Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1982 ความเงียบของไฮ่จื่อ
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?!” ไฮ่จื่อหน้าซีด แววตางดงามเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเกินอธิบาย ร่างกายถอยหลังโดยไม่รู้ตัวทันทีที่หวังหลินเดินเข้ามา
“หวังหลิน? ข้าไม่ได้ชื่อหวังหลิน ชื่อข้า…ควรจะเป็น…มือสังหาร!” หวังหลินผมดำก้าวเข้าหาไฮ่จื่ออย่างช้าๆ สีหน้าท่าทางเย็นเยียบไร้อารมณ์ความรู้สึกและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ร่างแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลินมีท่าทีเคร่งเครียด เขาอยู่ข้างไฮ่จื่อ สายตาจ้องมองหวังหลินผมดำ รอบตัวมีแก่นแท้สายฟ้า แก่นแท้จุดเริ่มต้นแท้จริงและแก่นแท้นามธรรมทั้งสามที่ส่องสว่างราวกับกำลังร่วมกันต่อต้านหวังหลินผมดำ
“มือสังหารจุติลงมาบนโลกนี้และแทนที่แสงไฟให้กลายเป็นการทำลายล้าง…ทุกชีวิตจะต้องทนทุกข์ทรมานไม่รู้จบ…” ไฮ่จื่อถอยหลังด้วยความกลัว จังหวะนั้นร่างแก่นแท้ห้าธาตุของหวังหลินก้าวเดินออกมา เขาเป็นตัวแทนของแก่นแท้เข้าเผชิญหน้ากับหวังหลินผมดำ
“เจ้าเป็นแค่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุและเหล่าแก่นแท้ เจ้าต้องการหยุดข้า?” หวังหลินผมดำมองร่างแก่นแท้ห้าธาตุ
“ในเมื่อข้าปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ข้าจะไม่กลับไปจนกว่าการเข่นฆ่าและทำลายล้างจะจบสิ้น! เจ้า…หายไปซะ!” หวังหลินผมดำมีแววตาไร้แสงไฟพลางสะบัดแขนเข้าใส่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุ
เพียงเท่านั้นร่างแก่นแท้ห้าธาตุเผยอาการดิ้นรนแต่ก็แตกสลายไปทันที ร่างแก่นแท้นั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นแก่นแท้ทั้งห้าลอยกลับเข้าสู่แขนขวาหวังหลินผมดำก่อนจะเลือนหายไป
“ตอนนี้จงบอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร!” หวังหลินผมดำหยุดอยู่เบื้องหน้าไฮ่จื่อและมองมาที่นาง น้ำเสียงเย็นเยียบและแฝงจิตสังหาร
ไฮ่จื่อหน้าซีดและอ้าปากเตรียมจะพูด ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดสิ่งใด
“จิ่วตี้ไม่ได้เชิญชวนข้าไปที่ภูเขาจักรพรรดิ ใช่หรือไม่?”
“กับดักนี้ใช้เจ้าเป็นเหยื่อเพื่อล่อข้าออกมา ใช่หรือไม่?”
“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ ตัวตนของเจ้า นอกจากการเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าไฮ่จื่อ เจ้าก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักของราชครูด้วย ใช่หรือไม่?”
“ตอนที่อยู่ในทะเลขุนเขา ฝ่ามือแตกไม่ได้บ้าคลั่ง มันเลือกโจมตีเจ้าเพราะเจ้าก็เหมือนกับข้า เราต่างก็ไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินเซียนดารา ข้ามาจากโลกถ้ำ ส่วนเจ้า…มาจากนอกแผ่นดินเซียนดารา…”
“ที่จะพูดคือ สำนักของราชครูมาจากภายนอกแผ่นดินเซียนดารา…” หวังหลินผมดำพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง ทุกคำทำให้ใบหน้าไฮ่จื่อซีดมากขึ้น นางกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบไปนานก่อนจะมองหวังหลิน
“ร่างดั้งเดิมของข้ายังอ่อนโยนเกินไปหน่อย…เจ้าน่าจะมองออก แต่เขาเลือกที่จะไม่เชื่อมัน” หวังหลินผมดำส่ายศีรษะ ยกแขนขวาขึ้นมาด้วยสายตาไร้ความรู้สึก กระแทกลงใส่ไฮ่จื่อ
เขากำลังจะสังหารนาง!
ฝ่ามือนี้มากพอที่จะทำลายทั้งร่างและวิญญาณดั้งเดิมของนาง!
ไฮ่จื่อไม่หลบ นางหลับตาและมีหยาดน้ำตาไหลลงสองแก้ม นางไม่อธิบายอะไรเลย
ฝ่ามือเข้าใกล้ไฮ่จื่อ พออยู่ห่างไม่ถึงสามนิ้วและนางดูเหมือนกำลังแตกสลาย วินาทีนั้นพลังแหลมคมที่สามารถทะลวงโลกได้ปรากฏขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าด้านหลังไฮ่จื่อ พลังนี้เปลี่ยนกลายเป้นร่างหลังค่อมเล็กน้อยและดูเหมือนชายชรา แขนซ้ายดึงไฮ่จื่อกลับมา ขณะเดียวกันก็ยกแขนขึ้นมาชนกับฝ่ามือหวังหลิน
ร่างหวังหลินผมดำสั่นเทาและกระเด็นกลับไป เสียงปะทุดังขึ้นทั่วร่างราวกับกำลังระเบิด หลังจากถอยไปเจ็ดก้าว ร่างกายก็แตกสลายเป็นควันสีดำแต่ก็ฟื้นคืนได้ในทันที
หวังหลินผมดำหยุดลงในก้าวที่เก้า ใบหน้าท่าทางเป็นปกติและไม่ประหลาดใจเลย สายตามองชายชราที่ออกมาช่วยไฮ่จื่อเอาไว้
“จิ่วตี้!”
ชายชราคือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ สีหน้าท่าทางดูเคร่งขรึม หลังจากช่วยไฮ่จื่อเอาไว้เขาก็มองมาที่หวังหลินเช่นกัน
หวังหลินผมดำพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ในกับดักนี้ นอกจากพลังของราชครูแล้ว ก็มีพลังของท่านอยู่ด้วย”
“ทำลายล้างและสังหาร…ข้าสงสัยอยู่แล้วว่าเจ้าใช้อะไรถึงผ่านตำหนักระดับสิบเจ็ดได้ ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้า แค่เพราะวิญญาณคงไม่มากพอที่จะผ่านระดับนั้นไปได้…”
“แสดงว่าเจ้ามีพลังที่เป็นตัวแทนของการสังหารและการทำลายล้าง!” จิ่วตี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ฝ่ามือนั้นมีพลังของมหาชั้นฟ้า แต่มันกลับบังคับให้หวังหลินกลับไปได้เพียงเก้าก้าวเท่านั้น!
“นี่คือเหตุผลที่ท่านเข้าร่วมในกับดักนี้ด้วยใช่หรือไม่…หรือท่านแค่สังเกตได้และฉวยโอกาสเพื่อขจัดข้อสงสัยในใจ?” แววตาหวังหลินสงบนิ่งจนเย็นเยียบ หลังจากเอ่ยขึ้นมาจึงพุ่งทะยานเข้าหาจิ่วตี้จริงๆ!
เป็นครั้งแรกที่เขาโจมตีมหาชั้นฟ้า!
แต่การโจมตีนี้ไม่ได้ทำให้จิ่วตี้รู้สึกดูถูก มันทำให้เขายิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก เขายกแขนขวาขึ้นมา โลกพลันเปลี่ยนสีสัน สายลมหิมะควบแน่นกลายเป็นกระบี่หิมะกวาดเข้าหาหวังหลิน
“ข้าเป็นตัวแทนของการทำลายล้างและควบคุมการสังหาร…” หวังหลินผมดำยกแขนขึ้นมาชกกำปั้นเข้าใส่กระบี่หิมะ!
กำปั้นปะทะกับกระบี่จนเกิดเสียงดังสนั่น กระบี่หิมะแตกสลายแต่ร่างหวังหลินก็แตกสลายไปเป็นควันสีดำนับไม่ถ้วนเช่นกัน เขาเปลี่ยนทิศทางในทันทีและพุ่งเข้าหาจิ่วตี้ต่อไป
จิ่วตี้ขมวดคิ้ว ขณะที่ควันสีดำจำนวนมากเข้าใกล้ จึงยกแขนขึ้นมาสร้างเป็นวงกลมเบื้องหน้า พริบตานั้นเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าคล้ายกับปรากฏดวงอาทิตย์ขึ้น แสงนี้สร้างผนึกและแผ่กระจายออกจากมืออย่างรวดเร็ว
แสงกระจายและเข้าปะทะกับควันสีดำ ราวกับเป็นการเผชิญหน้ากับความมืดและแสงสว่าง จากนั้นแสงก็หายไป จิ่วตี้ไม่เคลื่อนไหวเลยทว่าสายตาเผยแสงลุกโชน!
ควันสีดำเบื้องหน้าเขาปกคลุมแสงไฟและก่อตัวเป็นหวังหลินผมดำเบื้องหน้าจิ่วตี้
“เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้!” มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มองดูหวังหลิน ใบหน้าแก่ชราย้อนวัยกลับเป็นวัยกลางคน ดวงตาเปล่งประกาย
หวังหลินผมดำพูดขึ้น “เจ้าไม่สามารถซ่อนงำความคิดสังหารและการทำลายล้างได้”
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว…ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมดำ…หวังหลิน ข้าประเมินเจ้าต่ำไป! ครั้งนี้ไฮ่จื่อไร้เดียงสา ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าและเรื่องราวในวันนี้ถือว่าจบกัน!” จิ่วตี้ยื่นมือออกไปและมีแสงสีทองกะพริบวาบ เศษวัตถุสีทองขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นมา
“ข้าสังเกตร่างเจ้าและค้นพบร่องรอยของกระบี่ เศษชิ้นนี้สามารถช่วยให้แก่นแท้โลหะของเจ้าสมบูรณ์ขึ้นมาได้!” จิ่วตี้สะบัดแขนส่งเศษวัตถุสีทองเข้าหาหวังหลิน มันลอยอยู่ตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย
หลังจากมอบเศษกระบี่ไปแล้ว จิ่วตี้มองหวังหลินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันตัวกลับและจากไปพร้อมไฮ่จื่อที่กำลังขบคิดเงียบๆ
เพียงเขาหายตัวไป ผนึกรอบถนนก็เลือนหายแต่ซากปรักหักพังยังคงอยู่ชั่วกาลนาน
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นสลายความมืดและทอแสงลงสู่พื้นดิน
หวังหลินผมดำยืนอยู่ตรงนั้นและมองไปยังท้องฟ้า ขบคิดเงียบๆ อยู่นาน
เพียงเวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นไปในท้องฟ้า แสงสาดกระจายดุจระลอกคลื่น แผ่ไปทั่วเมืองรองทิศตะวันออก
เมื่อระลอกคลื่นที่เป็นตัวแทนของแสงเข้ามาถึงถนน หวังหลินก็ยังไม่เคลื่อนไหว เขามองแสงที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันผ่านร่างเขาไป
เรือนผมหวังหลินค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำไปเป็นสีขาว แววตาเย็นเยียบและความไม่แยแสได้เปลี่ยนกลายเป็นความอ่อนล้าและมืดมัว
หวังหลินไม่ได้ใช้วิธีอะไรในการระงับมือสังหารที่ครอบงำร่างดั้งเดิม เพราะเขาเข้าใจดีว่าเมื่อมือสังหารลงมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
‘ตั้งแต่นี้ต่อไป ใต้ดวงตะวัน ข้าเป็นหวังหลินผมขาว…ในความมืด ข้าเป็นมือสังหารผมดำ…เหมือนตะวันขึ้นและตะวันตก ยากนักที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง โชคดีที่ข้ามีพลังจากร่างอวตารในมิติว่างเพื่อระงับมันได้เล็กน้อยและยังประคองสติได้’
สีดำและสีขาวคงอยู่บนร่างหวังหลินไปตลอดกาล
หวังหลินถอนหายใจ เขาไม่ได้ตั้งใจไล่ตามไฮ่จื่อ สะบัดแขนขวารับเศษกระบี่และหยิบเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ก่อนจะก้าวเดินออกไปไกล
‘ถึงเวลาจากไปแล้ว…ทุกสิ่งทุกอย่างในเผ่าเทพ ไม่ว่าจะเป็นความลับหรือต้นกำเนิด ข้าไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว’
ร่างหวังหลินเลือนหายออกไปไกล ตอนนี้เป็นยามรุ่งเช้า หิมะตกลงอย่างต่อเนื่อง
หิมะคราวนี้ตกอยู่พักใหญ่ สองวันต่อมามันจึงปกคลุมพื้นดินเหมือนผ้าคลุมชั้นหนา
หวังหลิน หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรยืนอยู่นอกประตูทิศตะวันออก เขามองด้านหลังไปหาเมืองหลวงและรอคอยอย่างสงบนิ่ง
ไม่นานหลังจากนั้นหลิวจินเปียวที่กำลังรออย่างตื่นเต้น จึงเห็นร่างสองคนปรากฏขึ้นมาไกลๆ หนึ่งในนั้นสวมเสื้อสีแดงตัวใหญ่ เขาคือฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วมีใบหน้าสับสน หลายวันที่ผ่านมาเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเรียกหา ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกจึงพาตัวเองมาที่ประตูทิศตะวันออก
ด้านข้างมีเหลียนต้าวเฟยเดินเชิดหน้ามาด้วย เขาเองก็มาที่นี่เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเรียกหาเช่นเดียวกับฉวี่ลี่กั๋ว มันทำให้เขารำคาญจึงต้องตัดสินใจมาดู
“เอ๋? นั่นเจ้า! บัดซบ เจ้ายังปรากฏตัวเบื้องหน้าราชาผู้นี้อีกหรือ!?” พอเหลียนต้าวเฟยเห็นหวังหลิน ดวงตาจึงเบิกกว้าง ม้วนแขนเสื้อขึ้นและกำลังจะพุ่งออกไป
พอฉวี่ลี่กั๋วเห็นหวังหลิน เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
หวังหลินถอนหายใจพลางมองเหลียนต้าวเฟยที่พุ่งเข้ามา สายตามองฉวี่ลี่กั๋วและพูดขึ้นเบาๆ “ฉวี่ลี่กั๋ว ข้าจะไปแล้ว เจ้าจะอยู่ที่นี่หรือไปกับข้า?”
พอคำพูดหวังหลินเข้าถึงจิตใจฉวี่ลี่กั๋ว ความคิดเขาก็สั่นสะท้าน ผนึกคลายออกและความทรงจำหลายอย่างในปรากฏขึ้นในใจ
…………………………………………