Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2002 เส้นทาง
วันคืนสับเปลี่ยนหมุนเวียนและคลื่นทะเลซัดไปมา สิ่งเหล่านี้คือสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงและเป็นเสียงเดียวบนทะเลอันกว้างใหญ่
ทะเลไม่หนาวเย็นอีกแล้วและเริ่มชื้น ท้องทะเลรุนแรงมากขึ้น คลื่นทะเลราวกับต้องการกระชากท้องฟ้าให้เป็นชิ้นๆ
ราวกับมีอสูรแข็งแกร่งอยู่ในทะเล และมันกำลังทำให้ทะเลเข้ามาแทนที่ท้องฟ้า!
มังกรสมุทรเคลื่อนตัวอยู่ใต้ทะเลและคล่องตัวมากยิ่งกว่าอยู่ในท้องฟ้า บนศีรษะมีร่างชายชุดขาวยืนอยู่
หวังหลินไม่ได้ใช้บิดมิติเพื่อรีบไปเผ่าโบราณด้วยความเร็วสูงสุด เขาปล่อยให้มังกรสมุทรว่ายน้ำไป ส่วนตัวหวังหลินนั่งอยู่บนมังกรและเริ่มปรับแต่งระดับบ่มเพาะ
‘การเดินทางสู่เผ่าโบราณควรจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้อาจารย์ซวนลั่วก็อยู่ที่นั่น…’ ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงลืมตา ท้องฟ้าสีครามสดใส ดวงอาทิตย์ส่งความอบอุ่นมาบนร่างกาย
‘ในเผ่าโบราณ ข้าจะต้องทำตัวให้สงบ ช่วงระหว่างการฝึกฝนนี้ข้าจำเป็นต้องทำตามสัญญาที่ให้กับอาจารย์ไว้เสร็จสิ้น ข้าจำเป็นต้องปกป้องอาณาเขตเต๋าและคุ้มครองการเกิดใหม่ของอาจารย์’
‘นอกจากนี้ข้าก็เป็นคนของเผ่าโบราณ…’ หวังหลินถอนหายใจพลางดูโศกเศร้า
‘น่าเสียดายที่ในเผ่าเทพ ข้าไม่เจอฉิงชุ่ย ซือถูหนาน…และไม่เจอ…ลี่เฉียนเหมย นี่ช่างน่าเสียดาย…’
‘ช่างมันเถอะ เมื่อข้ากลับไปเผ่าเทพอีกครั้ง ข้าอาจจะหาพวกเขาเจอ’ หวังหลินถอนหายใจ ก่อนจะจากมาเขาได้แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่เจอ
‘ข้าจะไม่มุ่งหน้าไปอาณาเขตซื่อหรืออาณาเขตจวี่ แต่มุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงของอาณาเขตเต๋า ข้าสงสัยจริงว่าจะเทียบกับเมืองหลวงของเผ่าเทพได้หรือไม่’ หวังหลินมองออกไปยังพื้นที่ห่างไกลอย่างเงียบงัน
‘ข้ายังขาดแคลนระดับบ่มเพาะ ดังนั้นจึงต้องการปิดด่านบ่มเพาะในเผ่าโบราณและมุ่งมั่นสู่ระดับมหาชั้นฟ้า เมื่อข้าทำสิ่งที่สัญญากับอาจารย์สำเร็จแล้ว ข้าจะออกไปตามหาวิญญาณของหวานเอ๋อร์…’ พอคิดถึงลี่มู่หวาน แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความเศร้า
‘หวานเอ๋อร์…เศษวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ไหน…เมื่อใดที่วิญญาณเจ้าสมบูรณ์ข้าจึงจะหาวิธีฟื้นคืนเจ้าได้…’ หวังหลินถอนหายใจ แขนขวายื่นออกไปในอากาศ เปิดรอยแยกสู่มิติเก็บของ
ก่อนหน้านี้หวังหลินไม่สามารถเปิดได้โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ตอนนี้เขาสามารถทำได้ง่ายๆ
หวังหลินสามารถชดเชยพลังระหว่างโลกถ้ำและแผ่นดินเซียนดาราได้อย่างสมบูรณ์จนมิติเก็บของไม่ถูกทำลาย กระบี่โลหิตที่ทำให้หวังหลินมีชื่อเสียงโด่งดังจึงลอยออกมาและเปล่งจิตสังหาร
‘ของชิ้นนี้เป็นของเผ่าโบราณอาณาเขตเต๋า…’ หวังหลินถือกระบี่โลหิตและสัมผัสอย่างเบามือ เพียงแค่สัมผัสปล่ายนิ้วราวกับจิตสังหารดูมีความสุขขึ้น
‘มันเป็นของเย่โม่…ตอนที่ข้าได้ศีรษะเย่โม่ ข้าสัญญาว่าจะเมตตาต่อลูกหลานของเขา การเดินทางสู่เผ่าโบราณ ข้าจึงต้องค้นหาลูกหลานของเย่โม่…’ หวังหลินถือกระบี่พลางสะบัดให้มันลอยขึ้นไปในท้องฟ้า หลังจากนั้นสักพักจึงส่งเสียงพึมพำขึ้นมา
‘ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าตอนนี้ ข้าสามารถปลดปล่อยพลังทุกส่วนของมันได้อย่างง่ายดาย’ กระบี่โลหิตสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังปะทุ บนกระบี่มีรอยแตกนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาราวกับลอกคราบและมีชั้นหนังถูกลบเลือนไป
แสงสีแดงโลหิตจากกระบี่ยิ่งรุนแรงยิ่ง ตอนนั้นหวังหลินไม่เข้าใจนักแต่ตอนนี้เขาเห็นผนึกอยู่บนตัวกระบี่ จึงได้ทำลายผนึกไป
จิตสังหารของกระบี่ยิ่งรุนแรงขึ้นและห่อหุ้มพื้นที่ทะเลรอบด้านกว่าห้าร้อยลี้ ราวกับเกิดพายุและร่างเงาขนาดใหญ่ขึ้นมา ซึ่งร่างเงานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของเผ่าโบราณ!
ทั้งร่างสวมชุดเกราะและถือกระบี่โลหิตเรียวยาวที่มือขวา กระบี่เล่มนี้ราวกับสามารถแบ่งท้องฟ้าได้ในคราเดียว!
‘บ้านเกิดของเย่โม่ อาณาเขตเต๋าโบราณที่มีอาจารย์อยู่…สถานที่ที่ข้าต้องคุ้มครอง ข้าสงสัยว่ามันเป็นสถานที่แบบไหนกัน’ หวังหลินมองกระบี่โลหิตและเก็บกลับไป ร่างเงาหายไปกลายเป็นท้องฟ้าสดใสเหมือนเดิม
‘หลังจากดูดซับเศษกระบี่ แก่นแท้โลหะของข้าก็สมบูรณ์ ห้าธาตุผสานกันเป็นหนึ่ง ระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้น’ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินแตกต่างจากของคนอื่น เขาต้องการแก่นแท้ที่มากขึ้นเพื่อเพิ่มระดับบ่มเพาะ
เมื่อแก่นแท้โลหะสมบูรณ์ หวังหลินจึงก้าวทะยานจากขั้นวิบากดับสูญระดับกลางไปสู่ระดับปลาย จากนั้นเนื่องจากได้สืบทอดพลังของบรรพชนเทพ เขาจึงสามารถสร้างโครงร่างตะวันมหาชั้นฟ้าขึ้นมาตอนที่ระเบิดระดับบ่มเพาะเต็มที่
‘ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารนั้นสมบูรณ์แล้ว ร่างแก่นแท้ห้าธาตุสมบูรณ์เช่นกัน ต่อไปก็เป็นแก่นแท้นามธรรมของข้า…’
‘หากข้าสามารถทำความเข้าใจอีกสองแก่นแท้นามธรรม ระดับบ่มเพาะของข้าก็จะเพิ่มไปสู่ขั้นวิบากแก่นแท้ระดับสูงสุด เพียงแต่การรู้แจ้งแก่นแท้นามธรรมเป็นเรื่องยากมาก…ในทั้งชีวิตข้า รู้แจ้งเพียงแค่สามอย่างเท่านั้น’ ในช่วงความสงบนี้ หวังหลินเริ่มวิเคราะห์อนาคตการบ่มเพาะของตัวเอง
‘หากข้าพึ่งพาแก่นแท้นามธรรมในการยกระดับการบ่มเพาะ เมื่อนั้นการบ่มเพาะในอนาคตของข้าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก…คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีก่อนที่ข้าจะเพิ่มขึ้นได้อีกรอบ’ หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองมังกรสมุทรที่กำลังว่ายอยู่ข้างใต้ มันทะลุผ่านคลื่นทะเลและกลายเป็นเส้นสายหนึ่งในทะเล
คลื่นทะเลถาโถมทำให้ทะเลขึ้นลง หวังหลินชำเลืองมองก่อนจะเริ่มขบคิดถึงเส้นทางในอนาคต
‘ข้าจะไม่ทำแบบนี้ หากดำเนินไปข้าคงไม่รู้ว่าเมื่อไรข้าจะมีพลังในการกลับสู่แคว้นเทพ ระดับบ่มเพาะของข้าแตกต่างกว่าคนอื่น ดังนั้นบางทีข้าอาจจะเจอวิธีอื่นในการเพิ่มระดับบ่มเพาะได้’ หวังหลินจมดิ่งไปในความคิดของตัวเอง
หลายวันต่อมาหวังหลินลืมตาด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย
‘ข้าไม่สามารถพึ่งพาแก่นแท้นามธรรมได้ ถึงเช่นนั้นข้าจะเก็บแก่นแท้นามธรรมไว้เป็นเป้าหมายระยะยาว ช่วงระหว่างนั้นข้าจะเน้นไปที่ร่างแก่นแท้ห้าธาตุและร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหาร’
‘แก่นแท้วารี เพลิงและปฐพีมีร่างแก่นแท้แล้ว ตอนนี้มีเพียงธาตุโลหะและธาตุไม้ที่ต้องควบแน่นเป็นร่างแก่นแท้ ตามการวิเคราะห์ของข้า เมื่อทั้งสองแก่นแท้มีร่างแก่นแท้ขึ้นมา ร่างแก่นแท้ห้าธาตุก็จะสมบูรณ์!’
‘หากเป็นเช่นนั้น ตอนที่ข้าเพิ่มระดับบ่มไปสู่วิบากแก่นแท้ระดับสูงสุดมีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการยกระดับแก่นแท้นามธรรมได้…แม้พลังการต่อสู้อาจจะด้อยลงไปมากเนื่องจากแก่นแท้นามธรรมไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อมันสมบูรณ์ขึ้นมาได้ พลังของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!’
‘จากนั้นก็จะเป็นตาของร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหาร ตอนนี้มีเพียงแค่แก่นแท้สายฟ้าที่สร้างร่างแก่นแท้ขึ้นมาได้ ส่วนที่เหลืออีกสี่แก่นแท้คือ แก่นแท้สังหาร จุดเริ่มต้นแท้จริง จุดจบแท้จริงและเขตอาคม ล้วนไม่สมบูรณ์ หากพวกมันสามารถสร้างร่างแก่นแท้ของตัวเองขึ้นมาได้ ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารของข้าก็จะสมบูรณ์และทำให้ระดับบ่มเพาะเหนือล้ำเกินกว่าวิบากแก่นแท้!’
‘แต่ข้ายังต้องรอจนกว่าแก่นแท้โลหะและแก่นแท้ไม้กลายเป็นร่างแก่นแท้เสียก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าหนทางเส้นนี้เป็นตามที่ข้าคิดหรือไม่’ หวังหลินขบคิดพลางตัดสินใจในอนาคต
‘ส่วนเค้าโครงตะวันมหาชั้นฟ้า…ที่มันปรากฏขึ้นมาได้ต้องเกี่ยวข้องกับพลังบรรพชนเทพที่ข้าสืบทอดมาแน่’
‘การสืบทอดพลังของบรรพชนเทพไม่ได้เพิ่มระดับบ่มเพาะแต่ทำให้ข้าควบแน่นดวงตะวันนั้นขึ้นมาได้เมื่อข้าระเบิดระดับบ่มเพาะออกไปเต็มกำลัง ด้วยตะวันดวงนั้น พลังการต่อสู้ของข้าก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล!’
‘ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์แตกหัก ด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้และพลังการต่อสู้ ข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่ใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า แม้แต่มหาชั้นฟ้าเองข้าก็ยังต่อสู้ได้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะเผาพลังมหาชั้นฟ้าของตัวเองมาสู้ด้วย!’
‘หากการวิเคราะห์ของข้าถูกต้อง เมื่อธาตุทั้งห้าก่อเกิดร่างแก่นแท้และระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้น ข้าน่าจะสามารถต่อกรกับมหาชั้นฟ้าที่เผาพลังของตัวเองได้!’
‘และเมื่อร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารได้รับร่างแก่นแท้เพิ่มขึ้น ก็จะมีมหาชั้นฟ้าไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับข้าได้! และหากข้ารู้แจ้งแก่นแท้นามธรรมที่สี่ซึ่งเป็นแก่นแท้แห่งการเกิดใหม่ ข้าจะสามารถใช้มันทะลวงผ่านม่านแห่งความฝันอันมากมายเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของข้าจนได้รับแก่นแท้นามธรรมอันที่ห้า!’
‘ถึงตอนนั้น…’ หวังหลินแววตาเปล่งประกาย
‘มหาชั้นฟ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! นอกจากนี้เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะก็เป็นแค่ทางผ่านระหว่างวิบากแก่นแท้และมหาชั้นฟ้า การเปลี่ยนผ่านนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ทั้งนั้น!’
‘ในอนาคต ข้ายังมีร่างอวตารในมิติว่าง…ร่างอวตารกำลังเติบโต ข้าจะไม่ใช้มันเว้นแต่จะเป็นตัวเลือกสุดท้าย!’
‘เวลา…ข้าต้องการเวลา!’ หวังหลินหลับตาและเพ่งสมาธิตัวเองเข้าไปในศีรษะบรรพชนเทพที่อยู่ในมิติเก็บของ หวังหลินศึกษามันระหว่างทางและเข้าใจว่าเมื่อสามารถผสานศีรษะเข้าไปในเค้าโครงดวงตะวันมหาชั้นฟ้าได้อย่างเหมาะสม ดวงตะวันนั้นก็จะเป็นรูปร่างขึ้นมา ซึ่งเมื่อดวงตะวันเป็นรูปเป็นร่าง หวังหลินก็จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้าคนที่สิบได้อย่างแท้จริง!
เขามีของอีกสองชิ้นในมิติเก็บของ หนึ่งคือเส้นผมหนึ่งเส้นและอีกชิ้นคือกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ของทั้งสองทำให้หวังหลินรู้สึกคุ้นเคยยิ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้นตอของความคุ้นเคยนี้มาจากที่ไหน
เวลาผ่านไปในแต่ละวัน คลื่นยิ่งซัดรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังมีพลังของกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา พลังนี้คือกุญแจสำคัญในการแบ่งแยกเผ่าเทพและเผ่าโบราณเอาไว้
อย่างไรก็ตามสำหรับหวังหลินนั้น พลังนี้ยังอ่อนเกินไปเมื่อเทียบกับที่เขาเจอในมิติว่าง ดังนั้นหวังหลินจึงไม่สนใจ กลิ่นอายของเขาห่อหุ้มมังกรสมุทร ทำให้มันทะยานไปได้เร็วขึ้น!
ในท้องฟ้ามีจุดสีดำหนึ่งจุด มันคืออสูรยุง หวังหลินปลดปล่อยออกมาและมันส่งเสียงร้องอย่างร่าเริงเพื่อให้มันติดตามหวังหลินไปยังเผ่าโบราณ
หลายเดือนต่อมา เมื่อหวังหลินลืมตาอีกครั้งเขาได้เห็นสุดขอบทะเลมีพื้นดินสีดำที่แตกต่างจากเผ่าเทพ พื้นดินสีดำของเผ่าโบราณเปล่งสัมผัสความอ้างว้าง
……………………………………………………..