Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 1999 กระจายตัว
หากแค่จิ่วตี้ขอ เขาคงไม่สนใจ แต่เขามาที่วังก็เพื่อช่วยเหลียนต้าวเฟย แล้วจะยอมทิ้งไปเพราะจิ่วตี้คุกคามได้อย่างไร?
หวังหลินไม่เชื่อว่าจิ่วตี้จะหยุดการฝืนระงับคำสาปบรรพชนเพื่อแลกกับการฟื้นคืนพลังในอนาคต!
แต่ทว่าหวังหลินไม่ยอมเมินเฉยคำพูดของชวงจื่อ!
ในใจหวังหลินก็เป็นหนี้ชวงจื่ออยู่แล้ว ในเมื่อนางก็เป็นคนขอเช่นกัน หวังหลินจึงต้องขบคิดเงียบๆ
ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงพูดด้วยความลำบากใจ “ข้าขอเหตุผล!” เขาไม่ได้มองจิ่วตี้แต่มองมาที่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อ
“จักรพรรดิเทพตายไปแล้ว เหลียนต้าวเฟยสำคัญต่อเผ่าเทพ…” ชวงจื่อถอนหายใจและมองหวังหลิน
“หวังหลิน…เหลียนต้าวเฟยต้องถูกทิ้งไว้ที่นี่…” คนที่พูดคือไฮ่จื่อที่เงียบมาตลอด
นางมองหวังหลินและเอ่ยต่อ “ที่นี่คือวังต้องห้าม แม้จะพังทลายไปแล้วมันก็จะฟื้นคืนมาได้ด้วยตัวเอง…ในเผ่าเทพ วังต้องห้ามเป็นสถานที่สำคัญมากเพราะศีรษะบรรพชนเทพอยู่ที่นี่…”
“ศีรษะบรรพชนเทพใช้เพื่อกักขังวิญญาณ 72 ดวงของเผ่าเทพ เพราะมีศีรษะนี้จึงทำให้เหล่าวิญญาณยังโดนผนึกเอาไว้ เมื่อศีรษะได้รับความเสียหาย มันจึงไม่มีพลังอำนาจไปกักขังวิญญาณที่ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แม้แต่พวกที่ตายไปแล้วก็จะกลับคืนสู่มิติว่างเมื่อการกักขังหายไป…”
“ถึงตอนนั้นทั้งเผ่าเทพก็จะตกอยู่ในความปั่นป่วน แต่ละแคว้นจะพังทลายและแตกสลาย ทั้งเผ่าเทพจะเผชิญกับภัยพิบัติ…ตามแผนการก่อนหน้านี้ของเผ่าข้า เราไม่ได้ต้องการทำลายเผ่าเทพ ดังนั้นหลังจากแบ่งปันศีรษะกันแล้ว เราจะเลือกคนผู้หนึ่งเพื่อหลับใหลอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นจะเข้ามาแทนศีรษะบรรพชนเทพและกลายเป็นคนที่จะกักขังวิญญาณ 72 ดวงเอาไว้…”
“คนที่เราเลือกคือเหลียนต้าวเฟย!”
“เขามีสายโลหิตบรรพชนเทพและสืบทอดพลังส่วนหนึ่งของบรรพชนเทพเอาไว้ เผ่าพันธุ์ข้าได้ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ในตัวเขามาหลายปี เมื่อมันกระตุ้นขึ้นเขาจะกลายเป็นมหาชั้นฟ้าได้เพราะเขาดูดซับการสืบทอดพลังบรรพชนเทพ!”
“ด้วยระดับบ่มเพาะมหาชั้นฟ้าและวิชาลับของเผ่าข้าจะสามารถสร้างการจองจำขึ้นมาได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงเอาเขาไปไม่ได้…หากเจ้ายังจะฝืนเอาเขาไป เช่นนั้น…ข้าก็จะต้องหยุดเจ้าด้วยเช่นกัน” ไฮ่จื่อพูดขึ้นเบาๆ
ชวงจื่อถอนหายใจพลางมองหวังและพูดเป็นครั้งที่สอง “หวังหลินทิ้งเหลียนต้าวเฟยไว้ที่นี่เถอะ ชีวิตเขาไม่มีอันตรายแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อจองจำวิญญาณ 72 ดวง”
จิ่วตี้มองอย่างเยือกเย็นและไม่ได้เอ่ยกล่าว
หวังหลินขบคิดและมองเหลียนต้าวเฟยที่กำลังนอนอยู่บนศีรษะบรรพชนเทพ จากนั้นพูดออกมาโดยไม่ลังเล
“ข้าจะละทิ้งศีรษะบรรพชนเทพและเอาไปแค่เหลียนต้าวเฟยเท่านั้น!”
“ล้มเลิก? แม้ศีรษะบรรพชนเทพจะถูกวางกลับไว้เหมือนเดิม มันก็ไม่สามารถทำหน้าที่กักขังวิญญาณได้อีกแล้วเพราะถูกจักรพรรดิเทพผ่าออกมา พลังข้างในกระจัดกระจายไปแล้ว!” จิ่วตี้พ่นลมหายใจ
หวังหลินมีใบหน้าซีด สายตาดิ้นรนและสับสน แต่ละคนพูดง่ายและไม่ต้องคิดอะไรนัก หวังหลินเองก็รู้ว่าเป็นความจริง
“หวังหลิน…ทิ้งเหลียนต้าวเฟยไว้ที่นี่” ชวงจื่อพูดเป็นครั้งที่สาม
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในใจหวังหลินเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจ หวังหลินไม่สามารถฝืนพาเหลียนต้าวเฟยไปได้ มหาชั้นฟ้าชวงจื่อคงต้องหยุดเขาและจิ่วตี้ก็คงลงมือพร้อมกับไฮ่จื่อด้วย หวังหลินไม่สามารถพาเหลียนต้าวเฟยไปได้หากทั้งสามคนร่วมมือกัน
ยิ่งไปกว่านั้นการพาเหลียนต้าวเฟยไปจะทำให้เผ่าเทพตกอยู่ในความปั่นป่วน หวังหลินไม่สนใจแต่มันคงส่งผลต่อมหาชั้นฟ้าชวงจื่อที่ช่วยเขาเอาไว้อย่างมาก…ซึ่งอาจทำให้สำนักตะวันม่วงโดนทำลายไป
เพียงขบคิดอย่างเงียบๆ หวังหลินเผยสีหน้าขมขื่น เขามองเหลียนต้าวเฟยที่ไร้สติและค่อยๆ หลับตาลง
‘เหลียนต้าวเฟย เมื่อข้าหวังหลินกลับมาหวังหลวงอีกครั้ง ข้าจะมาช่วยเจ้า! ข้าขอสาบาน!!’ หวังหลินสะบัดแขนขวาเก็บศีรษะบรรพชนเข้าไปในมิติเก็บของ จากนั้นหันมองขึ้นไปทันที
“จิ่วตี้ ไม่ต้องตามหาข้าหรอก ข้าจะกลับมาแน่นอน!” หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้น จึงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าและไม่หันกลับมา เขาทิ้งเหลียนต้าวเฟยไว้ด้านหลังให้เป็นด้ายคล้องใจ หวังหลินเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากที่สุดในการเดินทางสู่วังหลวง เขาได้พลังการสืบทอดบรรพชนเทพมาส่วนหนึ่ง ได้ศีรษะบรรพชนเทพและยังสร้างโครงร่างดวงตะวันมหาชั้นฟ้าได้อีก
แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถพาเหลียนต้าวเฟยไปได้…
หากมีตัวเลือก หวังหลินคงยอมทิ้งวาสนาทั้งหมดนี้เพื่อพาเหลียนต้าวเฟยไป แต่ทั้งหมดกลับถูกตัดสินตั้งแต่แรกเริ่มไปแล้ว
‘ด้วยการทำนายของบรรพชนของเผ่าต้าวหวัง เขาอาจเห็นเหตุการณ์ที่จักรพรรดิเทพครอบงำเหลียนต้าวเฟย…บางทีมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผน แต่ก็ถูกข้าทำลายไป…’
‘แม้กระทั่งการทำลายตัวเองของจักรพรรดิเทพและคำสาปบรรพชนที่กระจายสู่มหาชั้นฟ้าทั้งสี่คนอาจจะถูกบรรพชนเผ่าต้าวหวังมองเห็นไปเช่นกัน แต่เขาไม่ได้บอก หรือไม่ก็พยายามหยุดไปแล้ว…’
‘บางทีที่เขาทำไปก็เพื่อคนในเผ่า…สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเพื่อขจัดความโกรธเกรี้ยวของข้าที่มีต่อเผ่าต้าวหวัง…แต่อนาคตที่เขามองเห็นทำให้เขาทำดีกับข้า…เป็นเพราะในใจเขา ตัวตนของข้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่ามหาชั้นฟ้า…’
หวังหลินคิดถึงคำพูดของอัจฉริยะในเผ่าต้าวหวังซึ่งทิ้งไว้ในสำนักมหาวิญญาณ ทุกคำใช้คำว่า “ท่าน” ที่แสดงความเคารพ
มหาชั้นฟ้าชวงจื่อมองเหลียนต้าวเฟยที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ นางถอนหายใจพลางติดตามหวังหลินออกไปด้วย
หลังจากหวังหลินออกมาจากวังต้องห้าม เขาไม่อาจอดทนได้จึงมองลงไป
เขาเห็นไฮ่จื่อใช้วิชาของเผ่าพันธุ์ทำให้เหลียนต้าวเฟยที่ไร้สติพลันปลดปล่อยแสงสีทองเป็นประกาย ดวงอาทิตย์สีทองห่อหุ้มเหลียนต้าวเฟย เพียงแสงสีทองกระจายออกมา หวังหลินสัมผัสได้ถึงความผันผวนระดับมหาชั้นฟ้ากระจายออกมาจากร่างเขา
พลังมหาชั้นฟ้านี้ไม่เหมือนโครงร่างดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลิน แต่เป็นดวงตะวันที่สมบูรณ์ เหลียนต้าวเฟยกลายเป็นมหาชั้นฟ้าคนที่ห้าของเผ่าเทพต่อจากจักรพรรดิเทพที่ตายไป
ทว่ามหาชั้นฟ้าคนที่ห้าคงจะหลับใหลไปตลอดกาลและไม่มีวันได้ตื่น จุดประสงค์ก็เพื่อมาทดแทนศีรษะบรรพชนเทพให้กักขังวิญญาณต่างแดน 72 ดวงเอาไว้!
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยและมองดูเขากลายเป็นภูเขาที่มีดวงอาทิตย์ห่อหุ้มร่างกาย ภูเขาแห่งนี้สีทองอร่ามและพุ่งขึ้นสู่ก้อนเมฆ!
เมื่อยอดเขาปรากฏ พื้นดินที่แตกละเอียดจึงเริ่มฟื้นฟู แต่แทนที่จะมีเก้าภูเขาดังเดิม ตอนนี้มีแค่ภูเขาสีทองอยู่ลูกเดียวเท่านั้น!
ท้องฟ้าฟื้นคืนกลับมาเช่นกัน ในที่สุดทั้งโลกแห่งนี้ก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ
หวังหลินมองภูเขาสีทองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ไปสักพักก่อนจะหันตัวกลับมา เขาจดจำคำสาบานที่ให้เอาไว้และจากไปทันที
หลังออกไปจากพื้นที่ต้องห้าม หวังหลินก้าวทะยานและหายตัวอย่างไร้ร่องรอย เขาปรากฏตัวอีกครั้งในวังหลวงของเมือง
วังหลวงตกอยู่ในซากปรักหักพัง แค่ชำเลืองสายตามองเห็นแต่เพียงรูปปั้นยืนตั้งตระหง่านอย่างโดดเดี่ยว รูปปั้นนั้นคือรูปปั้นบรรพชนเทพ ท่าทางของรูปปั้นมีสายตามองไปบนท้องฟ้า สองแขนอ้าเปิดออกมาราวกับกำลังร่ายวิชา
หวังหลินมองรูปปั้นและขบคิดเงียบๆ
ด้านข้างหวังหลินมีระลอกคลื่นส่งเสียงดังสนั่นและมหาชั้นฟ้าชวงจื่อก้าวเดินออกมา
“ยุคของบรรพชนเทพจบลงแล้วและการป้องกันของเขาได้หายไป…ตั้งแต่บัดนี้ เผ่าเทพจะไม่มีสายโลหิตจักรพรรดิเทพอีกต่อไป” มหาชั้นฟ้าชวงจื่อมองรูปปั้นและถอนหายใจ
หวังหลินเอ่ยขึ้นมา “ขอบคุณ…”
“นี่คือคำสัญญาที่ข้าให้เจ้า แม้จะมีราคาสูงลิ่ว…แต่ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่เลือกข้าแม้ข้าจะเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็กสองคน”
ชวงจื่อเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่สามารถพาเหลียนต้าวเฟยไปได้จริงๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ…นอกจากนี้ข้าก็เป็นคนของเผ่าเทพ ส่วนเจ้าเป็นคนของเผ่าโบราณ”
หวังหลินมีสีหน้าเช่นเดิมและหันกลับมามองมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ เรื่องที่นางรู้ตัวตนเขาได้อย่างไรนั้น หวังหลินไม่ได้ถามหรือพยายามปิดบัง
“ขอบคุณ…” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งตัวให้มหาชั้นฟ้าชวงจื่อ
“ข้าได้ดวงตาบรรพชนเทพมา และตอนนี้ข้าก็จะกลับไปสำนักตะวันม่วง ส่วนเจ้าว่าอย่างไร? เจ้าจะจากไปหรือกลับไปสำนักตะวันม่วงกับข้าหรือไม่?”
หวังหลินมองแผ่นดินทิศตะวันออกก่อนจะพูดขึ้น “ข้าต้องการมุ่งหน้ากลับไปที่สำนักมหาวิญญาณ…จากนั้นก็ออกไปจากเผ่าเทพ…”
มหาชั้นฟ้าชวงจื่อขบคิดเงียบๆ ชั่วครู่และถอนหายใจ
“ข้าไม่รู้ว่าการช่วยเจ้าเป็นเรื่องผิดหรือถูก…” นางส่ายศีรษะ จากนั้นแสงสีม่วงแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย นางแบ่งร่างกลับเป็นสาวน้อยสองคน พวกนางมองกลับมาที่หวังหลินด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาและโบกมืออำลาหวังหลินพลางทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“วาวา หลังจากเรากลับไปข้าจะขอนอนก่อนนะ ข้าเหนื่อยมาก”
“ฮานฮาน ตอนที่เรากลับไป เราขอไปดูก่อนได้หรือไม่ว่าเจ้าหมาน้อยยังเชื่องอยู่”
“ก็ได้ ตามนั้น”
เสียงสดใสของสาวน้อยทั้งสองดังลั่นดุจเสียงกระดิ่ง หวังหลินมองพวกนางทะยานออกไปและพึมพำ
“ขอบคุณทั้งสองคนมาก…”
หวังหลินหลับตา จากนั้นลืมตาอีกครั้งก่อนจะทะยานออกไปไกล เขาไม่เห็นว่าในซากปรักหักพักของวังด้านหลัง ไฮ่จื่อกำลังมองแผ่นหลังหวังหลินด้วยสายตาโศกเศร้าตอนที่เขาหายไป
“ไฮ่จื่อ ไปกันเถอะ…”
จิ่วตี้ก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย ร่างกายปกคลุมไปด้วยควันสีดำและแทบไม่สามารถระงับคำสาปบรรพชนได้อีกแล้ว
“อย่ามากล่าวหาว่าข้าไม่หยุดเขา…เจ้าเด็กนั่นมันพิเศษ…ข้าแก่แล้วและข้าจะช่วยด้วยหากเผ่าของเจ้าสานสัมพันธ์กับเขา” จิ่วตี้มองไฮ่จื่อด้วยความรักและเมตตา
………………………………………………….