Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1985 ราชครู!
เหล่าเซียนที่กำลังเข้ามาจากทั่วสารทิศพลันหยุดลงเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ ใบหน้าแต่ละคนซีดเผือดและเต็มไปด้วยความกลัว สายตาทุกคนรวมมาที่หวังหลิน
“หิมะดำอาจไม่เคยได้ตกลงสู่วังหลวง” หวังหลินผมดำพูดขึ้นพลางสะบัดแขนขวา ความมืดบนท้องฟ้าปกคลุมวังหลวง หิมะตกลงทั้งด้านในและด้านนอกวัง
หิมะตกคล้ายเกิดเสียงเพลงแห่งกาลเวลา วังหลวงขนาดใหญ่เริ่มทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว
ทว่าในวินาทีนั้นแสงสีทองจากรูปปั้นบรรพชนเทพโผล่ออกมา แสงสีทองเกิดระลอกคลื่นและห่อหุ้มวังหลวงเอาไว้
มันคือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดของวังหลวง มันไม่ยอมให้วังแห่งนี้ถูกทำลาย!
ภายในแสงสีทองคล้ายกับมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรูปปั้นบรรพชนเทพ เขาสวมชุดสีขาวและมองหวังหลินไกลๆ
“หวังหลิน!” คนชุดขาวนั้นคือราชครู เขาเผยรอยยิ้มพลางยืนขึ้นและก้าวเข้าหาหวังหลิน
เพียงก้าวออกมา ทั่วทั้งวังหลวงคล้ายกับทับซ้อนกับอีกมิติหนึ่ง ทำให้ราชครูโผล่มาถึงยอดอารามห่างจากหวังหลินหมื่นฟุต เพียงแค่เขายืนตรงนั้น สายลมก็พัดเสื้อผ้าจนปลิวไสว
“ข้ารอเจ้ามานานมาก…ในที่สุดเจ้าก็มา!”
หวังหลินมองราชครูที่อยู่บนอาราม บนท้องฟ้ามีการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิเทพและมหาชั้นฟ้าชวงจื่อที่กำลังปั่นป่วน ยากนักที่จะตัดสินผู้ชนะได้ในตอนนี้ แต่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อสามารถทำให้จักรพรรดิเทพยุ่งยากจนไม่สามารถลงมือกับหวังหลินได้!
นอกจากจักรพรรดิเทพแล้ว วังหลวงมีแค่ราชครูเท่านั้นที่มีระดับบ่มเพาะแปลกประหลาด!
หวังหลินขบคิดเงียบๆ และกระทืบเท้า เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง เหล่าเซียนรอบด้านทุกคนเลือกที่จะถอยหนี พวกเขาไม่เหมือนกับเผ่าโบราณที่ไม่มีสำนัก มีเพียงสามแคว้นและอารามเผ่าโบราณเท่านั้น เผ่าโบราณเกือบทั้งหมดต่างก็จงรักภักดีต่อราชวงศ์ แต่ในเผ่าเทพ ราชวงศ์เป็นแค่เพียงสัญลักษณ์!
พลังที่แท้จริงคือมหาชั้นฟ้าและสำนักหลายแห่ง!
เวลานี้พอพวกเขาเผชิญหน้ากับหวังหลินที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน แต่ละคนจึงถอยหนีโดยไม่ลังเล!
เท้าหวังหลินย่ำลงไป พื้นดินพังทลาย รอยแตกร้าวกระจายออกไปโดยมีหวังหลินอยู่ตรงกลาง มันพุ่งเข้าหาอารามที่ราชครูยืนอยู่
รอยแตกร้าวกระจายออกไปดุจมังกร เมื่อเข้าไปใกล้ ราชครูเพียงแค่ยิ้มและสะบัดแขน
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตัวตนสามารถกลายเป็นความว่างเปล่า…” เพียงเท่านั้นรอยแตกร้าวบนพื้นก็ฟื้นฟูราวกับบาดแผลที่หายดีและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หวังหลินมองราชครูและพูดขึ้น “คนที่ข้าสังหารบนถนนไม่ใช่เจ้า!”
“คนที่เจ้าสังหารคือข้าแต่ก็ไม่ใช่ข้าเช่นกัน!” ราชครูยิ้มออกมา เขาหุบแขนขวาและเปิดอีกครั้ง แสงสว่างสีขาวเป็นรูปคนตัวเล็กปรากฏขึ้นมาและโขกคำนับไปทางราขครู
“เจ้าเข้าไปสำนักมหาวิญญาณและเรียนรู้วิชาของเขา เต๋าเนตรวิญญาณและวิญญาณเนตรเต๋าดูเหมือนกัน แต่มันก็แตกต่าง…” ราชครูสะบัดแขน คนตัวเล็กลอยออกไปและขยายขนาดเท่าคนปกติ พุ่งทะยานเข้าหาหวังหลิน
ร่างนี้เคลื่อนไหวเร็วมากและผสานกับโลก ทว่าพอมันเข้าไปใกล้หวังหลิน หวังหลินพลันยกแขนขึ้นมาเหมือนตอนอยู่บนถนน เขาจับร่างสีขาวและบดขยี้มัน!
“ทำไม?” หวังหลินหลับตาและลืมตาอีกครั้งในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
“เจ้าเป็นคนแรกที่ออกมาจากโลกถ้ำ…โลกถ้ำ…โลกถ้ำ…ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือเผ่าโบราณ ต่างก็มีโลกถ้ำอยู่นับไม่ถ้วน!”
“ยุคแรกเริ่มไม่มีใครที่มีวิชาเพื่อสร้างโลกถ้ำของตัวเองบนแผ่นดินเซียนดารา รวมไปถึงบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ…วิชาที่ใช้สร้างโลกของตัวเองคือวิชาพิเศษของเผ่าข้า!”
“หลังจากเผ่าข้าติดตามบรรพชนเทพ เราจึงกระจายวิชานี้ไปเพื่อให้สำนักที่มีคุณสมบัติสามารถสร้างโลกถ้ำของตัวเองขึ้นมาได้!”
“ผ่านไปนานหลายปีจึงเกิดโลกถ้ำขึ้นมานับไม่ถ้วน…สร้างเพลิงนรกานต์ให้เผ่าข้าจำนวนมากมาย เพลิงนรกานต์ถูกคนอื่นใช้ประโยชน์ แต่เผ่าข้าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ตราบใดที่มีคนดูดซับเพลิงนรกานต์ของเผ่าข้า พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของเผ่าข้า และหากมีเพลิงนรกานต์มากขึ้นก็จะตาย!”
“เพลิงนรกานต์เป็นทั้งพิษร้ายและเป็นทั้งประโยชน์! นี่ไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไร บางทีเจ้าก็น่าจะรู้”
“แต่เจ้ากลับเข้ามิติว่างมาโดยไม่ผ่านการเกิดใหม่ เพียงแต่ใช้ร่างกายของเจ้าเดินออกมาจากโลกถ้ำ…”
“นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของเผ่าข้า!” ราชครูจ้องมองหวังหลินอย่างตื่นเต้น
“กล่าวได้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินเซียนดารา…กล่าวได้ว่าเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากเผ่าของข้าบนแผ่นดินเซียนดารา…” เพียงที่ราชครูเอ่ยขึ้นมา แขนขวาสร้างผนึกและโบกสะบัด วังหลวงบิดเบี้ยวราวกับมิติกำลังเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าและพื้นดินหายไป แม้แต่วังหลวงก็ยังหายไปในทันที
หวังหลินสังเกตได้ชัดเจนว่าตำแหน่งของเขาไม่เปลี่ยนแต่เป็นมิติที่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้วิชาทรงพลังเพื่อเปิดมิติคล้ายกันขึ้นมา พวกนั้นอยู่ในวังหลวงแต่จริงๆเป็นมิติอีกแห่ง!
ที่แห่งนี้คืออารามขนาดใหญ่ที่มีเสายักษ์ค้ำจุน แต่ละเสามีก้อนเปลวเพลิงจำนวนเก้าก้อนอยู่ล้อมรอบ ส่องแสงขึ้นในอาราม
มีเสาและก้อนเปลวเพลิงอยู่นับไม่ถ้วน ก้อนเปลวเพลิงแต่ละก้อนมีใบหน้าคนหลับตาทั้งปรากฏและหายไป
ห่างออกไปไกลมีแท่นพิธีรูปทรงคล้ายภูเขา ที่นั่นคือตำแหน่งของราชครู เขาไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายราวกับอยู่คนละมิติ
เบื้องหน้าแท่นพิธีมีบ่อน้ำสีแดงสดขนาดใหญ่ ข้างในมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว! ดวงตาหลับสนิทและใบหน้าดุดันราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรง เส้นโลหิตบวมเป่งและใบหน้าก็ดูมีอายุมากขึ้น
รอบบ่อน้ำแห่งนี้มีเสาอยู่เก้าต้น เชื่อมต่อกันด้วยโซ่ตรวนสีน้ำตาลลอยอยู่เหนือแท่นพิธี!
ใจกลางโซ่ตรวนทั้งเก้ามีคนผู้หนึ่งถูกล่ามโซ่เอาไว้ เขาคือชายหนุ่มเสื้อลายดอกไม้ กำลังตกอยู่ในอาการย่ำแย่และมีโซ่ทั้งเก้าล่ามไปทั่ว
เขาคือเหลียนต้าวเฟย!
“ตอนที่เผ่าเทพเชิญตระกูลข้าไปจัดระเบียบวังหลวง พวกเขาเปิดที่นี่ขึ้นมา ทุกอย่างที่นี่เชื่อมต่อกับวังหลวง” ราชครูยิ้มให้หวังหลิน
หวังหลินส่งสายตาไปมองเหลียนต้าวเฟย ขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น
“เจ้าและจักรพรรดิเทพใช้วิธีหลายอย่างเพื่อบังคับข้ามาที่นี่ เพื่ออะไร!?”
“เจ้าต้องการพลังอำนาจของบรรพชนเทพหรือไม่?” ราชครูมองหวังหลิน สายตาเผยแสงอันแปลกประหลาด
“บรรพชนเทพมีพลังไร้ขีดจำกัด หากเจ้าสัญญากับข้าหนึ่งอย่าง ข้าสามารถช่วยเจ้าสืบทอดพลังของบรรพชนเทพได้ เจ้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา!”
หวังหลินยังมีท่าทีเย็นชาและไม่เคลื่อนไหวเลย เขาจ้องมองราชครูอย่างเยือกเย็นเท่านั้น
“จักรพรรดิเทพได้เตรียมการมาหลายปีเพื่อให้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนได้เกิดความสมบูรณ์ เมื่อมันสำเร็จ มันจะทำให้คนผู้นั้นมีระดับบ่มเพาะของบรรพชนเทพและกลายเป็นบรรพชนเทพคนที่สอง!”
“ข้าสามารถช่วยเจ้าให้ได้ระดับบ่มเพาะนี้โดยไม่ให้จักรพรรดิเทพรับรู้!” ราชครูเลียริมฝีปากและมองหวังหลิน
“เจ้ามีคุณสมบัติ เจ้ามาจากโลกถ้ำที่มีเพลิงนรกานต์ของเผ่าข้า เจ้า…”
“เจ้าไม่สามารถออกไปจากเมืองหลวงได้! กล่าวให้ถูกคือ เจ้าไม่สามารถออกไปจากวังได้!” หวังหลินขัดคำพูดของราชครู หลังจากพูดขึ้นมาสีหน้าราชครูก็เปลี่ยนไปและหยุดพูด สายตาเริ่มจ้องหวังหลินอย่างเย็นชา
หวังหลินสบสายตาเขาด้วยสีหน้าเช่นเดิม ผ่านไปสักพักราชครูก็เริ่มหัวเราะ
“ถูกต้องแล้ว บรรพชนเทพแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก เผ่าข้าโดนบังคับให้รับใช้เขาและเพลิงนรกานต์มหาศาลที่ถูกหลอมด้วยร่างของเผ่าพันธุ์ข้ากลับมอบให้แก่บรรพชนเทพ!”
“เขาได้ทิ้งผนึกเอาไว้ซึ่งสืบทอดไปในเผ่าข้าหลายต่อหลายรุ่น ไม่เพียงแต่คนของเผ่าจะไม่สามารถออกไปจากเมืองหลวงได้ เรายังต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเอง จักรพรรดิเทพทุกรุ่นสามารถควบคุมชีวิตและความตายของเผ่าพันธุ์ข้าได้! เมื่อมีคนเสี่ยงชีวิตหนีไป ก็จะตาย! บรรพชนของสำนักมหาวิญญาณเป็นอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์ข้า แต่หลังจากเขาออกไป ก็ยังพบว่าไม่สามารถหนีรอดความตายพ้น!”
“ดังนั้น เผ่าพันธุ์ข้าต้องจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเทพทุกรุ่น! ข้าต้องการเปลี่ยนแปลงและตอนนี้ข้าก็มีโอกาสทำเช่นนั้นแล้ว!”
“ตอนที่ข้ารู้ครั้งแรกว่าเจ้ามาจากโลกถ้ำ จักรพรรดิเทพต้องการสังหารเจ้า แต่ข้าเข้าใจเหลียนต้าวเจินดี เขามักจะสงสัยคนอื่นเสมอและมีท่าทีเย็นเยียบ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจพูดว่าเจ้าจะเป็นปัญหาใหญ่และต้องถูกสังหาร!”
“แน่นอนว่าตอนที่ข้าพูดขึ้นมา เขาก็เกิดความสงสัย ดังนั้นพอเจ้ามาถึงเผ่าเทพ เขาจึงไม่ลงมืออะไร แต่เจ้ากลับเติบโตรวดเร็วเกินไปจนเหนือล้ำเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ กระนั้นเขาก็มีแผนการอื่น เขาต้องการใช้พลังของเจ้าเอาชนะเมิ่งต้าว!”
“คนที่เขาเลือกใช้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนคือเมิ่งต้าว และคนที่ข้าเลือกคือเจ้า หวังหลิน!! จิ่วตี้เป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับจักรพรรดิเทพ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากลงมือด้วยตัวเองและทำให้จิ่วตี้สงสัย จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงชักชวนเจ้าในช่วงพิธีแต่งตั้งและวางกับดักบนถนน แต่ตอนที่มือสังหารเจ้าเข้าควบคุม มันทำให้เขาตกตะลึง จากนั้นเขาจึงพึ่งพาความทรงจำของต้าวเฟยจนในที่สุดก็ล่อลวงเจ้ามาที่นี่ได้สำเร็จ!”
“เหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้ามาที่นี่เป็นพิเศษเป็นเพราะเมื่อมีมหาชั้นฟ้าอีกคนกำลังต่อสู้กับเขา ข้าจะสามารถพูดสิ่งเหล่านี้โดยไม่ให้เขารับรู้ได้!” ราชครูผมขาวมีดวงตาเป็นประกายพลางพูดกับหวังหลิน
…………………………………