Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1983 มีเสืออยู่บนภูเขา!
ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นสะท้านพลางจ้องหวังหลินอย่างตกตะลึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในใจทำให้น้ำตาไหลบนสองแก้ม
เขาจำหวังหลินได้และจำได้ว่าถูกหวังหลินหลอมไปเป็นปิศาจได้อย่างไร
เขาจำได้ว่าติดตามหวังหลินมาหลายพันปี จำทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคำพูดจากอสูรร้ายผู้เป็นเจ้านาย
เขาจำได้ว่าเขาตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์หลังจากออกมาจากโลกถ้ำ
“นะ…นายท่าน!!” ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นเทา ดวงตาเบิกกว้าง รีบก้าวเท้าเข้ามาและเดินมาอยู่ข้างหวังหลิน ทั้งยังผลักหลิวจินเปียวที่กำลังทักทายออกไปด้วย
หลังจากผลักหลิวจินเปียวที่กำลังตกตะลึง ฉวี่ลี่กั๋วยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่หลิวจินเปียวยืนอยู่ ส่ายหน้าไปมาจนกลายเป็นใบหน้าประจบประแจงที่เคยใช้มาตลอด
“นายท่าน ในที่สุดฉวี่น้อยก็ได้เจอท่านอีกครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉวี่น้อยฝันถึงนายท่านทุกคืน ข้าแทบรอไม่ไหว”
“นายท่าน ความภักดีของฉวี่น้อยไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาหรอก แม้ชีวิตจะแตกต่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง ชาตินี้ท่านเป็นนายข้า และชาติหน้า ชาติหน้าหน้า ชาติหน้าหน้าหน้าก็ยังเป็นต่อไป”
“นายท่านอย่างทิ้งข้าเลย ให้ข้าติดตามท่านเถิด แม้ข้าจะต้องตะลุยภูเขาแห่งคมดาบหรือลงไปในทะเลเพลิง ข้าฉวี่ลี่กั๋วก็ไม่ปริปากบ่น!”
“นายท่าน ถึงแม้ข้าจะเจอท่านสายเกินไป ข้าติดตามท่านนานที่สุด แม้อาจจะมีคนโชคดีได้พบท่านไปก่อน แต่จะเทียบกับความภักดีของข้าได้อย่างไร? นายท่าน ในที่สุดข้าก็เจอ!!” ฉวี่ลี่กั๋วพูดพลางบีบน้ำตา ส่วนหลิวจินเปียวจ้องมองจากด้านข้างด้วยความตกตะลึง
ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วกำลังร้องตะโกนทั้งยินดีและตื่นเต้น เขายังไม่ลืมจ้องมองหลิวจินเปียวอย่างดุร้ายราวกับกำลังบอกหลิวจินเปียวว่าตัวเขาเองคือทาสรับใช้หมายเลขหนึ่งของนายท่าน!
‘ฮึ่มฮึ่ม ไม่มีใครรู้จักอสูรร้ายตัวนี้ดีไปกว่าข้าหรอก ตอนที่ปู่ฉวี่เจ้าติดตามอสูรตัวนี้ จินเปียวน้อยยังไปไล่หลอกหลวงผู้คนอยู่ไหนไม่รู้ เจ้ากล้าขโมยความดีความชอบของนายท่านไปจากข้าได้อย่างไร? บัดซบ หลิวจินเปียวต้องคิดข่มข้าแน่ๆ!’
‘ฮึ่ม ข้าต้องสั่งสอนมันว่าปู่ฉวี่ไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นได้!’
พอโดนฉวี่ลี่กั๋วจ้องมอง หลิวจินเปียวรู้สึกจิตใจสั่นเทาในทันที ฉวี่ลี่กั๋วทิ้งภาพน่ากลัวสำหรับเขาเอาไว้ เขาจึงลังเลและกำลังจะเอ่ยขึ้นมาแต่มีเสียงคำรามดังจากด้านข้าง
มังกรสมุทรที่หดเหลือเพียงเท่านิ้วก้อยและกำลังนอนบนไหล่หลิวจินเปียวอย่างขี้เกียจพลันมองขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อ “ฉวี่ลี่กั๋ว” มันจ้องฉวี่ลี่กั๋วอย่างดุร้ายและร้องคำราม
หลิวจินเปียวเผยท่าทีภูมิใจ ถ้าหวังหลินไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาคงหัวเราะไปแล้ว
‘ฮ่าฮ่า โชคดีที่ข้าเตรียมการล่วงหน้าไว้และมีมังกรสมุทรตัวนี้ ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าตอนนี้ฉวี่ลี่กั๋วจะโอหังได้อย่างไร!’ หลิวจินเปียวเอามือตบหลังมังกรสมุทร เขามองฉวี่ลี่กั๋วอย่างเหน็บแนม
หวังหลินไม่สนใจการปะทะสายตาของทั้งสองและมองดูเหลียนต้าวเฟยที่ตกตะลึงกับคำพูดของฉวี่ลี่กั๋ว
ตอนนี้เหลียนต้าวเฟยลืมเรื่องสร้างปัญหากับหวังหลินไปแล้ว เขามองฉวี่ลี่กั๋วแทนและกำลังจะร้องไห้
“น้องแดง…น้องแดง เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ? หา? ข้าไม่ใช่เจ้านายเจ้า? เขากลายมาเป็นเจ้านายเจ้าได้อย่างไร? ข้าหรือเขาที่เป็นนายเจ้า? ใครเป็นเจ้านายของเจ้า…” เหลียนต้าวเฟยเริ่มกระวนกระวายและคว้าฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วเพิ่งจำได้ว่ามีคนหนึ่งมาด้วยกันและมองกลับไปที่เหลียนต้าวเฟย หลังจากความทรงจำฟื้นคืนมาได้ สายตาจึงมองเหลียนต้าวเฟยแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ คล้ายกับว่าเขาได้ร่วมมือกับหลิวจินเปียวเพื่อขโมยโลหิตของเหลียนต้าวเฟยมา
“ปล่อยมือเจ้าซะ นายท่านผู้ทรงเกียรติของปู่ฉวี่คนนี้ก็คือ อ…อภิมหาเจ้านายที่มีไหวพริบและเปล่งจิตสังหารได้ทรงพลัง!!” เขารีบมองมาที่หวังหลิน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาอยู่ห่างจากอสูรร้ายนี้นานเกินไปและเกือบพูดเรื่องไม่เข้าหู
“ออกห่างไปจากข้านะ! อย่ามารบกวนปู่ฉวี่!” ฉวี่ลี่กั๋วรีบออกมาเป็นอิสระและถอยมาหลายก้าว เชิดอกขึ้นมาเป็นสัญญาณแห่งความภักดี
เหลียนต้าวเฟยเต็มไปด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ดวงตาพลันเป็นสีแดง เขาเริ่มร้องคำรามใส่หวังหลิน
“เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำร้ายปู่ของน้องดอกไม้และตอนนี้ก็ยังมาขโมยน้องแดงไปอีก น้องแดง อาาาา น้องแดงงงงง น้องแดงงงง….” เหลียนต้าวเฟยพุ่งออกไปพยายามบีบคอหวังหลิน
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยที่ส่งเสียงดังเบื้องหน้าด้วยท่าทีซับซ้อนและถอนหายใจ
“เหลียนต้าวเฟย…ข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อมาดูเจ้า…ในเมื่อเจ้าจำข้าไม่ได้ ก็ถือว่าเรื่องในโลกถ้ำเป็นความฝันแล้วกัน เหลียนต้าวเฟย…ข้าจะไปแล้ว” หวังหลินหลับตาและยอมให้เหลียนต้าวเฟยมาบีบคอ ชั่วจังหวะนั้นมีพลังเบาบางสายหนึ่งผลักดันเหลียนต้าวเฟยออกไปหลายสิบฟุต
หวังหลินลืมตาและก้าวเดินไปยังป่าด้านนอกเมือง
ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวรีบติดตามไปและไม่สนใจเหลียนต้าวเฟย ทว่าเมื่อเทียบกับความโอหังของหลิวจินเปียวแล้ว ฉวี่ลี่กั๋วค่อนข้างโกรธเกรี้ยวและเจ้ามังกรสมุทรบนไหล่หลิวจินเปียวก็จ้องมองเขาอย่างดุร้ายเช่นกัน
‘บัดซบ นี่ไม่ดีแล้ว ปู่ฉวี่มีตาคู่เดียว แต่เจ้าบัดซบหลิวจินเปียวนั่นกับเจ้าอสรพิษน่าเหลียดมีดวงตาถึงสองคู่…ข้าต้องคิดหาทาง…ไม่เช่นนั้นข้าไม่สามารถประคองตำแหน่งไว้ได้’ ฉวี่ลี่กั๋วพึมพำในใจ
ขณะที่ทั้งสามคนเดินออกไป เหลียนต้าวเฟยยืนอยู่ตรงประตู สายตาทอดมองกลุ่มหวังหลินและพึมพำต่อไป
“น้องแดง…น้องแดง…ทำไมเจ้าถึงจากไปแบบนี้…บัดซบ เจ้ากล้าขโมยน้องแดงของราชาผู้นี้ได้อย่างไร ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่ ไม่สิ ข้าจะไปบอกอาจารย์!”
“ฮึ่มฮึ่ม อาจารย์ข้าทรงพลังมาก เขา…เขา…” เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงพลางมองร่างชุดขาวที่กำลังเดินออกไป
“หวังหลิน…หวังหลิน…” เหลียนต้าวเฟยร่างสั่นเทาราวกับผนึกบางส่วนในความทรงจำคลายออก เขาดูคล้ายจะจำอะไรบางอย่างได้
“โลกถ้ำ หวังหลิน…ตื่นขึ้น…” เหลียนต้าวเฟยตัวสั่นอีกครั้งและมีภาพหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจ
ในภาพนั้นเขาได้ช่วยคนตรงหน้าเอาไว้และจมดิ่งไปในความฝัน ในความฝันเขามักจะมองร่องรอยอักขระบนแขนตัวเอง
เขายกแขนขึ้นมามองโดยไม่รู้ตัว เห็นรอยประทับฝ่ามือค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนแขนที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้า
ประทับฝ่ามือนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเพราะมีคนกุมแขนเขาเอาไว้นานโดยไม่ปล่อยไปเลย
หยาดน้ำตาไหลรินลงมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันไหลลงแก้มและหยดลงพื้น เขาค่อยๆ จำได้เลือนลาง!
เขาจำได้ว่าในโลกถ้ำ เขาเจอกับร่างศพ เขาใช้โลหิตของตัวเองเพื่อฟื้นคืนชีพร่างศพนั้น…
เขาจำได้ว่าร่างศพนั้นชื่อหวังหลิน หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมา หวังหลินก็ดีกับเขามาก…
เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเต๋าแห่งความฝันได้…
ทั้งยังจำได้อีกว่าเขาตื่นขึ้นอีกครั้งและเห็นพี่ชายตัวเอง จากนั้นทุกอย่างก็เลือนลางไปหมดราวกับความทรงจำถูกผนึก พี่ใหญ่คล้ายกับร่ายวิชาบางอย่างใส่เขา!
เขาจำได้อย่างเดียวว่ามีสายตาโหดเหี้ยมออกมาจากพี่ใหญ่ สายตานั้นทำให้เขารู้สึกกลัวและอยากขอให้หวังหลินช่วย
เขาจำได้แล้ว!!
เหลียนต้าวเฟยตัวสั่นและร้องตะโกน “หวังหลิน…หวังหลิน…หวังหลิน!!!!! อาจารย์!!!”
เมื่อเสียงเขาดังออกไป ทำให้ร่างหวังหลินสั่นเทา ความหมายภายในคำพูดนั้นทำให้หัวใจหวังหลินสั่นสะท้านและหันกลับมาทันที
สายตาพลันหดเล็กลงและเห็นวังวนสีทองปรากฏขึ้นด้านหลังเหลียนต้าวเฟย มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา!
คนผู้นี้สวมชุดอันสูงศักดิ์และมีมงกุฎ เขาคือจักรพรรดิเทพ ถึงจะมีสายตาอ่อนโยนแต่แขนขวาร่อนลงบนไหล่ของเหลียนต้าวเฟย
เหลียนต้าวเฟยมีสายตาสับสนอีกครั้ง ประทับฝ่ามือบนแขนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หวังหลิน ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะไปแล้ว ข้าจะไม่ไปส่งแล้วกัน ความทรงจำของต้าวเฟยดูเหมือนกำลังฟื้นคืน ดังนั้นข้าจะพาเขาไปจุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพที่อยู่ใต้วัง บางทีเขาจะสามารถฟื้นคืนได้เต็มที่” จักรพรรดิเทพยิ้มให้กับหวังหลิน จากนั้นก้าวถอยกลับเข้าไปในวังวนพร้อมกับเหลียนต้าวเฟย ทั้งคู่เลือนหายไป
สายลมหิมะพัดต่อไป ทุกอย่างราวกับภาพมายาจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้นเป็นพยานรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากขบคิดไปชั่วขณะ ดวงตาเผยแสงสีทองมหึมา!
‘จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพอีกแล้ว!! คำพูดของเขายังบอกว่ามันอยู่ใต้วัง! เขาต้องการให้ข้าไปจริงๆ!’ หวังหลินมีสีหน้ามืดมนพลางจ้องมองเมืองหลวง
“เสียงเรียกของเหลียนต้าวเฟยก่อนหน้านี้บ่งบอกชัดเจนว่าความทรงจำกำลังตื่น…บางทีทั้งหมดนี้เป็นเพราะแผนของจักรพรรดิเทพ เขาใช้เหลียนต้าวเฟยเพื่อล่อให้ข้าไม่ออกไปไหน บังคับให้ข้าไปในวัง…”
‘อันดับแรกข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในวังช่วงระหว่างพิธีแต่งตั้ง จากนั้นก็เป็นกับดักบนถนน จักรพรรดิเทพต้องเกี่ยวข้องแน่นอน เขาต้องการจับข้าเพื่อพาเข้าไปในวังแต่ก็ล้มเหลว ส่งผลให้ข้าต่อสู้กับจิ่วตี้…’
‘เขาไม่อยากลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงใช้เหลียนต้าวเฟยล่อข้าให้ไปในวัง!’
‘จุดปิดด่านบ่มเพาะของบรรพชนเทพ วังหลวง…มีความลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้นถึงทำให้จักรพรรดิเทพพยายามพาข้าเข้าไป? ข้าควรไปหรือไม่?’ หวังหลินขบคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!
บางครั้ง แม้จะรู้ว่ามีอันตราย ก็ยังต้องเดินไปเส้นทางนั้นต่อไป!
หวังหลินสูดหายใจลึกและสะบัดแขนเก็บฉวี่ลี่กั๋ว หลิวจินเปียวและมังกรสมุทรกลับเข้าไปในมิติเก็บของ หิมะยามเช้ากำลังตกลงมา ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือวังหลวง!!
…………………………………………