Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2003 ทูตอาณาเขตเต๋า
แผ่นดินอันกว้างใหญ่ของเผ่าโบราณปกคลุมไปด้วยพื้นดินสีดำ
ที่นี่แตกต่างจากเผ่าเทพอันสวยงามและบอบบาง ที่นี่กว้างใหญ่และขรุขระ โดยเฉพาะพื้นดินสีดำที่ทำให้คนรู้สึกโดนกดดัน
แต่ขณะเดียวกันหากสูดกลิ่นอายของอาณาเขตแห่งนี้เข้าไปอาจทำให้รู้สึกกลมกลืนไปด้วยกันได้
เผ่าโบราณมีการปกครองระบอบราชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ไม่เหมือนเผ่าเทพ และแบ่งออกเป็นสามอาณาเขตใหญ่ คืออาณาเขตฉี อาณาเขตเต๋าและอาณาเขตจวี่
พลังอำนาจของสามจักรพรรดิโบราณไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิเทพจะเทียงเคียงได้ ที่นี่นั้นพลังของราชวงศ์มีอำนาจสูงสุด กลายเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็นห่อหุ้มทั่วดินแดนและจิตใจของคนในเผ่าโบราณทุกคน
ในวังหลวงของเผ่าเทพนั้นเมื่อเกิดอันตราย ทุกคนเลือกหนีไปได้โดยไม่ลังเลและไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเอง ทว่าในเผ่าโบราณมีเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้น
หนึ่งคือผู้บุกรุกตาย
สองคือทั้งตระกูลสูญสิ้น!
ที่นี่คือเผ่าโบราณซึ่งสืบทอดมานานหลายปี แม้จะโดนเผ่าเทพหัวเราะเยาะแต่กลับเป็นพลังอำนาจที่จักรพรรดิเทพทุกรุ่นใฝ่ฝัน!
จักรพรรดิของเผ่าโบราณคือฟ้าดินและเป็นตัวแทนของบรรพชนโบราณ สายโลหิตอันสูงส่งของแต่ละคนไม่สามารถถูกพลังใดลบเลือนได้! เผ่าโบราณแทบทุกคนล้วนเคารพในสายโลหิต!
แม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่มีสิทธิ์ลบล้างตำแหน่งจักรพรรดิโบราณ ในด้านระดับบ่มเพาะนั้นมหาชั้นฟ้าถือเป็นองครักษ์ของเผ่าพันธุ์ แต่ในแง่ของพลังอำนาจ จักรพรรดิโบราณสามารถสั่งการได้ทุกคนในเผ่า!
หากคำสั่งมีข้อขัดแย้งระหว่างจักรพรรดิโบราณและมหาชั้นฟ้า ผู้คนจะฟังคำสั่งจักรพรรดิโบราณมากกว่ามหาชั้นฟ้า!
นี่คือข้อแตกต่างจากเผ่าเทพ ในเผ่าเทพนั้นจิ่วตี้กล้าวางแผนแม้กระทั่งการสังหารจักรพรรดิเทพ!
แต่ในเผ่าโบราณ แม้มหาชั้นฟ้าจะทรงพลังแต่ก็ไม่เคยทำร้ายจักรพรรดิโบราณคนใด นั่นเป็นเพราะกฎที่มหาชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราได้วางเอาไว้!
ณ ใจกลางของสามเผ่ามีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโบราณตั้งอยู่ ที่นั่นคือสถานที่ที่มีมหาชั้นฟ้าผู้แข็งแกร่งที่สุด
หวังหลินรู้เรื่องเผ่าโบราณมาจากซวนลั่วตอนที่อยู่ในโลกถ้ำและได้รับจากบันทึกของสำนักตะวันม่วง ทำให้หวังหลินไม่หลงทางตอนที่เข้าสู่เผ่าเทพเป็นครั้งแรก
ทว่าเผ่าโบราณกว้างใหญ่เกินไปและหวังหลินก็ไม่มีแผนที่ของอาณาเขตเต๋า เขาแค่ต้องค้นหาแผนที่ให้เจอก่อนจะมุ่งหน้าไปอาณาเขตเต๋า
‘สามอาณาเขตของเผ่าโบราณมีอาณาเขตฉีซึ่งทรงพลังที่สุด อาณาเขตจวี่ที่กลมเกลียวกันที่สุด และอาณาเขตเต๋าที่มีคนมากที่สุดแต่ก็อ่อนแอที่สุด’ หวังหลินก้าวเดินไปบนพื้นดินสีดำและสูดหายใจลึก
หวังหลินคุกเข่าและคว้าดินมาหนึ่งกำมือ พอวางไว้ใกล้จมูกทำให้สัมผัสได้ถึงพลังที่ทำให้สายโลหิตโบราณของหวังหลินสั่นสะท้าน
‘อาจารย์ ศิษย์มาถึงเผ่าโบราณแล้ว…’ หวังหลินยืนขึ้นและก้าวเดินต่อไป
เบื้องหน้าหวังหลินมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากหินสีดำซึ่งทั้งทนทานและเปล่งความรู้สึกกดดัน
ความรู้สึกกดขี่เช่นนี้ราวกับอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของทุกคนในเผ่าโบราณ
สิ่งก่อสร้างภายในเมืองล้วนมีขนาดใหญ่และไม่เป็นระเบียบ คนในเผ่าโบราณเดินผ่านในเมืองอย่างเร่งรีบ มีชายร่างกำยำสวมชุดเกราะหนากำลังร้องตะโกนโหวกเหวก คนทั่วไปที่เห็นเขาจะเกิดอาการหวาดกลัวและหลีกเลี่ยงทันที
ด้านนอกเมืองมีผู้คนอยู่หนึ่งกลุ่ม ดูมีชีวิตชีวายิ่ง
หวังหลินอยู่ไกลจากประตูเมือง เขาไม่ได้เข้าไปและยืนมองจากตรงนี้ เขาเห็นเหล่ามารโบราณ ปิศาจโบราณและเทพโบราณเต็มไปหมด! แม้ขนาดแต่ละคนจะเท่ากันแต่ดวงดาวตรงกลางหน้าผาก ในตาซ้ายและตาขวาทำให้หวังหลินเกิดความรู้สึกคุ้นเคย
เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้เห็นคนของเผ่าโบราณมากขนาดนี้
ด้านนอกประตูเมืองมีชายร่างกำยำสวมชุดหนังอยู่เจ็ดคน แต่ละคนมีดวงดาวกะพริบกลางหน้าผากหรือในดวงตาของตนเอง พวกเขามองเหล่าคนด้านนอกอย่างเหลืออดและยังร้องตะโกนใส่
“รีบเข้า คนข้างหลัง เร็วกว่านี้! ประตูเมืองจะปิดลงในอีกครึ่งก้านธูป!”
“หลังจากเข้าเมืองศิลาดำแล้ว จงกระจายตัวและพักอยู่ในเมืองสามวัน! หากไม่มีคำสั่งของจ้าวเมือง ไม่มีใครอนุญาตให้ออกไปได้!”
เพียงชายกำยำร้องคำราม รอบประตูเมืองที่ดูมีชีวิตชีวาค่อยๆเงียบลง เหล่าคนที่ต้องการเข้าเมืองต่างก็เร่งจังหวะของตัวเอง
เพียงไม่ถึงเวลาครึ่งก้านธูป ด้านนอกเมืองก็ว่างเปล่า แตกต่างจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง คนในเผ่าโบราณที่เข้าเมืองไปต่างก็แยกย้ายอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นคนเดินอยู่ในเมือง สิ่งเดียวที่พอมองเห็นได้คือชายร่างกำยำสวมชุดหนังยืนอยู่ในมุมต่างๆ ของเมืองเกือบร้อยคน แต่ละคนมักจะส่งสายตาไปที่ประตูเมือง บางครั้งก็หันไปมองหอคอยสูงใจกลางเมือง
หวังหลินเผยร่างตัวเองด้านนอกประตูเมืองและดึงดูดความสนใจของชายร่างกำยำเจ็ดคน
หวังหลินถอนสายตาและก้าวเดินเข้าไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง ในเมืองแห่งนี้ไม่มีคนแข็งแกร่ง หวังหลินต้องการแผนที่ที่มีรายละเอียดมากที่สุดซึ่งมีแค่คนแข็งแกร่งเท่านั้นจะมีหินหยกได้
แต่เพียงแค่เขาหันตัวกลับ เสียงหนึ่งดังจากด้านหลัง
“หยุด!”
ชายร่างกำยำจำนวนสองคนก้าวเดินเข้าหาทันที พวกเขาต่างก็มีดาวเทพโบราณห้าดวงอยู่กลางหน้าผาก
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาหยุดและหันกลับมามองทั้งสองคน
ชายร่างกำยำสองคนมีสายตาดุดัน หนึ่งในนั้นร้องตะโกนอย่างไม่เป็นมิตร “เจ้าเป็นใคร เจ้ามาจากไหน?!”
หวังหลินเอ่ยขึ้น “หวังหลิน”
“เจ้ายืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วและยังไม่เข้าเมือง นำสิ่งยืนยันตัวตนของเจ้าออกมา!” ชายร่างกำยำอีกคนยื่นมือตรงออกไป
และพูดต่อ “และเปิดเผยอักขระเผ่าของเจ้าด้วย!”
หวังหลินยิ้มบางและมีดาวเก้าดวงปรากฏขึ้นกลางหน้าผากอย่างช้าๆ ทั้งเก้าดวงเปล่งแสงน่ากลัวและทำให้หวังหลินดูไม่แตกต่างจากคนในเผ่าโบราณคนอื่น
เมื่อดาวเก้าดวงปรากฏขึ้น ชายร่างกำยำสองคนตกตะลึงและหรี่สายตา จากนั้นก้าวถอยหลังและคำนับฝ่ามือให้กับหวังหลิน
“ขอคารวะ ท่านมหาเทพ เราไม่รู้ว่าท่านมาที่นี่และเสียมารยาท โปรดลงโทษเราด้วยเถิดท่านมหาเทพ” ทั้งสองเคารพยิ่งและเกิดอาการตื่นเต้น
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้อีกห้าคนนอกประตูเมืองเกิดความสนใจ หลังจากเห็นดาวเก้าดวงกลางหน้าผากหวังหลิน จึงก้าวเดินเข้ามาและคำนับฝ่ามือ
“ขอคารวะ ท่านมหาเทพ!”
หวังหลินค่อนข้างตกตะลึงแต่มีสีหน้าเช่นเดิม เขาไม่ได้เข้าใจเรื่องในเผ่าโบราณมากนัก รู้แค่ภูมิทัศน์คร่าวๆ และสิ่งก่อสร้างที่เรียบง่าย แต่ไม่ได้รวมถึงวัฒนธรรมภายใน
‘หลังจากข้าเปิดเผยดาวเทพโบราณเก้าดวง พวกนี้เริ่มเรียกข้าว่าเป็น’มหาเทพ’? เป็นไปได้ว่าปิศาจโบราณเก้าดาวจะถูกเรียกว่าจ้าวปิศาจและมารโบราณเก้าดาวจะถูกเรียกว่าจอมมาร?’ หวังหลินคาดเดา
‘การสืบทอดที่ข้าได้จากแย่โม่นั้นไม่สมบูรณ์และข้าไม่มีความทรงจำของเขามากนัก ข้ารู้แค่ว่าในเผ่าโบราณ ไม่ว่าจะมาจากอาณาเขตแห่งไหน ต่างก็ล้วนประกอบด้วยเทพโบราณ ปิศาจโบราณและมารโบราณเท่านั้น’
‘แล้วคนที่มีดาวเทพโบราณเก้าดวง มารโบราณเก้าดวงและปิศาจโบราณเก้าดวงจะมีชื่อเรียกอะไร…’ หวังหลินขบคิดและนึกถึงตอนที่เขาผ่านหายนะที่สองในสามบททดสอบตอนที่อยู่ในโลกถ้ำและได้รับการยอมรับจากบรรพชนโบราณ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้หวังหลินจะฝืนบ่มเพาะร่างโบราณแต่ก็บรรลุสามเผ่าพันธุ์ได้เผ่าละเก้าดวง ซึ่งหวังหลินแทบไม่เผยมันออกมาให้ใครเห็น
‘จากท่าทีของแต่ละคน ในเผ่าโบราณไม่ได้มีคนที่มีดาวเก้าดวงมากนัก…หรือบางทีที่นี่อาจจะห่างไกลเกินไป’ หวังหลินเผยรอยยิ้มเบาบาง
“ไม่ต้องมีพิธี เจ้ามีหยกแผนที่หรือไม่?” หวังหลินถามคร่าวๆ มีคนในเผ่าเทพไม่มากนักที่จะเข้าใจได้เนื่องจากมันเป็นภาษาเฉพาะของเผ่าโบราณ
ชายร่างกำยำตกตะลึงแต่ไม่ได้ตั้งคำถามอะไร เขาสะบัดแขนปรากฏหินหยกขึ้นมา หินหยกนี้เหมือนกับในเผ่าเทพแต่กลิ่นอายที่ใช้เปิดกลับต่างกัน
“หยกของผู้น้อยไม่สมบูรณ์นักและเป็นแค่แผนที่คร่าวๆ” ชายร่างกำยำนำหินหยกออกมาอย่างเคารพ หวังหลินรับเอาไว้และใช้พลังโบราณกวาดผ่านไป
จากแผนที่หินหยกและด้วยความเข้าใจของหวังหลิน ตอนนี้จึงรู้ว่าเหนือสุดมีสิบสองแคว้นซึ่งเป็นของอาณาเขตฉี ทางตอนใต้แบ่งออกเป็นสองทิศทางคืออาณาเขตจวี่และอาณาเขตเต๋า ทำมุมกันเป็นรูปสามเหลี่ยม
เมืองศิลาดำอยู่ตรงสุดขอบชายแดนของแคว้นมู่ซางในอาณาเขตฉี
หวังหลินถือหินหยกและเอ่ยถาม “ข้าสงสัยหนึ่งเรื่อง ทำไมถึงจะปิดผนึกเมือง?”
หนึ่งในสองชายร่างกำยำขานรับหวังหลินและไม่มีความลับอะไร “รายงานต่อท่านมหาเทพ ข้ารับคำสั่งจากจ้าวเมืองให้มาเคลียร์ประตูเมืองศิลาดำภายในเวลาหนึ่งก้านธูปไหม้เพื่อต้อนรับองค์ชายจี้ตูและทูตอาณาเขตเต๋า”
“ทูตอาณาเขตเต๋า? ข้าเพิ่งออกมาจากปิดด่านบ่มเพาะจึงไม่รู้เรื่องนี้ เล่ารายละเอียดมา” หวังหลินมีแววตาเป็นประกายโดยไม่มีใครสังเกตได้
ชายร่างกำยำตอบรับอย่างเคารพ
“ผู้น้อยไม่รู้เรื่องทูตอาณาเขตเต๋ามากนัก แต่ลือกันว่าราชวงศ์ของอาณาเขตเต๋าได้ส่งคนออกมาทุกร้อยปีเพื่อค้นหาสาวงาม ว่ากันว่า…จักรพรรดิเต๋ากำลังคัดเลือกนางสนม”
………………………………………………..