสามารถมาธารน้ำแข็งทิศเหนือได้ทุกเมื่อ!” หวู่เฟิงมองหวังหลินและยิ้ม ตอนนี้เขาเงยหน้าขึ้นมองต้าวยี่
“ต้าวยี่ หากมีมหาชั้นฟ้ามากกว่าหนึ่งคนที่ต้องการชักชวนผู้สูงส่งชั้นเทวะ ตามข้อตกลง เจ้าต้องมีโอกาสให้เงื่อนไข เจ้าจบแล้วหรือไม่?” ขณะที่พูดขึ้นเขามองสมบัติทั้งสามชิ้น เมินเฉยวงแหวนและไม้ไผ่เขียว สายตาจับจ้องไปที่กะโหลก
“หมดแล้วหรือ? หากเจ้านำออกมาหมดแล้ว ข้าจะเสนอของข้าบ้าง”
ขณะที่หวู่เฟิงพูดขึ้น เขามองต้าวยี่ไปด้วย
พอหวังหลินได้ยินเช่นนี้ จิตใจจึงสั่นรัว หายากนักที่จะมีมหาชั้นฟ้าหลายคนมาเชิญชวนคนเดียวกัน หวู่เฟิงที่ชี้ไปทางต้าวยี่นั่นหมายความว่าเขาก็มีเจตนาของตัวเองด้วย
‘เขากำลังมาช่วยข้าใช่หรือไม่…’ หวังหลินมองมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิง
…………………………………………