Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1975 จักรพรรดิเทพมอบสมบัติ
ชายชราชุดเขียวเต็มไปด้วยสายตาตื่นตระหนก เขาถอยหลังไปหลายก้าวเบื้องหน้าทุกคนและหน้าซีดเป็นสีเขียว เขาโกรธเกรี้ยวที่อับอายและคิดเอาว่าหวังหลินคงไม่กล้าโจมตีที่นี่ พอถอยไปสามก้าวจึงหยุดพลางเอามือชี้หน้าหวังหลินและเริ่มตะโกน
“เจ้า…”
ชายชราชุดเขียวเพิ่งจะเริ่มพูดขึ้นแต่หวังหลินก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาจับเสื้อผ้าของอีกฝ่ายและโยนออกไปข้างๆ ชายชราร้องไห้ด้วยความรู้สึกเหมือนโดนฝ่ามือที่มองไม่เห็นตีเข้าใส่และทะยานออกไปหลายร้อยฟุต
“หวังหลินขอคารวะจักรพรรดิเทพ!” หวังหลินคำนับฝ่ามือเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นวังหลวงและอีกฝ่ายคือจักรพรรดิเทพ เขายังจำเป็นต้องแสดงความเคารพ
สายตาของเซียนทุกคนเพ่งมาที่หวังหลิน รวมถึงเหล่าทหารแสนนาย แต่ละคนขบคิดและจ้องหวังหลินอย่างเงียบงัน
ท่ามกลางราชาทั้งสี่ นอกจากคฤหาสน์ลี่แล้วมีอีกสามตระกูลได้หันไปมองหวังหลินด้วยความคิดแตกต่างกัน โดยเฉพาะสามบรรพชนที่มองหวังหลินด้วยความซับซ้อนและสายตาทำอะไรไม่ถูก
หลังจากหวังหลินคำนับฝ่ามือ รอบด้านเงียบสนิท ผ่านไปสักพักเสียงสงบนิ่งดังออกมาจากอารามเต๋าเทพ
“เจ้าโยนผู้รับผิดชอบการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของข้าออกไป ตอนนี้จะไปต่อได้อย่างไร?”
เพียงมีเสียงดังกึกก้อง ประตูทางเข้าสู่อารามเต๋าเทพก็เปิดเข้าข้างใน ภายในส่วนลึกของอารามมีบันไดยาวคล้ายกับภูเขาและมีบัลลังก์มังกรยักษ์ดูราวกับมังกรจริงๆ เศียรมังกรเชิดขึ้นมองดูหวังหลินคล้ายกับมันมีจิตวิญญาณ
ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสูงศักดิ์และสวมมงกุฎนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขาเอามือไว้ใต้คาง ร่างกายเอนเล็กน้อย เปล่งกลิ่นอายแห่งแรงกดดันที่ไม่มีความโกรธเกรี้ยว
ด้านข้างชายวัยกลางคนเป็นชายหนุ่มยืนอยู่ เขามีผิวหนังสีขาว ดวงตาบอบบาง ถือลูกปัดสีม่วงสองลูกและหมุนมันอยู่ในมือ ใบหน้าเปื้อนยิ้มและส่งสายตามองหวังหลินอย่างอ่อนโยน
แต่สายตานี้ทำให้โลหิตหวังหลินต้องแข็งค้าง เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์และเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ในใจตกอยู่ในความปั่นป่วนแต่ก็ฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว หวังหลินหรี่ตาแคบพลางส่งสายตาไปที่ชายหนุ่มเสื้อผ้าหยาบๆ คนนั้น
ชายหนุ่มแฝงไปด้วยแววตาตกตะลึง เขายิ้มและพยักหน้าให้หวังหลิน
‘ราชครูชางซวนต้าว!’ ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจหวังหลินตอนที่เห็นชายหนุ่ม แม้จะไม่เคยพบเจอมาก่อนแต่มีคนที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจมเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่เพียงแค่จ้องสายตา นั่นคงเป็นราชครูแน่นอน!
ส่วนจักรพรรดิเทพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เขามีท่าทีเช่นเดิมเหมือนตอนที่หวังหลินเห็นในบททดสอบชั้นฟ้า แต่แรงกดดันและบารมีกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนั้น ราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกต้องคุกเข่าเบื้องหน้าสายตา
“ช่างมันเถอะ เจ้าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับหนึ่งและทาสรับใช้คนนั้นก็ไม่เคารพเจ้า ข้าจะไม่ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยาก ซวนต้าว เจ้าเป็นประธานแต่งตั้งตำแหน่ง” จักรพรรดิเทพนั่งเอ่ยอยู่บนบัลลังก์
“ขอรับ” ชายหนุ่มเสื้อผ้ายับยู่ยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าหาอาราม
‘เป็นเขาจริงๆ!’ หวังหลินขมวดสายตา
พอชายหนุ่มเดินผ่านหวังหลินไป เขายิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นมองเหล่าเซียนหลายหมื่นในลานกว้าง
“ข้าจะเป็นประธานแต่งตั้งตำแหน่ง ถัดไปคือการสังเวยโลหิตเพื่อเปิดเต๋าเทพ!” ราชครูซวนต้าวเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า
เพียงเท่านั้นลำแสงสีทองสายหนึ่งทะยานออกไป เสียงคำรามดังออกมาจากวัง 99 แห่งจนพื้นดินสั่นสะเทือน ราวกับเป็นเสียงกรีดร้องของอสูรก่อนตาย
วินาทีนั้นเสาโลหิต 99 ต้นพุ่งทะยานจากตำหนักขึ้นสู่ท้องฟ้า หวังหลินมองเห็นเสาโลหิต 99 ต้นได้อย่างชัดเจนว่ามีวิญญาณอสูรที่แตกต่างกันถึง 99 ชนิด!
‘สังเวยโลหิตเพื่อเทพ สังหาร 99 อสูรและใช้โลหิตเพื่อเปิดเต๋าเทพนิรันดร์…’ หวังหลินมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสงบนิ่ง
เสาโลหิตพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าและทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นสีโลหิต จากนั้นประตูบานหนึ่งเปิดออกมา ภายในประตูนำทางไปสู่ความโกลาหลวุ่นวายอย่างยิ่ง
วิญญาณอสูรข้างในเสาโลหิตพลางส่งเสียงคำรามและเงียบหายไปในความว่างเปล่า จากนั้นทั้งวังหลวงก็เงียบสงัด!
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เงียบงัน เหล่าบรรพชนในสำนักทั่วทั้งเผ่าเทพต่างก็จ้องมองท้องฟ้าเหนือวังหลวง!
การแต่งตั้งตำแหน่งในครั้งก่อน นอกจากการผ่านประตูทั้งเก้าและการท้าทายจากคนอื่นแล้ว ยังมีการเปิดเต๋าเทพ มันเป็นการสังเวยโลหิตเพื่อล่อลวงจิตวิญญาณต่างแดนมาที่นี่ จากนั้นก็จะถูกจักรพรรดิเทพสังหาร โลหิตจะสาดกระจายไปทั่ววัง วิญญาณจะถูกหลอมเป็นสมบัติมอบให้ผู้สูงส่งชั้นเทวะที่กำลังได้รับตำแหน่ง! หวังหลินรู้รายละเอียดของพิธีนี้ดังนั้นจึงมองท้องฟ้าโดยไม่ประหลาดใจ
“ข้าสงสัยจริงว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวจะได้อสูรต่างแดนแบบไหนกัน!”
“ตอนนั้นที่ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวสังเวยโลหิต มันเป็นจิตวิญญาณรูปร่างกระบี่ จักรพรรดิเทพสังหารมันและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ทรงพลังยิ่ง!”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโชควาสนาด้วย ข้าสงสัยเสียแล้วว่าโชคของหวังหลินจะเป็นอย่างไร!”
เหล่าเซียนรอบด้านล้วนมองขึ้นไปและเริ่มคาดหวังอยู่ในใจ
เวลานี้ในท้องฟ้าสีโลหิต มีอสูรคล้ายสิงโตทะยานออกมาจากวังวนมืดมิด อสูรสิงโตมีดวงตาสีแดง ส่วนลำคอเปื้อนโลหิต เพียงมันร้องคำรามพลันมีโลหิตสีทองหยดลงมาหนึ่งหยด
มันดูเหมือนกำลังหลบหนีอยู่ในมิติแห่งหนึ่งแต่ถูกวังวนดูดมาและปรากฏขึ้นที่นี่
รูปร่างของมันทำให้เซียนหลายหมื่นด้านล่างถึงกับร่ำร้อง!
“อสูรสิงโตสวรรค์!”
“นี่มันอสูรสิงโตสวรรค์ที่บรรพชนเทพปิดผนึก!”
“ลือกันว่าแคว้นสิงโตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาจากจักรพรรดิสิงโตสวรรค์ อสูรตัวนี้ไม่ได้มีขนสีทอง ดังนั้นจึงไม่ใช่สายโลหิตจักรพรรดิ แต่มันน่าจะยังเป็นสิงโตตัวเต็มวัย!”
เพียงเกิดเสียงร้องดังกึกก้อง ราชครูชางซวนต้าวกลับสงบนิ่งราวกับรู้อยู่แล้วว่าสิงโตสวรรค์จะถูกล่อออกมา
“ผนึกที่บรรพชนทิ้งเอาไว้ไม่สามารถทำให้ตัวที่แข็งแกร่งเกินไปเข้ามาหา ถ้าหากสิงโตนี้ไม่บาดเจ็บ มันคงไม่ปรากฏขึ้นที่นี่…โชควาสนาของหวังหลินช่างดียิ่งนัก!” เสียงคำรามกึกก้องออกมาจากท้องฟ้า
เสียงคำรามสั่นคลอนจิตใจนี้มากพอที่จะทำให้คนธรรมดาแตกดับ แม้แต่เซียนที่อ่อนแอยังเกิดอาการสั่นสะท้านราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติ
มันคือเสียงคำรามของสิงโต อสูรสิงโตตัวนี้บาดเจ็บตรงลำคอและพุ่งออกมาจากวังวน มันสับสนกับพื้นที่ประหลาดแห่งนี้ ทว่าความสับสนกลับหายไปและถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก มันกำลังจะหนีกลับเข้าไปในวังวน
แต่วินาทีนั้นจักรพรรดิเทพเอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมาข้างหูหวังหลิน
“อสูรสิงโตสวรรค์…” ขณะเดียวกันจักรพรรดิเทพยังคงมีท่าทีเอามือเท้าคางส่วนอีกมือหนึ่งโบกสะบัด
เพียงการโบกสะบัดนี้ได้ทำให้เพลิงห้าสีปรากฏขึ้นมา มันปลดปล่อยคลื่นความร้อนพุ่งเข้าใส่สิงโตสวรรค์
พริบตาเดียวเพลิงห้าสีได้เปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงและโอบล้อมสิงโตสวรรค์ที่บาดเจ็บเอาไว้ มันส่งเสียงร้องคำรามโหยหวนตามมาด้วยโลหิตจำนวนมากคล้ายน้ำมันเดือดสาดกระจายไปทั่วฟ้าและตกลงมาด้านล่าง
เซียนรอบด้านเห็นเหตุการณ์กันทุกคน จิตใจสั่นสะเทือนและไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มคุกเข่าก่อน เพียงไม่นานเหล่าเซียนด้านนอกอารามเต๋าเทพต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น
“จักรพรรดิเทพจงเจริญ!”
“จักรพรรดิเทพจงเจริญ!!”
เสียงคนประสานกันดุจสายฟ้าและดังกึกก้องไปทั่วราชวัง พลังอำนาจของจักรพรรดิเทพเป็นที่ประจักษ์เบื้องหน้าเผ่าเทพ!
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาก็สามารถสังหารสิงโตสวรรค์ที่บาดเจ็บได้เช่นกัน แต่ไม่ได้ง่ายดายเท่าจักรพรรดิเทพ เขาคงต้องใช้เกราะวิญญาณและอาจต้องยืมพลังจากร่างอวตาร
‘มหาชั้นฟ้า…’ หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งไม่เคยสิ่งที่คิด
ยามนี้ทะเลเพลิงได้หายไปและมีเส้นขนสีขาวหนึ่งเส้นตกลงมาจากท้องฟ้า รูปร่างของเส้นผมได้ทำให้ราชครูต้องหรี่ตาลง
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้กระทั่งจักรพรรดิเทพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยังต้องมองขึ้นไป เขามองเส้นผมสีขาวที่กำลังร่วงหล่นและมีแววตาประหลาดใจ!
‘ผมสีขาวที่แม้แต่เต๋าเพลิงสุดขั้วของข้าก็เผาไม่ได้…สิ่งนี้…’
หวังหลินเผยแววตาประหลาดใจ ขนสีขาวนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยแต่มันแค่แวบเดียวเหมือนภาพมายา
หวังหลินพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าโดยไม่ลังเล!
จักรพรรดิเทพก็ยกแขนขึ้นไปเช่นกัน ฝ่ามือยักษ์ที่สร้างจากเพลิงห้าสีปรากฏขึ้นมายื่นเข้าหาผมสีขาว!
หวังหลินไม่สามารถเอาชนะจักรพรรดิเทพได้ ฝ่ามือเพลิงห้าสีของจักรพรรดิเทพปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเส้นผมและคว้าเอาไว้
แต่วินาทีนั้นฝ่ามือเพลิงห้าสีก็สั่นเทา เส้นผมทะลุมันลงมา ทุกคนเห็นด้วยสองตา หวังหลินปรากฏขึ้นด้านข้างโดยไม่ลังเลและคว้าเอาไว้
“ขอบคุณสำหรับสมบัติที่จักรพรรดิเทพประทานให้!” หวังหลินหันกลับมาโค้งคำนับไปทางอารามเต๋าเทพ
…………………………………………