Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2001 ทะเล
แผ่นดินเซียนดารา ห้าแคว้นหลักและ 72 แคว้นย่อยของเผ่าเทพได้ครอบครองพื้นที่มากกว่าครึ่งของแผ่นดินเซียนดารา ที่เหลืออีกเกือบครึ่งเป็นของ 36 แคว้นของเผ่าโบราณโดยมีพื้นที่ทะเลอันกว้างใหญ่ขนาดหนึ่งในสิบของแผ่นดินเซียนดารามาแบ่งทั้งสองเผ่าออกจากกัน
ทะเลแห่งนี้คือทะเลอันกว้างใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา มันมีแต่คลื่นโหมกระหน่ำและมีหมอกตลอดทั้งปี การที่คนธรรมดาจะข้ามผ่านไปถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่เซียนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้เช่นกัน
ทะเลนี้คือม่านป้องกันตามธรรมชาติเพื่อไม่ให้เผ่าเทพและเผ่าโบราณไปมาหากันได้
บริเวณชายแดนคือแผ่นดินทิศเหนือและทางเหนือสุดคือแคว้นหานเมี่ยน ซึ่งไม่ได้ใหญ่นักและส่วนใหญ่มีแต่หิมะปกคลุม
เหล่าเซียนที่อาศัยอยู่บนแคว้นแห่งนี้ต่างก็คุ้นชินกับสภาพอากาศ ส่วนใหญ่บ่มเพาะวิถีที่เกี่ยวกับความหนาวเย็น ที่นี่มีคนธรรมดาน้อยมากและยิ่งขึ้นเหนือไปอีกก็ยิ่งมีคนธรรมดาน้อยลง
สุดเขตแคว้นทางเหนือคือทะเลอันกว้างใหญ่ หากมองแคว้นหานเมี่ยนจากมุมสูงจะดูเหมือนเป็นเศษน้ำแข็งลอยอยู่ตรงขอบทะเล ซึ่งมันถูกทะเลซัดกระหน่ำทุกคืนวันแต่ก็ไม่เคยละลาย
ยามคลื่นซัดเข้าใส่แคว้นอาจได้เห็นเศษน้ำแข็งลอยอยู่บนผิวน้ำ
ห่างจากสุดขอบแคว้นมาหมื่นลี้เป็นที่ที่ไร้สัญญาณชีวิต แม้แต่เซียนก็ไม่ค่อยมาที่นี่เนื่องจากหนาวเย็นเกินไปและเหล่าเซียนที่มีร่างกายอาจได้กลายเป็นน้ำแข็งที่นี่เนื่องจากไม่สามารถรอดชีวิตได้นานเกินไป
สายลมหิมะส่งเสียงหวีดหวิวในท้องฟ้า เกล็ดหิมะลอยสูงขึ้นในอากาศพร้อมกับสายลม จากนั้นลอยล่องลงสู่พื้นดิน
ในโลกแห่งสายลมหิมะบริเวณนี้ พื้นดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ภายในสายลมหิมะมีร่างสามคนที่กำลังก้าวเดินออกมาไกลๆ
ในสามคนนั้น คนตรงหน้าสวมเสื้อคลุมหนาและมีเรือนผมสีขาว หิมะจำนวนมากปะปนเข้าไปในเส้นผมและมีชั้นหิมะหนาปกคลุมเสื้อผ้า ทุกย่างก้าวที่เขาเดินจะมีหิมะหลุดออกไปและมีของใหม่ถาโถมเข้ามา
ส่วนสองคนด้านหลัง หนึ่งนั้นดูเหมือนชายชราแต่หากสังเกตอย่างละเอียดเขาเป็นชายวัยกลางคน ทั้งร่างมีแต่หิมะและดูเหมือนโดนแช่แข็ง สองมือป้องปากและมีควันสีขาวพ่นออกมาเป็นพักๆ เมื่อใดก็ตามที่เขามองคนข้างๆ เขาจะเต็มไปด้วยความอิจฉา!
บนไหล่ของอีกฝ่ายมีอสรพิษตัวเล็กแต่มันดูเหมือนมังกร มันนอนบนไหล่ชายหนุ่มอย่างขี้เกียจ เมื่อใดที่ชายคนนั้นกำลังจะโดนแช่แข็ง มันจะพ่นลมหายใจเพื่อทำให้ก้าวเดินต่อไปได้
คนสุดท้ายเป็นชายร่างกำยำแต่ถ้าพูดให้ถูกคือเขาไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ทว่าเป็นร่างผอมบางที่สวมผ้าไหมหลายชั้น เขาดูเหมือนตัวอ้วนและเดินวางท่า พยายามยกเท้าขึ้นตอนที่จมเข้าไปในหิมะ
สถานที่แห่งนี้หนาวเย็นแต่ชายหนุ่มกลับมีเหงื่อบนหน้าผาก พ่นควันสีขาวดูน่าสนใจ
เสียงฝีเท้าย่ำไปบนหิมะ เมื่อสายลมหิมะพัดผ่าน รอยเท้าจึงถูกลบเลือนไปในเวลาไม่นาน มีเพียงเสียงของแต่ละคนที่ไม่สามารถโดนสายลมกลืนไปได้
“ปู่ฉวี่เจ้ายังเป็นคนฉลาด ในโลกถ้ำมีแบบนี้ แผ่นดินเซียนดาราก็ต้องมีเหมือนกัน จินเปียวน้อย เจ้าอยากมาแทนตำแหน่งปู่ฉวี่แต่เจ้าไล่ตามไม่ทันหรอก!” ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าหนาหลายชั้นมีท่าทีภูมิใจ เขาปาดเหงื่อบนใบหน้า
“วันนี้มันร้อนอะไรกัน นี่มันร้อนเกินไป ข้ายืนไม่ไหว มันร้อนเกินไปแล้ว จินเปียว เจ้าไม่ร้อนเลยหรือ? ข้าร้อนขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ชายด้านข้างเขาคือหลิวจินเปียว เขาชำเลืองมองฉวี่ลี่กั๋วอย่างร้ายกาจ ขณะที่กำลังจะพูดขึ้นมา สายลมเย็นพัดผ่านทำให้เขาต้องสั่นไหว แม้แต่หน้ายังถอดสี
“เอ๋ จินเปียว ทำไมเจ้าตัวสั่นขนาดนั้น? หรือว่าเจ้าหนาว? อย่าทำเป็นแกล้งเลย เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก ปู่ฉวี่เจ้าเห็นทุกอย่างในเมืองหลวงแล้ว ข้าได้สมบัติมาเยอะมากและมีชีวิตที่ดี ข้ายังได้นอนเตียงอุ่นๆของน้องดอกไม้งามเชียวนะ น้องลูกท้อแดงและน้องลูกท้อฟ้าด้วย ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดี จินเปียว เจ้าใช้เวลาไปกับอะไร?” ฉวี่ลี่กั๋วปั้นใบหน้าดูเป็นมิตรแต่ในสายตามีความเย่อหยิ่งและมีท่าทีทำให้หลิวจินเปียวอยากสู้กับเขาจนตายไปข้าง
“อาา…ข้าใส่เสื้อเยอะเกินไปมันถึงร้อนขนาดนี้ ข้าขอพูดสักหน่อยหลิวจินเปียว เจ้าดูหนาวจริงๆ ไม่ต้องห่วง ปู่ฉวี่เป็นสหายที่ดีกับเจ้า ข้าจะมอบให้…” ฉวี่ลี่กั๋วมองหลิวจินเปียวและตั้งใจหยุดชะงัก
หลิวจินเปียวตกตะลึงและเผยท่าทีตกใจตอนที่ฉวี่ลี่กั๋วยิ้มอย่างซุกซนและพูดต่อไป
“ขอข้าแนะนำเสื้อผ้าล้ำค่านี้เสียหน่อย เมื่อเจ้าฟังแล้วจะรับรู้ได้ถึงความอัศจรรย์ของมันและบางทีเจ้าจะไม่หนาวอีกเลย เจ้ามีเต๋าแห่งการหลอกลวงไม่ใช่หรือ? จงหลอกตัวเองว่าเจ้ากำลังสวมเสื้อผ้าอุ่นๆจำนวนมากมาย เมื่อนั้นเจ้าก็จะไม่หนาวอีก!” ฉวี่ลี่กั๋วจับเสื้อผ้าบนร่างและส่ายศีรษะ
“เสื้อผ้าพวกนี้เป็นสมบัติมีค่า มันสร้างขึ้นมาจากใยสวรรค์และสามารถสร้างความอบอุ่นได้มหาศาล ปู่ฉวี่ขโมยมาจากตระกูลเฉิน!”
“ผ้าไหมชิ้นนี้ก็เป็นสมบัติเช่นกัน เมื่อเจ้าสวมใส่มันจะรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กองเพลิง ปู่ฉวี่มีราชาเป็นผู้สนับสนุนจึงขโมยมาจากตระกูลจ้าว!”
“ชิ้นนี้…”
“ชิ้นนี้…”
“และชิ้นนี้อีก…” ฉวี่ลี่กั๋วอธิบายทีละชิ้น ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ หลิวจินเปียวร้องคำราม
“ฉวี่ลี่กั๋ว!!”
“เจ้าจะเรียกหาปู่ฉวี่เพื่ออะไร? เจ้ากล้าขโมยพวกมันต่อหน้านายท่านเชียวหรือ? เจ้าช่างกล้านัก หลิวน้อย!” ฉวี่ลี่กั๋วเบิกตากว้างและพับแขนเสื้อขึ้น แต่เขาใส่ไปหลายชั้นเกิน ดังนั้นพอพับขึ้นหนึ่งตัวก็มีซ้อนอีกจนพับขึ้นไม่ได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน
“นายท่าน…ดูเขาสิ…ข้า…ข้า…” หลิวจินเปียวมองฉวี่ลี่กั๋วและมองหวังหลินซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าโดยไม่สนท่าทีอ้อนวอน
“นายท่านเมินเขาไปเลย ก็เขาต้องการเพิ่มระดับบ่มเพาะเอง นายท่านเดินช้าๆ นะ หิมะบนพื้นมันลื่น ฉวี่น้อยดูแลตัวเองได้ ท่านไม่ต้องกังวล” ฉวี่ลี่กั๋วรีบเดินขึ้นไปหลังหวังหลินและนวดไหล่ผ่านเสื้อกันหนาว เขาหันกลับมาจ้องมองหลิวจินเปียวอย่างภูมิใจและชั่วร้าย
ฉวี่ลี่กั๋วส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไป “เจ้าอยากขโมยตำแหน่งของฉวี่ลี่กั๋วจากนายท่านเหรอ? เฮอะ เจ้าไม่มีสิทธิ์ ตอนที่ปู่ฉวี่ติดตามนายท่าน เจ้ายังดูดนมอยู่เลย!”
“เจ้า…”
“ข้าอะไร? ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนแนะนำนายท่านหรอกหรือว่าระดับบ่มเพาะของเราไม่สูงพอ เราควรเดินไปทางเหนือด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง สิ่งนี้จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับเพิ่มระดับบ่มเพาะไปด้วย!”
“ข้าเป็นคนพูดเอง แล้วอย่างไร? ระดับบ่มเพาะของข้าไม่สูงเหมือนเจ้าและข้าก็ไม่มีมังกรขี้เกียจมาช่วยด้วย ข้ากลัวหนาวจึงสวมเสื้อผ้าหนาๆ เจ้าจะโกรธอะไรอีก? ถ้าเจ้ามีเสื้อผ้าดีดีก็สวมไป” ฉวี่ลี่กั๋วพ่นลมหายใจ
พอเห็นว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันต่อไป หวังหลินจึงขมวดคิ้ว นับตั้งแต่ที่สองคนปรากฏขึ้นมาก็ทะเลาะกันไม่หยุด
“พอแล้ว หลิวจินเปียว หากเจ้าทนไม่ไหว ข้าจะส่งเจ้ากลับเข้าไปในมิติเก็บของ” หวังหลินหยุดและมองหลิวจินเปียวที่กำลังตัวสั่นจากความหนาว
“ข้าไม่สามารถปล่อยให้ฉวี่ลี่กั๋วมีโอกาสอยู่กับนายท่านคนเดียวได้ เจ้านี่อาจพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับข้า!” หลิวจินเปียวกัดฟันและส่ายศีรษะ
“นายท่าน ข้า…ข้ายังทนไหว!” หลิวจินเปียวร่างสั่น แม้แต่เสียงก็ยังสั่นเครือ
“ฉวี่ลี่กั๋ว ถอดเสื้อผ้าสักสองสามชิ้นและมอบให้หลิวจินเปียวใส่” หวังหลินมองความคิดแต่ละคนออก จากนั้นเดินออกไปไกล
ฉวี่ลี่กั๋วถอดออกมาสองสามชิ้นโดยไม่ยินยอมและโยนให้หลิวจินเปียว ทั้งสองจ้องมองกันอย่างดุเดือดและสาปแช่งด้วยสายตาก่อนจะติดตามหวังหลิน
วันเวลาผ่านไป หวังหลินเดินผ่านทางเหนือเข้าสู่ทะเลกว้างใหญ่โดยไม่เร่งรีบ ความหนาวเย็นรุนแรงขึ้นจนแม้แต่ฉวี่ลี่กั๋วอดทนไม่ไหว หวังหลินสะบัดแขนพาทุกคนหายไป
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งตรงสุดขอบแผ่นดิน เบื้องหน้าคือทะเลสีดำที่มีคลื่นกระหน่ำ เศษน้ำแข็งขนาดใหญ่ปะทะกันจนเกิดเสียงดังลั่น
“หลังจากข้ามพื้นที่นี้ไป ข้าจะอยู่บนเผ่าโบราณ…” หวังหลินสะบัดแขนเก็บหลิวจินเปียวและฉวี่ลี่กั๋วเข้าไปในมิติเก็บของ เขาขบคิดชั่วขณะก่อนที่ร่างกายกะพริบวาบและปรากฏบนเศษน้ำแข็งยักษ์หนึ่งก้อน
หวังหลินยืนอยู่บนน้ำแข็ง มองกลับไปที่เผ่าเทพ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ผ่านไปในชั่วพริบตา ความทรงจำหลายอย่างราวกับสายลมหนาวพัดเส้นผมสีขาวให้พริ้วไหวและทะยานออกไป
น้ำแข็งด้านล่างหวังหลินลอยขึ้นและหล่นไปในทะเล มันเคลื่อนตัวออกไปไกลและออกห่างเผ่าเทพจนดูพร่าเลื่อน
หวังหลินยืนอยู่บนนั้น จ้องมองเผ่าเทพที่กำลังละสายตาออกไปเรื่อยๆ เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจำนวนมากกำลังจะหายไป
“เหลียนต้าวเฟย…เมื่อข้ากลับมา…” หวังหลินไม่ได้พึมพำส่วนที่เหลือของประโยค ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและหนักแน่น!
เวลาผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน หวังหลินมองไม่เห็นเผ่าเทพอีกแล้ว ณ เส้นขอบฟ้ามีเพียงคลื่นทะเล ดวงอาทิตย์สีแดงร้อนแรงค่อยๆ ลับขอบฟ้า โลกเปลี่ยนกลายเป็นความมืด หวังหลินหันตัวกลับมา
“อาจารย์ซวนลั่ว…ศิษย์กำลังมา” หวังหลินแววตาเป็นประกายพลางยกเท้าขึ้นมาและหายตัวไปจากน้ำแข็งอย่างไร้ร่องรอย
………………………………………………….