Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1967 หวังหลินน้อย!
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่พ่นลมหายใจเย็น ด้วยไหวพริบของเขาจึงมองเห็นความหมายในคำพูดของหวู่เฟิงได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้แบบนี้
‘ข้ามาเร็วไป…ข้าควรจะมาหลังจากนี้สักหน่อย…ข้าจะได้พิจารณาได้ดีกว่าจากที่คนอื่นเผยเงื่อนไขตัวเอง’ เหตุผลที่ต้าวยี่มาเป็นคนแรกเพราะเขาคือคนที่ชักชวนหวังหลินก่อน เขารู้สึกว่าหวังหลินสนใจเรื่องสมบัติอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากมาเร็วๆ และให้หวังหลินตกตะลึง เวลานี้เสื้อผ้าเริ่มสะบัดพริ้วและจากนั้นก็สงบลง เขาอ้าแขนออกมีผลึกสีสันสวยงามลอยอยู่ในฝ่ามือ
แต่เขาไม่คิดว่าหวู่เฟิงจะพูดแบบนั้น
“ข้ายังไม่จบเลย ข้ายังไม่ได้นำของชิ้นสุดท้ายออกมา!” ต้าวยี่เผยสายตามุ่งมั่นและยกแขนขวา กำหมัดอย่างหนักแน่น
“หวังหลิน ของชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นจากเจตจำนงเต๋าของข้า หากเจ้าตาย ข้าก็จะบาดเจ็บและหากข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ไม่ส่งผลกระทบด้วย ของชิ้นนี้ส่งผลกับข้าเท่านั้น”
“ด้วยสิ่งนี้ ใครที่กล้าโจมตีเจ้าจะถือเป็นศัตรูของข้าด้วย!” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เจ็บปวดใจ นี่คือไม้ตายก้นหีบและเขาหวังว่าจะไม่นำมันออกมา แต่คำพูดของหวู่เฟิงบังคับให้เขาต้องนำออกมาเสียนี่!
พอมันปรากฏ หวู่เฟิงหรี่ตาลง เขามองต้าวยี่และจากนั้นก็มองหวังหลิน
“หายากนักที่มหาชั้นฟ้าจะนำผลึกเต๋าออกมา มันสามารถประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ แต่ข้าแนะนำว่าให้เจ้ารอมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้”
“หวู่เฟิง!! เจ้าหมดหวังที่จะชักชวนเขาแล้วใช่หรือไม่? เจ้าทำแบบนี้ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาใช่หรือไม่!?” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ร้องคำราม
“เป็นแบบนั้นแล้วอย่างไร?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงหัวเราะ เขาคิดแบบนี้จริงๆ หากหวังหลินติดตามเขา เขาก็จะดูแลหวังหลินด้วยความจริงใจ หากหวังหลินไม่ติดตาม เช่นนั้นคำพูดของเขาก็จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดีกับทั้งสองฝ่าย
“ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าจะนำอะไรออกมา!” ต้าวยี่ถึงกับรันทด แต่ด้วยสถานะมหาชั้นฟ้าที่เท่ากับหวู่เฟิง หากหวู่เฟิงวางตัวไว้แบบนี้ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นัก
“ข้าไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรให้เจ้านัก และโชคของข้าในแผ่นดินเทพบรรพกาลก็ไม่ได้ดีเท่าเจ้า” หวู่เฟิงพูดอย่างสงบนิ่ง เขามองในตาหวังหลินด้วยความจริงใจและชัดเจน
“หากเจ้าติดตามข้า เจ้าจะไม่ได้อยู่ใต้ข้า ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ให้อาจารย์! ถึงระดับบ่มเพาะของเราจะแตกต่าง แต่สถานะของเราเหมือนกัน!”
“นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้” หวู่เฟิงมองหวังหลิน เขาให้ความสำคัญกับคนแบบนี้ เขารู้สึกว่าหวังหลินมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นมหาชั้นฟ้า และคนแบบนี้คู่ควรให้คำมั่นเช่นนี้
คำพูดของหวู่เฟิงทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ตกตะลึงและเงียบสนิท เงื่อนไขแบบนี้ดียิ่งกว่าสมบัติที่เขาเสนอไปจริงๆ
‘หวู่เฟิงเป็นคนใจกล้า แม้เด็กคนนี้จะพิเศษ เขาก็ไม่คู่ควรได้สิ่งระดับนี้ เจตจำนงเต๋าของข้าถึงขีดสุดในฐานะมหาชั้นฟ้าแล้ว!’
‘แต่นี่ก็น่าสนใจที่เขากล้าเดิมพัน กล้าเสี่ยงเดิมพันว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้า!’
‘สถานะเทียบเท่า…ให้อาจารย์รับเขาเป็นศิษย์ หากเขาเสนอให้กับหมิงต้าว เช่นนั้นหมิงต้าวก็คงเคลื่อนไหว หวังหลินอาจไม่ต้องติดตามจักรพรรดิเทพและกลายเป็นศิษย์น้องของหวู่เฟิง!’
‘หากหวังหลินตกลง เขาจะได้ประโยชน์หลายอย่าง!!’
หวังหลินสูดหายใจลึก เขาไม่คิดว่าหวู่เฟิงจะพูดแบบนี้ หวู่เฟิงยังมีท่าทีจริงใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดอย่างลวกๆ และคิดมาดีแล้ว
“สิ่งที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ข้าสามารถสาบานด้วยสายโลหิต!” หวู่เฟิงพูดเน้นย้ำให้กับหวังหลิน
‘หวู่เฟิงนี่มันบ้าไปแล้วหรือ?’ ต้าวยี่มีสีหน้าออกอาการและมีสายตาไม่เชื่อ
หวังหลินมีท่าทีซับซ้อนเล็กน้อยพลางมองหวู่เฟิงและขบคิดเงียบๆ หากเขาตั้งใจจะอยู่เผ่าเทพไปอีกนาน คำสัญญาของหวู่เฟิงคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่า…
“ขอบคุณมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่ห่วงใย…ขอข้าพิจารณาก่อน” หวังหลินถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้หวู่เฟิง
“ไม่มีปัญหา มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้แข็งแกร่งที่สุดในพวกเรา เขาอาจจะให้เงื่อนไขที่ดีกว่า” หวู่เฟิงถอนหายใจพลางมองหวังหลินและยิ้มออกมา
“เขาอยู่ที่นี่”
ขณะที่หวู่เฟิงพูดขึ้น ระลอกแสงปรากฏในท้องฟ้าและมีสองร่างก้าวออกมา เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อและอาจารย์ของนาง
“หวังหลิน!” ไฮ่จื่อเปล่งเสียงอย่างเป็นสุข นางก้าวเข้ามาถึงข้างหวังหลิน
“เจ้าหายตัวไปนาน และพอเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาก็ไปบททดสอบชั้นฟ้า เจ้ายังผ่านระดับสิบเจ็ดได้จริงๆ!”
“ก็แค่โชคดี” ไฮ่จื่ออยู่ใกล้หวังหลิน ดังนั้นกลิ่นหอมของนางจึงลอยเข้ามาหา หวังหลินไม่ได้ก้าวถอยหลังแต่ยืนอยู่เฉยๆ เขายังจำคำพูดของนางได้ตอนที่ทุกคนต่อต้านหวังหลิน
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อมองหวังหลินและพูดขึ้นเบาๆ “ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ เจ้าจำได้หรือไม่ตอนที่ข้าเล่าเรื่องภูเขาจักรพรรดิให้ฟัง? เราจะไปดูใบไม้ร่วงด้วยกัน ใช่หรือไม่?”
หวังหลินลังเลเล็กน้อยและถอนหายใจพลางมองดูความงดงามไร้ที่ติตรงหน้า
“ครั้งหน้าข้าจะไป”
“ไม่ใช่ตอนนี้?” ไฮ่จื่อกัดริมฝีปาก
หวังหลินขบคิด ด้วยประสบการณ์และอายุขนาดนี้ เขาจะมองไม่เห็นความหมายในคำพูดของนางได้อย่างไร? แม้นางยังไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอะไรนัก นางก็ทำให้หวังหลินเกิดความประทับใจแล้ว
ความประทับใจอันดีบางทีอาจเปลี่ยนกลายเป็นความรู้สึกดีดีไปด้วย
แต่หวังหลินไม่ยอมให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางกลายเป็นเหมือนสตรีในโลกถ้ำที่จบลงด้วยการไม่มีความสุข
การเงียบของหวังหลินทำให้ไฮ่จื่อถอนหายใจอยู่ในใจไปด้วย แต่นางก็ยิ้ม ยกแขนขึ้นมาตบหลังหวังหลิน
“เจ้า อาาา ข้าแค่ต้องการเชิญเจ้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิและแนะนำเจ้ากับหญิงสาวสักสองสามคน ฮึ่ม หากเจ้าไม่อยากไปก็ช่างเถอะ ข้าจะไปหาคนอื่นแทน”
หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่น
“ไฮ่จื่อ อย่าทำให้เรื่องวุ่นวาย!” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ยังมองดูเช่นเดิมแม้จะมีสีหน้าเคร่งขรึมแต่กลับไม่มีบารมีแห่งมหาชั้นฟ้าเล็ดลอดออกมาจากเขา แม้ตอนที่เขาเคร่งขรึมก็ยังดูปกติ
“หวังหลิน ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าตกลงหรือไม่?” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เป็นคนที่มาจากยุคเดียวกันกับจักรพรรดิเทพ
“หากเจ้าตกลง ข้าสัญญาว่าเมื่อแผ่นดินเทพบรรพกาลเปิดขึ้น ข้าจะช่วยส่งเจ้าเข้าไปข้างใน! และช่วยเจ้ากลายเป็นมหาชั้นฟ้า!” นี่คือคำมั่นสัญญาที่มีเพียงมหาชั้นฟ้าเท่านั้นที่กล้าบอกเพราะมีเพียงมหาชั้นฟ้าที่รู้ว่ามันมีค่าแค่ไหน
นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว แต่ด้วยเงื่อนไขของจักรพรรดิเทพ เมิ่งต้าวกลับไม่เลือกจิ่วตี้
“ด้วยการช่วยเหลือของข้า พอแผ่นดินเทพบรรพกาลเปิดขึ้นมา เจ้าจะมีโอกาสกลายเป็นมหาชั้นฟ้าเพิ่มขึ้นสามในสิบส่วน! และหากเจ้าเป็นศิษย์ข้า แม้แต่จักรพรรดิเทพก็ไม่กล้าลงมือกับเจ้า!”
“ไม่ว่าระหว่างเจ้าสองคนมีความบาดหมางอะไรกัน เพียงมีข้าอยู่ด้วย ข้าสามารถช่วยเจ้าชำระคืนได้ทั้งหมด!”
“ท่ามกลางเหล่ามหาชั้นฟ้า นอกจากตงหลินที่ตายไปแล้ว มีเพียงชวงจื่อที่สามารถเทียบเคียงกับข้าได้ แต่หลังจากการเกิดใหม่ครั้งสุดท้ายของนาง ชวงจื่อเกิดเหตุบังเอิญและทำให้วิญญาณกลับไปอยู่ช่วงแรกเริ่ม นางอ่อนแอมากในตอนนี้”
“ข้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้เอ่ยขึ้น
หวังหลินมองต้าวยี่ หวู่เฟิงและจิ่วตี้ ทั้งสามคนให้เงื่อนไขที่ต่างกัน สมบัติของต้าวยี่ สถานะเท่าเทียมของหวู่เฟิงและคำสัญญาของจิ่วตี้
หากเขาตั้งใจจะอยู่ในเผ่าเทพอีกนาน เมื่อนั้นจิ่วตี้จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แม้แต่ตัวเลือกของหวู่เฟิงยังบอกหวังหลินว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ มีเพียงของต้าวยี่ที่หวังหลินจะไม่เลือกโดยไม่ต้องคิด เพราะเขารู้ว่าอาจารย์ซวนลั่วและต้าวยี่เคยสู้กันมาก่อน แม้แต่ราชันย์เทพสีรุ้งที่ได้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก็ยังอยู่ในช่วงนั้นด้วย
แต่ต้าวยี่เป็นคนที่หวังหลินสามารถเลือกได้และไม่รู้สึกแย่อะไรนัก สมบัติของเขาก็เป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการ แต่หากจักรพรรดิเทพลงมือจริงๆ หวังหลินก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะช่วยได้
‘จิ่วตี้แข็งแกร่งที่สุดในมหาชั้นฟ้า…ข้าต้องวางตำแหน่งของเขาไว้ให้ดี…แต่เขาก็อยู่แคว้นกลางด้วย ดังนั้นคงจะช่วยข้าเดินทางไปเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี!’ หวังหลินขบคิด เขาคำนับฝ่ามือให้จิ่วตี้และกำลังจะเอ่ยปาก
ทว่าในจังหวะนั้น จิ่วตี้เงยหน้าขึ้นมา ตามมาด้วยหวู่เฟิงและต้าวยี่ที่มองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากนั้นไม่นานมีลำแสงสามเส้นทะยานเข้าใกล้
“หวังหลินน้อย อาา เป็นเจ้าจริงๆ!” เสียงหัวเราะเริงร่าดังออกมาจากฟากฟ้า ลำแสงสามสายเข้าใกล้เป็นมหาชั้นฟ้าชวงจื่อและผู้สูงส่งชั้นฟ้ากุ้ยหยา
สาวน้อยวาวาปรากฏตัวข้างหวังหลิน นางปรบมือและวนรอบหวังหลินหนึ่งรอบ
“หวังหลินน้อย เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?”
“หวังหลินน้อย เจ้าจำเขาได้หรือไม่?” สาวน้อยฮานฮานยืนข้างวาวา นางจับเซียนที่เอามือปิดบังใบหน้าและโยนมาข้างๆ
หวังหลินมองเซียนที่ถูกโยนออกมาและเลื่อนมือบังใบหน้าออก
“ทันหลาง…”
“เอ๋…สหายเซียนหวัง ไม่เจอกันนาน…” เพียงทันหลางเอ่ยปาก หยาดน้ำตาก็รื้นขึ้นมา
“เอาล่ะ หัวล้าน หนุ่มหน้าตายและเฒ่าโลงผุ พวกเจ้าไปได้แล้ว หวังหลินน้อยเป็นของเรา!” สาวน้อยวาวาเอามือเท้าสะเอว แขนขวาชี้ขึ้น นางวางท่าราวกับเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนฉลาด
“ใช่แล้ว เขาเป็นของเรา หากเจ้าคนใดกล้าทำตัวไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นฮึ่ม ฮึ่ม…ข้าจะตีเจ้า!” สาวน้อยฮานฮานยกแขนขึ้นมาราวกับกำลังจะตีใครสักคน
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้หวังหลินตกตะลึง
ผู้สูงส่งชั้นฟ้ากุ้ยหยาถอยออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวและทำให้แค่มองบรรพชนน้อยทั้งสองจัดการเอง
………………………………………