Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1986 เชื่อข้าสักครั้ง!
‘ใช่ข้าหรือเมิ่งต้าวหรือไม่…หรือข้าควรพูดว่า ผู้ชนะตัวจริงคือจักรพรรดิเทพหรือราชครู’ หวังหลินขบคิดอย่างสงบนิ่ง อารมณ์ความรู้สึกไม่เปลี่ยนไปตามคำพูดของราชครู
เขามองราชครูที่อยู่เหนือแท่นพิธี คำพูดของเขามีทั้งจริงและโกหก แต่หวังหลินมั่นใจว่าการสืบทอดไม่ใช่เรื่องธรรมดา!
หวังหลินมองราชครูและเอ่ยปาก “ข้ามีเรื่องสงัย ท่านต้องการให้ข้าได้ระดับบ่มเพาะของบรรพชนเทพได้อย่างไร? อีกทั้งบรรพชนเทพต่างก็ลือกันว่าหายตัวไป ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีหรือไม่ การสืบทอดจะเป็นไปได้ด้วยหรือ?”
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน แต่จักรพรรดิเทพเตรียมการไว้แล้ว เขาพบว่าเมิ่งต้าวซึ่งไม่มีสายโลหิตบรรพชนเทพยังสามารถกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากเจ้าได้ หากเขาได้รับสายโลหิตบรรพชนเทพมา ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า!”
“ความเกลียดชังที่เขามีต่อเจ้าจะครอบงำจิตใจเพื่อให้เขาเหนือกว่า การครอบงำนี้สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้อย่างมหาศาลและเพิ่มโอกาสรอดจากความเจ็บปวดได้ถึงสี่ในสิบส่วน ดังนั้นเมื่อเขาสามารถขับเส้นโลหิตของตัวเองออกไปทั้งหมดได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นเส้นโลหิตของบรรพชนเทพ!”
“ถึงตอนนั้นเขาจะกลายเป็นบรรพชนเทพรุ่นที่สองและจักรพรรดิเทพก็ใช้เวลาหลายปีวางแผนให้เมิ่งต้าว ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจักรพรรดิเทพได้ทำอะไรถึงมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมเมิ่งต้าวได้เมื่อเขาเปลี่ยนผ่านโดยใช้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนได้สำเร็จ!”
“ข้าพยายามใช้การทำนาย แต่มันล้วนพร่ามัว ข้าพยายามหาเบาะแสจนพบว่าอาจกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับการครอบงำและหุ่นเชิด! กุญแจสำคัญก็คือบ่อน้ำโลหิตแห่งนี้!” ราชครูชี้ไปที่บ่อน้ำเบื้องหน้าแท่นพิธี
“จักรพรรดิเทพหลายรุ่นรวบรวมโลหิตได้มากพอจนเพิ่มโอกาสใช้วิชาคืนสู่ต้นกำเนิดบรรพชนให้สำเร็จมากขึ้น หากเจ้ายอมตกลง ข้าจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนการสืบทอดให้กลายเป็นเจ้าแทน!”
“เมื่อเจ้าได้พลังนี้มา เจ้าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในเผ่าเทพ สูงล้ำเหนือว่ามหาชั้นฟ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถช่วยเหลียนต้าวเฟยได้เพียงแค่เอ่ยคำเดียว!” ราชครูเริ่มพูดเร็วขึ้น
หวังหลินถามต่อ “เจ้าต้องการอะไร?”
“ข้ามีเพียงเงื่อนไขเดียว เมื่อเจ้าได้สืบทอดมรดกของบรรพชนเทพและกลายเป็นบรรพชนเทพรุ่นสอง เจ้าสามารถเข้ามาแทนที่บรรพชนเทพและปลดผนึกของเผ่าข้าได้ ปล่อยให้เผ่าพันธุ์ของข้าได้เป็นอิสระ!” ราชครูจ้องมองหวังหลินด้วยสายตาเป็นประกาย
“จากนั้นเผ่าของข้าจะออกไปจากแผ่นดินเซียนดาราและกลับสู่บ้านเกิดของเรา ส่วนเจ้าจะกลายเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดในเผ่าเทพ เจ้าจะสุขสมไปกับพลังอันไร้ที่สิ้นสุดพร้อมกับประกาศความรุ่งโรจน์ของบรรพชนเทพได้อีกครั้ง!”
“หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าสาบานไว้เลยว่า หากข้าผิดคำสัญญา ขอให้ข้าโดนทำลาย!” เพียงราชครูพูดประโยคสุดท้าย ประกายแสงควบแน่นในอากาศกลายเป็นผนึกอันซับซ้อน ลอยอยู่ตรงนั้นและหายไป
ราชครูรีบพูด “นี่คือคำสัญญา กฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราเป็นพยาน ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าคงสัมผัสได้อยู่แล้วว่าคำสาบานนี้จริงหรือโกหก!”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ
เวลาผ่านไปแต่ละลมหายใจ เป็นครั้งแรกที่ราชครูเริ่มกระวนกระวาย
“หวังหลิน ข้าไม่มีความคิดร้าย ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง ระหว่างเราไม่ได้มีข้อบาดหมางอะไรกัน ดังนั้นข้าจะไม่ทำอันตรายเจ้า ข้าแค่ต้องการต่อสู้เพื่อให้เผ่าพันธุ์เป็นอิสระในอนาคตเท่านั้น”
“เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่!!”
“ไม่มีใครต้องการเป็นทาสไปตลอดชีวิต แม้แต่คนรุ่นหลังก็ยังเป็นทาสรับใช้คนอื่น เจ้าจินตนาการออกหรือไม่?! เด็กๆ ต่างก็มีโชคชะตาที่ถูกตัดสินมาตั้งแต่เกิด! เรื่องแบบนี้ดำเนินมานานแล้ว เราต้องต่อสู้ เราต้องการดิ้นรน เราต้องการเป็นอิสระ!”
“แต่เผ่าพันธุ์ของข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้าน!! หวังหลิน เจ้าคือความหวังเดียว ช่วยเผ่าพันธุ์ข้าสักครั้ง ช่วยข้าสักครั้ง!!” ราชครูดูจริงใจและเต็มไปด้วยสัมผัสแห่งความเศร้า เขาคำนับฝ่ามือและโค้งตัวแก่หวังหลิน
ทว่าสีหน้าหวังหลินยังคงเย็นชาและไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งยังเผยความโหดเหี้ยม หวังหลินผมดำเป็นตัวแทนของการสังหารและการทำลายล้าง แม้เรื่องนี้จะเศร้ามากขึ้นอีกหลายเท่าเขาก็ไม่สนใจ คงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะไม่เชื่อคำพูดพวกนั้นง่ายๆ
หวังหลินมองผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวที่กำลังดิ้นรนอยู่ในบ่อน้ำและรู้สึกถึงความบ้าคลั่งกำลังแผ่ออกมาจากร่างกาย
“เขาไม่มีสติ?”
“ความคิดเขาถูกจักรพรรดิเทพลบล้างไปแล้ว ที่เหลืออยู่นั่นคือความเกลียดชังและจิตสังหารที่มีต่อเจ้า!” ราชครูพยักหน้า
จากมุมมองของหวังหลิน ความเกลียดชังนี้ไม่ได้หยั่งลึกมาก พอพิจารณาถึงเต๋าที่เมิ่งต้าวบ่มเพาะ จึงเข้าใจขึ้นเล็กน้อย
เวลาดำเนินไปอย่างช้าๆ ราชครูรอไปสักพักอย่างขมขื่น เขามองท่าทีหวังหลินและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ กัดฟันแน่นและพูดอีกครั้ง
“หากสหายเซียนหวังตกลง ข้าจะมอบเพลิงนรกานต์ทั้งหมดจากทั่วทุกโลกถ้ำบนแผ่นดินเซียนดารา หากสหายเซียนหวังดูดซับได้หมด จะได้รับประโยชน์มหาศาล!”
“ระดับบ่มเพาะ วิชา กระทั่งอายุขัยก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลง ผ่านไปสักพักจะมีโอกาสบรรลุขั้นดินแดนสูญสิ้นและทำลายล้าง! ซึ่งเป็นระดับมากพอที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุด!” หลังจากราชครูกล่าวจบ เขายื่นแขนขวาไปที่หน้าผาก ผลึกสีดำขนาดเท่ากำปั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา มันไร้แสงแต่มีกลิ่นอายเพลิงนรกานต์อันทรงพลังแผ่กระจาย
“ของชิ้นนี้คือแก่นของเพลิงนรกานต์ทั้งหมดของทุกโลกถ้ำบนแผ่นดินเซียนดารา ด้วยของชิ้นนี้ ทั้งแผ่นดินจะส่งเพลิงนรกานต์มาให้เจ้าเรื่อยๆ!”
“จักรพรรดิเทพถือกำเนิดขึ้นจากมิติว่างและไม่เหมือนตระกูลข้า เขาไม่สามารถดูดซับมันด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงจำเป็นให้เผ่าข้าถ่ายโอนมาก่อน มีหลายคนในโลกถ้ำที่ดูดซับเพลิงนรกานต์ แต่เพราะมันไม่บริสุทธิ์จึงกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ให้เผ่าของข้าดูดซับ!”
“แต่เจ้านั้นแตกต่าง เจ้าถือกำเนิดในเพลิงนรกานต์ของโลกถ้ำ สำหรับเจ้าแล้วไม่จำเป็นต้องให้เผ่าข้าถ่ายโอนมา วิญญาณและร่างกายของเจ้าสามารถดูดซับได้โดยตรง!!” ราชครูเผยสายตาตั้งมั่นและสะบัดแขน ผลึกสีดำลอยเข้าหาหวังหลิน!
ผลึกสีดำคล้ายกับเจอการต่อต้านเบื้องหน้าหวังหลินและลอยอยู่ตรงนั้น หลังจากนำผลึกออกมา ราชครูดูแก่ขึ้นทันตาเห็น
“มันคือผลึกชีวิตของเผ่าพันธุ์ข้า หลังจากสูญเสียไป ข้าจะไม่สามารถมีชีวิตได้ยืนยาวนัก ข้ามอบมันให้เจ้าเพื่อหวังว่าเจ้าจะเชื่อใจข้า ช่วยให้เผ่าพันธุ์ข้าได้รับอิสระและออกไปจากที่นี่…กลับคืนสู่บ้าน…” ราชครูส่งเสียงแก่มากขึ้น
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นสะบัดแขนเก็บผลึกไปทันที เขามองดูราชครูและพยักหน้า
“ข้าไม่เข้าใจสัจจะเซียนดาราหรอก ข้ารู้จักแต่สัจจะโลหิต!” หวังหลินยกแขนขึ้นมากัดนิ้ว หยดโลหิตลอยออกมาหนึ่งหยด มันมีกลิ่นอายของหวังหลินและทรงพลังยิ่ง หากมันระเบิดออกเป็นหมอกโลหิตจะคงทำให้คนอื่นบอกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นอายของหวังหลินจริงหรือไม่!
“หากสิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าสักครั้ง!” คำพูดหวังหลินเข้าไปในหยดโลหิตและมันเรืองแสงกะพริบ หวังหลินดีดหยดโลหิตและหยุดอยู่เบื้องหน้าราชครู
ราชครูมองดูหยดโลหิตเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่บ่อน้ำที่มีเมิ่งต้าวอยู่และเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมากสหายเซียน! เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ข้าอยากขอให้เข้าไปในบ่อเพื่อที่ข้าจะได้ร่ายวิชาขณะที่จักรพรรดิเทพโดนยื้อเอาไว้และเมิ่งต้าวยังไม่ตื่น ข้าจะได้ส่งต่อการสืบทอดไปให้เจ้า!”
“มันจะเกิดการเจ็บปวดและเปลี่ยนแปลงโลหิตเจ้าให้เป็นโลหิตของบรรพชนเทพ ข้าขอให้สหายเซียนไม่ต่อต้าน เมื่อใดที่เจ้าต่อต้าน สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า…”
“สหายเซียนหวัง…” ราชครูมีท่าทีเคร่งเครียด เขามองหวังหลินด้วยความขอบคุณอย่างลึกซึ้ง คำนับฝ่ามือและโค้งให้แก่หวังหลินเป็นครั้งที่สอง!
“เผ่าพันธุ์ข้าจะจดจำความเมตตาของสหายเซียนเอาไว้! ข้าขอขอบคุณสหายเซียนแทนพี่น้องในเผ่าทุกคน!”
หวังหลินก้าวเดินเข้าหาบ่อน้ำช้าๆ ด้วยท่าทีเย็นชา พอเข้าไปใกล้จึงหันไปมองราชครูที่ยังเต็มไปด้วยความขอบคุณ หวังหลินมองเห็นกลิ่นอายรอบตัวเขาได้ เหมือนดั่งที่พูดเอาไว้ หลังจากสูญเสียผลึก เขาก็มีเวลาเหลือไม่มาก
หวังหลินกล่าว “ข้าต้องช่วยเหลียนต้าวเฟยก่อน!”
ราชครูเผยรอยยิ้มขื่นพลางมองดูเหลียนต้าวเฟยที่ถูกโซ่ทั้งเก้าเส้นล่ามเอาไว้ เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“สหายเซียนหวัง ข้าไม่ได้ต้องการหลอกเจ้า โซ่ตรวนบนร่างเหลียนต้าวเฟยถูกจักรพรรดิเทพมัดเอาไว้ ดังนั้นข้าไม่สามารถถอนออกไปได้ แม้เขากำลังต่อสู้กับมหาชั้นฟ้าชวงจื่ออยู่ เมื่อมันโดนสัมผัส จักรพรรดิเทพก็จะรับรู้ได้ทันที…ข้าไม่สามารถงัดมันออกได้จริงๆ”
“แต่เมื่อเจ้าได้รับพลังของบรรพชนเทพ ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข! เชื่อข้าสักครั้ง สหายเซียนเชื่อข้าสักครั้ง ข้าสัญญากับเจ้าด้วยชีวิตและอนาคตของทั้งเผ่าพันธุ์!”
“เชื่อข้า!” ราชครูจริงใจมาก เขาจ่ายด้วยชีวิตเพียงเพื่อให้หวังหลินเชื่อเขาสักครั้ง
หวังหลินมองดูราชครูและขบคิดก่อนจะพยักหน้า เขายกเท้าและก้าวเข้าไปในบ่อน้ำคล้ายโลหิต ทว่าขณะที่เท้าสัมผัสกับบ่อน้ำ เท้าขวาก็สั่นเทาเล็กน้อย
ท่าทีนี้เบามาก คลื่นจากการสัมผัสบ่อน้ำทำให้คนนอกไม่สามารถตรวจจับได้ กลิ่นอายสังหารเส้นหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากเท้าขวา
วินาทีที่กลิ่นอายนี้ปรากฏขึ้น มันพุ่งตรงเข้าสู่เมิ่งต้าวที่หลับตาอยู่และเจาะทะลุเข้าไปในร่างกายทันที
ราชครูตื่นเต้นมากตอนที่เห็นหวังหลินก้าวเข้าไปในบ่อน้ำ เขายกแขนขึ้นมาสร้างผนึกและใช้พลังเฮือกสุดท้ายในชีวิตเพื่อใช้วิชาลับ แต่ในวินาทีนั้นทั่วทั้งวังหลวงก็พลันเย็นเยียบ!
เมิ่งต้าวลืมตาตื่น ความรู้สึกงุนงงได้เปลี่ยนกลายเป็นความบ้าคลั่ง ความเย็นแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย บ่อน้ำเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็งทันที!
………………………………………………………