Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1972 ลูกธนู!
บนถนนของเมืองรองทิศตะวันออก ร่างมังกรสมุทรขนาดร้อยฟุตรีบทะยานผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่มันไม่กล้าบินสูงเกินไปเพราะมีแรงกดดันน่าหวาดกลัวอยู่ที่นี่ หากลอยสูงเกินไปอาจถึงขั้นคอขาดบาดตาย
มังกรสมุทรเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น มีลูกธนูสีดำติดอยู่ตรงส่วนท้องและมีพลังที่ทำลายพลังชีวิตของมันรั่วไหลออกมา เจ้ามังกรสมุทรเต็มไปด้วยควันสีดำ
บนแผ่นหลังมีหลิวจินเปียวที่กำลังโกรธเกรี้ยว เขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ลูกธนูมันปรากฏขึ้นรวดเร็วมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมังกรสมุทรป้องกันเขา หลิวจินเปียวคงจะเสียชีวิตไปแล้ว
‘ลูกธนูนั่นทำลายล้างวิชาของมังกรสมุทรได้หมดและแทงเข้าท้องมัน ลูกธนูนี่แข็งแกร่งเกินไป!! ใครต้องการสังหารข้ากัน? ข้าหลอกลวงไปแค่เจ็ดคนเท่านั้น ต้องทำกันถึงแบบนี้เลยหรือ?!’ หลิวจินเปียวโกรธเกรี้ยวไร้ความหวาดกลัว
เขาหันกลับมาร้องคำราม “บัดซบ เจ้ากล้าล่วงเกินข้า? นายท่านของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
มีร่างสีดำผสานกับความมืดมิดอยู่ด้านหลังมังกรสมุทร ดูไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือคนชรา คนผู้นี้รวดเร็วยิ่งกว่ามังกรสมุทร ตอนนี้เพียงเขาขยับแขนก็ปรากฏคันธนูขึ้นมา จากนั้นยิงลูกศรออกไป
เพลังปราณสวรรค์รอบด้านคล้ายกับควบแน่นเข้าไปในลูกศร
ตั้งแต่ที่หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรเริ่มหลบหนี เพิ่งผ่านไปได้แค่สิบลมหายใจเท่านั้น คนที่กำลังไล่ตามพวกเขาได้ยิงดอกที่สองแล้ว!
ลูกศรดอกนี้แฝงจิตสังหารเย็นเยียบ ราวกับจะสังหารมังกรสมุทรและหลิวจินเปียวให้ดับดิ้นได้ในพริบตา
พอเห็นลูกศรเข้าใกล้ หลิวจินเปียวร้องคำรามและใช้พลังเต็มที่เข้าต่อต้าน มังกรสมุทรส่งเสียงขู่ฝ่อและเกิดระลอกหยดน้ำขึ้นมา
คนที่กำลังไล่ตามเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ ลูกศรของเขา ยิงเพียงหนึ่งครั้ง แค่เซียนที่มีระดับบ่มเพาะเท่ากันยังต่อต้านได้ยากแล้ว ลูกศรดอกนี้สามารถสังหารมังกรสมุทรและทำให้เซียนน้อยบนหลังมันบาดเจ็บสาหัสได้ เมื่อเซียนน้อยคนนี้ถูกจับและพากลับบ้าน จะทำให้เกิดความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง!
ทว่าในจังหวะนั้นใบหน้าเยาะเย้ยของเขาพลันหายไป รูม่านตาหรี่แคบและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพียงลูกศรเข้าใกล้มังกรสมุทรและหลิวจินเปียว ร่างในเสื้อคลุมมิดชิดพลันปรากฏตัว ร่างนี้โผล่ขึ้นมาทันทีราวกับล่องหนและโผล่ขึ้นตรงนั้น
หลังจากปรากฏตัว เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นเผยสายตาแพรวพราว แสงสีทองจากดวงตาร่อนลงใส่คันธนูเบื้องหน้าและทำให้มันแตกหัก
ร่างที่ซ่อนอยู่ในความมืดถึงกับรู้สึกจิตใจสั่นไหว ร่างกายถูกบังคับให้ออกจากที่ซ่อน พอเขามองสายตาอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังบินเข้ามาหา
เขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลย จิตใจสั่นสะท้านพลางกระอักโลหิตและหมดสติ เขาตกลงไปบนพื้นและทำให้หิมะจำนวนมากลอยขึ้นไปในอากาศ
ก่อนที่จะตกอยู่ในอาการย่ำแย่ ร่างกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต มันลึกล้ำยิ่งกว่าหัวหน้าตระกูลและบรรพชน
“นายท่าน! ในที่สุดท่านก็มา มันกำลังเข้ามาสังหารข้า!! มังกรสมุทรกำลังบาดเจ็บ!!” หลิวจินเปียวตื่นเต้นที่เห็นหวังหลิน มังกรสมุทรหันกลับมาจ้องมองร่างที่ไร้สติอย่างดุร้าย
หวังหลินยกแขนขึ้นมาสัมผัสมังกรสมุทร เจ้ามังกรสมุทรตัวสั่นเทา ควันสีดำรอบตัวมันหายไปหมด ลูกศรในท้องร่วงหล่นลงมา อาการบาดเจ็บฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว
ลูกศรสีดำทะยานออกไปแต่ถูกหวังหลินคว้าเอาไว้ หลังจากมองแวบเดียวจึงบดขยี้เป็นผุยผงปะปนไปกับสายลมและหิมะ
หวังหลินเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆ “คฤหาสน์ลี่ทำเกินไปแล้ว!”
“คฤหาสน์ลี่? นายท่าน ท่านรู้ต้นกำเนิดของมันด้วยหรือ? ไม่ใช่เพราะการหลอกลวงของข้าถูกเปิดโปงใช่หรือไม่?” ความโกรธของหลิวจินเปียวเปลี่ยนกลายเป็นความข้องใจ
“ไปกันเถอะ ตามข้าไปคฤหาสน์ลี่” หวังหลินดูสงบนิ่งและไม่แม้แต่จะมองร่างที่ไร้สติ หวังหลินเดินผ่านร่างเขาไปโดยไม่ได้ทำอะไร ร่างนั้นลอยขึ้นไปในอากาศเผยใบหน้าตัวเอง เป็นชายชราที่กำลังหลับตา ใบหน้าซีดเผือดและสลบเหมือด
หวังหลินรวมสัมผัสวิญญาณไว้ที่ศีรษะอีกฝ่าย หลังจากได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วจึงสะบัดแขนเสื้อ ร่างเลือนหายไปพร้อมกับมังกรสมุทร หลิวจินเปียวและชายที่ไร้สติ เมื่อพวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งจึงอยู่นอกคฤหาสน์อันเงียบสงัด
“ไปเคาะประตูและบอกเจ้านายพวกมันให้ออกมาเจอข้า” หวังหลินมองตัวอักษรอันโดดเด่นด้านบน “คฤหาสน์ลี่”
“ขอรับ!” หลิวจินเปียวตื่นเต้น เขาชอบทำเรื่องอะไรแบบนี้พลางม้วนแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ประตู
จังหวะที่เขาเดินผ่านสิงโตหินสองตัว พวกมันนิ่งเฉยราวกับเป็นรูปปั้นธรรมดา ยอมให้หลิวจินเปียวเข้าไปใกล้ประตู
ตอนนี้เขาดูเหมือนกับสหายคนหนึ่งที่เคยมาที่นี่เมื่อปีก่อน แม้แต่สีหน้าท่าทางยังคล้ายกัน
หลิวจินเปียวยกเท้าขึ้นมาและเตะส่งประตูไปอย่างรุนแรง หลังจากทิ้งรอยเท้าหิมะเอาไว้จึงส่งเสียงคำราม
“นายท่านข้ามาแล้ว จงรีบออกมาทักทายเขา!!”
คำพูดเขาคล้ายกับกลุ่มคนที่มาที่นี่เมื่อปีก่อน หากชายหนุ่มชุดแดงรู้เรื่องนี้คงจะตกตะลึงไปตามกัน
แต่ที่ต่างกันคือฉวี่ลี่กั๋วเตะครั้งเดียว ประตูไม่เคลื่อนไหวเลย ส่วนแรงเตะของหลิวจินเปียวทำให้ประตูเกิดเสียงดังสนั่น การเตะครั้งนี้เปิดประตูออกได้จริงๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้หลิวจินเปียวตกตะลึงและรีบถอยร่นเร็วที่สุด เขาลอบคิดถึงตัวเองว่าแรงเตะนี้ไม่น่าจะมีพลังอะไรนักและประตูก็อ่อนแอเกินไป
เพียงหวังหลินมองประตู สีหน้าท่าทางยังเป็นปกติดี หลังจากรอชั่วครู่จึงส่ายศีรษะและยิ้ม
“ในเมื่อเจ้านายไม่ออกมา ข้าจะเข้าไปโดยไม่ขอให้เชิญ” เพียงเท่านั้นหวังหลินสะบัดแขนขวาและโยนชายไร้สติเข้าไปข้างใน จากนั้นหวังหลินก็ก้าวเดินต่อไป
เพียงเขาเดินผ่านสิงโตหินทั้งสอง พวกมันลืมตาขึ้นมาและคำรามโกรธเกรี้ยวใส่หวังหลิน เสียงคำรามแผ่กระจายแทบจะทั่วเมืองตะวันออก ทำให้เสียงเพลงและเสียงพูดคุยเงียบลงทันที!
ร่างเงาขนาดยักษ์สองร่างทะยานออกมาจากสิงโตหิน พวกมันสูงหลายพันฟุตและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินไม่หันไปมองขึ้นไปและยังก้าวเดินเข้าประตูไปพร้อมกับเสื้อกันหนาวที่ปิดบังศีรษะ พริบตาเดียวที่สิงโตทั้งสองเข้าไปในระยะหวังหลินแค่สิบฟุต พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนและแตกกระจายเหมือนสายหมอกที่เผชิญกับสายลมรุนแรง
สิงโตหินเกิดรอยแตกร้าวและเกิดเสียงแตกดังสนั่น จากนั้นก็แตกกระจาย
หวังหลินก้าวเดินต่อไป ด้านหลังมีหลิวจินเปียวที่กำลังอ้าปากค้าง แต่ไม่นานสายตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยิ่งหวังหลินแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้เขาเหมือนพยัคฆ์และยิ่งไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้ง
พอเจ้ามังกรสมุทรเห็นแบบนี้ สายตาจึงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เพียงแค่หวังหลินก้าวเท้าขวาเข้าไปในประตูคฤหาสน์ลี่ เสียงหวีดหวิวดังกึกก้อง หลายร่างทะยานออกมาและทุกร่างมีท่าทางเดียวกัน แขนซ้ายแต่ละคนถือคันศร แขนขวารั้งสายเป็นวงพระจันทร์ก่อนจะยิงลูกศรออกไป!
ลูกศรนับร้อยยิงเข้าหาหวังหลินที่เพิ่งเข้าไปในประตู
แต่ละดอกมีพลังอันแข็งแกร่ง ลูกศรนับร้อยรวมกันเป็นสายฝนลูกธนู ยิ่งรวมกับตำแหน่งของแต่ละคนจึงกลายเป็นค่ายกล!
ค่ายกลเปล่งแสงสีแดงไร้ที่สิ้นสุดและมีจิตสังหารระเบิดออกมาพุ่งเข้ามาใกล้หวังหลิน
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัดโดยไม่หยุดชะงัก นาทีนั้นประทับฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน ฝ่ามือนี้ดูสมจริงมากและมีลวดลายชัดเจน จังหวะนั้นมันก็ปะทะกับค่ายกลลูกธนู
ค่ายกลลูกธนูพังทลายและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง แต่ฝ่ามือหมองลงด้วยเช่นกัน หวังหลินก้าวเข้าไปในประตูและทะลุผ่านฝ่ามือจนฝ่ามือหายไป
‘พวกนี้ควบแน่นพลังได้เท่ากับผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ผ่านตำหนักระดับหก’ หวังหลินก้าวเดินเข้าคฤหาสน์ด้วยท่าทีเช่นเดิม
คนนับร้อยเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย แต่นาทีนี้พลันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพวกเขามั่นใจในลูกศรดอกนั้นเพราะแม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้ายังต่อกรได้ยาก แต่คนเบื้องหน้าพวกเขากลับทำลายมันได้เพียงแค่สะบัดมือ
ขณะที่คนนับร้อยรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ ลูกศรเก้าดอกยิงตรงออกมาจากทิศทางที่แตกต่างกันในคฤหาสน์ลี่ แต่ละดอกระเบิดออกเป็นอีกนับร้อยดอก และไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีจากคนหลายร้อยรวมกันเลย
พลังของลูกศรเก้าดอกที่ระเบิดออกมาเทียบได้กับการโจมตีทั้งเก้าครั้ง มันพุ่งลงมาดุจห่าฝน!
ราวกับฝ่ามือยักษ์ยื่นเข้าหาหวังหลินอย่างโหดเหี้ยม หากเขาถูกจับได้คงจะตายในทันที!
หวังหลินไม่หยุดชะงักแต่เงยศีรษะ ยื่นแขนออกไปและชี้ตรงหน้า
เพียงแค่ชี้นิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็หยุดกึก ฝนธนูหยุดเบื้องหน้าหวังหลิน แม้หวังหลินจะเดินผ่านไปแล้ว ฝนธนูก็ยังคงค้างนิ่งอยู่บนท้องฟ้า
หลิวจินเปียวถึงกับหวาดหวั่น เขาตกตะลึงไปชั่วขณะและจากนั้นรีบหลบฝนธนู เขากลัวว่าพวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหวและเข้าทำร้าย
…………………………………