Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1979 การต่อสู้นองเลือด!
กระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นมากระแทกมังกรน้ำแข็ง ทั้งยังตรงเข้าใส่คนอีกสิบสองคนที่เข้ามาใกล้หวังหลินไปด้วย!
มองไกลๆ ฉากเหตุการณ์นี้คล้ายกับภาพวาด หากมีใครสักคนวาดมันขึ้นมาคงได้รับการส่งต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน!
บนภาพวาดมีกระทิงสีทองขนาดยักษ์พร้อมไปด้วยเซียนสิบสองคนล้อมรอบ มีหกคนอยู่ทางด้านซ้ายและขวาชี้ดัชนีเข้าหากระทิงสวรรค์
ทว่าร่างแต่ละคนสั่นเทาและกระอักโลหิตกระเด็นกลับไป ดัชนีและแขนแตกสลายเป็นกองโลหิต!
สามคนด้านหน้ากดฝ่ามือตัวเองลงไป แต่ร่างระเบิดเป็นหมอกโลหิตและยังล่าถอยอย่างรวดเร็ว!
ส่วนคนทั้งสามที่ใช้กระบี่แทงเข้าหน้าผากกระทิงสวรรค์ พวกเขาเริ่มล่าถอยแต่กระบี่ก็พังทลายและถูกกระทิงสวรรค์โจมตีใส่จนกระอักโลหิตและถอยร่น
กลุ่มที่น่าเวทนาที่สุดคือร่างเงาสีดำสามคน พวกเขาอาจจะพยายามครอบงำร่างหวังหลินแต่ในวินาทีนั้นได้มีกระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นมา ร่างเงาทั้งสามจึงถูกกระทิงสวรรค์กลืนกิน!
กระทิงสีทองร้องคำราม หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกก่อนจะชี้ออกไป กระทิงสีทองพุ่งตรงเข้าปะทะกับคนทั้งเก้าที่กลายร่างเป็นมังกรน้ำแข็งจนพวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน กระทิงสวรรค์ไม่หยุดแค่นั้นมันพุ่งตรงไปยังสุดถนนก่อนระเบิดตัวเอง!
พลังการระเบิดมากพอที่จะสั่นคลอนทั่วบริเวณและทำให้ทั้งเมืองทิศตะวันออกพังทลาย แต่การพังทลายนี้เกิดขึ้นกับสายลมและหิมะเท่านั้น สิ่งก่อสร้างไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
หวังหลินหรี่ตาแคบและก้าวไปข้างหน้า ปรากฏตัวเบื้องหน้าสามคนที่หลบหนีการไล่ล่าของกระทิงสวรรค์ หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นหมอกและเข้าห่อหุ้มอีกฝ่าย ทั้งดูดซับเลือดเนื้อและกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมจนเกิดเสียงร้องเกินพรรณนา จากนั้นสายหมอกก็แผ่กระจายไปหาที่เหลือ
หกคนที่ใช้ดัชนีต่างก็รีบถอย พอเห็นสายหมอกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มจึงเกิดความสิ้นหวังและถูกกลืนกินทันที!
ขณะเดียวกันดาบหยินผุดขึ้นมาในสายหมอกและฟาดฟันเข้าใส่ร่างที่กำลังหนีในท้องฟ้าจำนวนสามคน ร่างแต่ละคนสั่นเทาและถูกผ่าครึ่ง จากนั้นวิญญาณดั้งเดิมถูกสายหมอกดูดซับไป
เสียงสายลมและหิมะปะปนกับเสียงสะอึกสะอื้น หวังหลินที่ได้เปลี่ยนกลายเป็นหมอกพลันกวาดเข้าหาคนทั้งเก้ารอบตัวไฮ่จื่อ
ทั้งเก้าคนเป็นพยานรู้เห็นฉากอันน่าหวาดกลัวด้วยสองตาและล้มเลิกการโอบล้อมไฮ่จื่อ พวกเขาถอยหนีอย่างบ้าคลั่งแต่ความเร็วมิอาจเทียบกับสายหมอกหวังหลินได้ ดังนั้นจึงถูกไล่ตามทันและโดนสายหมอกที่แผ่กระจายไปเหลือทิ้งไว้เพียงโครงกระดูก!
รอบด้านเงียบสงัดและมีแต่โครงกระดูก สายหมอกที่เกิดจากหวังหลินได้กลับคืนมาอยู่ข้างไฮ่จื่ออีกครั้ง เขามีใบหน้าซีดและกระอักโลหิตลงบนหิมะเป็นภาพที่น่าตกตะลึง
“ไปกันเถอะ!” หวังหลินก้าวทะยานและพุ่งเข้าหาปลายสุดถนน
ไฮ่จื่อกัดริมฝีปากและติดตามไป การต่อสู้ครั้งนี้นางพบว่าเข้าร่วมสู้ได้ยากยิ่ง มีคนรุมมากกว่าสามสิบคน แต่ละคนล้วนมีระดับผู้สูงส่งชั้นฟ้า!
ไฮ่จื่อมีสหายหลายคนและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้า แต่นางไม่เคยเจอสามสิบคนนี้มาก่อน ทุกคนล้วนเป็นคนแปลกหน้า!
“พวกมันไม่ใช่เซียนผู้สูงส่งชั้นฟ้า ระดับบ่มเพาะแต่ละคนเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยการใช้พลังบังคับ! มันอยู่ได้ไม่นาน!” เหตุผลที่หวังหลินมั่นใจเป็นเพราะเขากลืนกินวิญญาณดั้งเดิมของพวกมันมากกว่าสามสิบคน หวังหลินต้องใช้มาสร้างเส้นชีพจรเซียนอีกสายแต่กลับพบว่าวิญญาณดั้งเดิมไม่บริสุทธิ์และยังต้องใช้เวลาหลอมรวมอีก
อย่างไรก็ตามแม้จะรวมทั้งหมดนี้แล้วก็ทำได้แค่สร้างเส้นชีพจรเซียนขึ้นได้อีกหนึ่งสายเท่านั้น และจากการดูดซับมาหวังหลินจึงมั่นใจว่าพวกมันมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น!
นี่เป็นราคาที่ต้องแลกไปอย่างมหาศาล เพิ่มระดับบ่มเพาะขึ้นอย่างมหาศาลถึงกับแลกมาด้วยชีวิตและอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง!
หวังหลินตอนนี้มีเส้นชีพจรเซียนอยู่ห้าสายและสามารถสร้างภาพติดตาได้ 98 ร่าง หากเขาสามารถสร้างเพิ่มได้อีกสาย ระดับพลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล
‘ในกับดักนี้มีเงาของราชครูอยู่ด้วย ข้ายังไม่ได้ขจัดพลังจากรูปทรงสี่เหลี่ยมไป ข้าทำได้แค่ชะลอมันไว้เท่านั้น หากยังแก้ไขผนึกนี้ไม่ได้ พลังต่อสู้ของข้าจะได้รับผลกระทบ!’ หวังหลินพุ่งเข้าหาสายลมและหิมะ เข้าใกล้สุดขอบถนนมากขึ้น
เขาค้นความทรงจำของวิญญาณดั้งเดิมพวกนั้นอย่างรวดเร็ว แต่มันเป็นภาพเลือนลางไปหมด มีใครบางคนได้ลบความทรงจำไปแล้ว
‘สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกไปด้วย ก่อนหน้านี้ข้าลองใช้พลังของกระทิงสวรรค์เพื่อทะลวงเขตอาคมแต่มันก็ไม่สะทกสะท้านเลย คนที่วางเอาไว้คงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก!’
‘คงไม่ต้องคิดถึงการให้มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มาช่วยเลย หากข้าวางกับดักนี้เองก็คงเตรียมการไว้สองอย่าง หนึ่งคือปิดบังกลิ่นอายทุกอย่างที่นี่และอีกเรื่องคือหาคนมาขัดขวางมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้!’
‘แน่นอนว่าทั้งหมดนี้แสร้งทำเป็นว่ามหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ไม่ได้เป็นคนวางเอาไว้ แต่สัญชาตญาณของข้าก็บอกว่าไม่ใช่จิ่วตี้เช่นกัน! คนที่วางกับดักนี้บางทีกำลังรอจังหวะสังหารข้าอยู่!’ หวังหลินคิดทุกอย่างด้วยความรวดเร็วพลางพุ่งเข้าหาปลายสุดถนนพร้อมกับไฮ่จื่อไปด้วย
แต่วินาทีนั้นมีสามร่างปรากฏขึ้นมาในสายลมและหิมะ สามร่างทะยานขึ้นไปในอากาศและจ้องมองหวังหลิน จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีแดงสามสายเข้ามาใกล้
ทั้งสามคนยังไม่เข้ามาใกล้แต่พลังใกล้เคียงกับผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกาย
ด้านหลังสามคนนั้นมีคนก้าวเดินออกมาจากสายลมหิมะอีกสองคน สองคนนี้มีระดับผู้สูงส่งชั้นเทวะ ทั้งสองยกแขนขึ้นมาอย่างเยือกเย็นและมีสายลมสีดำหวีดหวิวกลายเป็นอสรพิษสีดำสองตัวม้วนอยู่ในท้องฟ้า
‘ผู้ส่งสาส์นเกราะวิญญาณ!!’ หวังหลินจำทั้งสองคนนั้นได้เพียงแค่ชำเลืองมอง!
‘สองคนนี้ดูไม่ค่อยคุ้นหน้า ข้าเคยเห็นผู้สูงส่งชั้นเทวะที่เหลืออีก 48 คนในสำนักตะวันม่วงแต่ไม่เคยเห็นหน้าสองคนนี้และไม่มีใครที่มีเกราะวิญญาณ…พวกนั้นต้องยกระดับบ่มเพาะมาถึงผู้สูงส่งชั้นเทวะผ่านวิธีพิเศษและจากนั้นก็ได้รับเกราะวิญญาณ!’
‘ในเมืองหลวง คนเดียวที่สามารถทำเช่นนี้ได้คือจักรพรรดิเทพ!’
หวังหลินมีสายตาเย็นเยียบ ยกเท้าขึ้นมาและใช้แขนซ้ายผลักไฮ่จื่อไปข้างๆ
“ไฮ่จื่อถอยกลับไป พวกมันจะไม่ทำอันตรายเจ้า อย่าเข้าร่วมการต่อสู้นี้!”
“หวังหลิน…” ไฮ่จื่อดูเคร่งเครียดและต้องการอธิบาย แต่หวังหลินใช้แขนซ้ายผลักนางออกมาไกลหลายร้อยฟุต นางมองดูหวังหลินพุ่งเข้าหาทั้งห้าคนราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ!
ทั้งห้าคนนั้นมีสามคนสวมชุดสีขาวและสองคนสวมชุดสีดำ พวกเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงห้าเส้นพุ่งเข้ามาใกล้หวังหลินอย่างรวดเร็ว!
สายลมหิมะโหมกระหน่ำบนถนนที่ปกคลุมไปด้วยซากศพ สายลมหิมะทวีความรุนแรงมากขึ้นพร้อมด้วยคนทั้งหกที่เริ่มการเข่นฆ่าสังหารรอบที่สอง!
“ฆ่า!!” หวังหลินร้องคำรามด้วยแววตาแดงฉาน แขนขวาเปลี่ยนกลายเป็นดาบหยินพุ่งเข้าไปกับเขา
การต่อสู้แห่งความตายนี้ไม่มีอะไรหวือหวา สามคนชุดขาวด้านหน้าไม่ได้ใช้วิชาอะไรมากมาย หนึ่งคือรวมพลังเปลี่ยนกลายเป็นสายลมหิมะกวาดเข้าหาหวังหลิน!
ส่วนวิชาที่สองคือการทำลายตัวเอง!!
เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หลังจากหวังหลินใช้ดาบผ่าสายลมหิมะไป เขาก็เผชิญหน้ากับการทำลายตัวเองของสามคนชุดขาว หวังหลินพลันสะบัดแขนขวา
ประทับวิญญาณสงครามทั้ง 99 วิชาก่อเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา มีสมจริงอยู่ 92 วิชาและควบแน่นเข้าด้วยกันเพื่อต่อต้านพลังทำลายล้างของเซียนชุดขาวสามคน
ถึงจะเกิดเสียงดังกึกก้องก็ไม่สามารถทำให้เขตอาคมที่นี่พังทลายได้ เพียงหวังหลินพุ่งทะยานออกไป ชายชุดดำอีกสองคนที่ห่อหุ้มด้วยอสรพิษสีดำได้พุ่งทะยานเข้าหาเช่นกัน
เกิดการปะทะเสียงดังสนั่น ชายชุดดำสองคนกระอักโลหิต หนึ่งในนั้นระเบิดร่าง ส่วนอีกคนมีเส้นโลหิตยาวผุดขึ้นบนหน้าผากก่อนจะถูกผ่าครึ่ง!
หวังหลินพุ่งต่อไปอีกร้อยฟุตจนร่างกายเดินเซ ดาบหยินแทงลงไปในพื้นพลางกระอักโลหิตเป็นไอสีขาวออกมา!
ขณะที่หวังหลินประคองตัวเองด้วยดาบหยิน ดัชนีข้างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง มันตรงเข้าสู่หลังมือของหวังหลินอย่างเงียบงัน!
ดัชนีนี้มีพลังประหลาดที่ไม่อาจอธิบายได้ราวกับไม่มีอยู่จริง แต่มันปรากฎขึ้นมาเหมือนมหาชั้นฟ้าที่สามารถสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้!
ดัชนีชี้ลงไป พออยู่ห่างจากหวังหลินเจ็ดนิ้ว หวังหลินไม่ได้หันกลับมาแต่พุ่งไปข้างหน้าเอี้ยวตัวมาแทน ดาบหยินที่แทงใส่พื้นดินจึงตวัดไปข้างหลังเข้าปะทะกับดัชนี!
ดาบหยินของหวังหลินเกิดรอยแตกร้าวจำนวนมาก เศษดาบนับไม่ถ้วนสะท้อนผ่านแววตาที่สงบนิ่งของหวังหลิน คล้ายกับเขาไม่ประหลาดใจที่ดาบแตกสลาย ตอนนี้สายตาหวังหลินเป็นสีทองแพรวพราว!
แสงสีทองนี้มาจากร่างอวตารที่แข็งแกร่งที่สุดในมิติว่าง เขายังไม่เคยใช้ร่างอวตารเพราะกำลังรอให้ดัชนีข้างนี้ปรากฏขึ้นมา!
มันคือดัชนีของคนที่วางรูปทรงสี่เหลี่ยมเพื่อลดพลังต่อสู้ของหวังหลิน!
เมื่อแสงสีทองปรากฏขึ้นมาในแววตา เขตอาคมในร่างหวังหลินจึงอ่อนแอลงอย่างยิ่งและแตกสลาย ระดับบ่มเพาะทั้งหมดฟื้นคืนมา แสงสีทองสะท้อนเศษดาบหยินออกไปจนกลายเป็นค่ายกล!
แก่นแท้เขตอาคมของหวังหลินนั้นสมบูรณ์ไปแล้ว เขาจึงสามารถวางค่ายกลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ!
หวังหลินใช้เศษดาบหยินสะท้อนแสงจากดวงตาไปสร้างค่ายกลขนาดเล็ก จากนั้นยกแขนซ้ายขึ้นมาเข้าหาแสงสีทองและชี้ใส่ดัชนีที่กำลังชี้มาหาเขา!
…………………………………