Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2007 ช่วยเหลือ!
‘องค์ชายจี้ตูช่างมีเล่ห์เหลี่ยม…ภาพในหินหยกนี้แทบเหมือนกับข้าไม่มีผิดและทำให้คนสามารถจำได้ข้า นั่นแปลว่าตอนที่เขาเห็นข้าในเมืองศิลาดำ เขาสงสัยข้าไว้อยู่แล้ว!’
‘แต่ซ่อนไว้อย่างดีจนแม้แต่ข้าก็ไม่สังเกต’ หวังหลินมองจี้ตู ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเคารพแต่ตอนนี้กลับซีดเผือดและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
‘นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงจงใจใช้ปิศาจโบราณโจมตีเพื่อยืนยันข้อสงสัย จากนั้นพอมั่นใจแล้วจึงหงายไพ่ออกมา ท้ายที่สุดเพื่อให้ข้าอยู่ต่อ จึงขอให้ข้ามาด้วยเหตุผลว่าจะได้ชดเชยที่ทำลงไป’
‘แต่ในเมื่อเขากล้าชี้ตัวตนของข้าออกมาที่นี่และโค้งคำนับข้า นั่นหมายความว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย กระนั้นทำไมเขาถึงคิดว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะของเผ่าเทพคงไม่สังหารองค์ชายแบบเขากัน…’
‘เว้นแต่…’ หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง สายตามององค์ชายจี้ตูชั่วขณะก่อนจะถอนสายตากลับมา
หวังหลินพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้ากล้าบอกเรื่องนี้กับข้า เช่นนั้นเจ้าก็รู้ตัวตนของข้าอยู่แล้ว”
หลังองค์ชายจี้ตูได้ยินเช่นนี้จึงผ่อนคลายเล็กน้อย ท่าทางก่อนหน้าของเขาเหมือนกับเดินเข้าหาความตายแต่เขาก็มุ่งมั่น เขายอมทิ้งโอกาสหลังจากนี้เพื่อพบเจอหวังหลิน เพราะมันคือการกำหนดโชคชะตาของตัวเอง!
“ศิษย์เพียงคนเดียวของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วแห่งอาณาเขตเต๋ามีชื่อว่าหวังหลิน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ ในฐานะคนของราชวงศ์ เราพอจะรู้ได้ ตอนที่ซวนลั่วไปที่เผ่าเทพและกลับมา เขาปิดด่านบ่มเพาะทันที เราเริ่มทำการตรวจสอบและยิ่งมีมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนช่วยเหลือ เราจึงคาดเดาเรื่องราวส่วนใหญ่ได้”
“แต่ถึงแบบนั้น ท่านพ่อและมหาชั้นฟ้าซ่งเทียนก็ไม่มั่นใจว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวหวังหลินของเผ่าเทพคือคนเดียวกับศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วหรือไม่”
“แม้กระทั่งผู้น้อยก็เพิ่งมาตระหนักเรื่องนี้ได้หลังจากเห็นผู้อาวุโสที่เมืองศิลาดำ นี่แสดงว่าผู้อาวุโสเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วจริงๆ!” จี้ตูพูดไปด้วยและหลั่งเหงื่อไปด้วย เบื้องหน้าหวังหลินเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับพ่อตนเอง มันเทียบได้กับมหาชั้นฟ้าซ่งเทียน
สตรีด้านหลังเขาถึงกับหน้าซีดที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้ นางเต็มไปด้วยสายตาไม่เชื่อ แต่การที่นางได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ แสดงว่านางเป็นคนที่จี้ตูเชื่อใจ
หวังหลินกวาดสายตาผ่านนางไป นางหน้าตาคล้ายกับจี้ตู
“นี่คือน้องสาวข้า นางก็เหมือนแม่ข้า” จี้ตูรีบอธิบาย
หวังหลินเอ่ย “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของข้า รู้ว่าข้าคือศิษย์ของซวนลั่วและเห็นข้าขอแผนที่อาณาเขตเต๋า เจ้ารู้ว่าข้ากำลังไปที่นั่น ทำไมเจ้าถึงโค้งคำนับข้า?”
“ผู้อาวุโส อาณาเขตเต๋าไม่ใช่ที่ที่ดี…แม้ผู้อาวุโสจะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว ทว่าจักรพรรดิเต๋ามีจิตใจคับแคบ หากผู้อาวุโสไปคงจะโดนข่มเหงอย่างแน่นอน…” ก่อนที่องค์ชายจี้ตูจะพูดจบ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายเย็นเยียบและพ่นลมหายใจเย็น
หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและหันหน้าเตรียมตัวจะออกไปจากวัง
“ผู้อาวุโส!!” องค์ชายจี้ตูกัดฟันและคุกเข่าลงหนึ่งข้าง! ในฐานะองค์ชาย เขาคุกเข่าแค่เพียงท่านพ่อและท่านแม่เท่านั้นและไม่มีคนอื่นอีก แต่วันนี้เขายอมคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลิน
หากเป็นเผ่าเทพ เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในเผ่าโบราณซึ่งพลังอำนาจราชวงศ์ถือยศศักดิ์อันสูงสุด การกระทำขององค์ชายจี้ตูมากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง!
น้องสาวก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อยนางก็คุกเข่าลงด้วย
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยยอมกลายเป็นลูกบุญธรรมของท่านและยอมให้ท่านเป็นพ่อบุญธรรม เมื่อข้ากลายเป็นจักรพรรดิอาณาเขตฉี ท่านจะกลายเป็นราชบิดา!!”
“ข้าอยากขอให้ผู้อาวุโสช่วยข้า! พ่อข้ามีลูกชายเจ็ดคนและข้าเป็นคนที่ห้า หากผู้อาวุโสยอมช่วยเหลือ ข้ายอมทำตามที่ผู้อาวุโสร้องขอทุกอย่าง!” องค์ชายจี้ตูพูดเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ
หวังหลินหยุดลงและหันกลับมามององค์ชายจี้ตู สายตาค่อยๆ เผยแสงอันน่ากลัว
“ในฐานะองค์ชายของอาณาเขตฉี ผู้มีพลังอำนาจปกครองอันสูงสุด ถึงกับคุกเข่าให้กับข้าเช่นนี้…ตอบคำถามข้ามา ว่าใครเป็นบอกเจ้าให้มากับทูตอาณาเขตเต๋า?”
“ใครเป็นคนบอกว่าหากเจ้าเจอข้า เจ้ากระทั่งต้องยอมคุกเข่าให้ข้าอยู่!”
“และใครเป็นคนบอกให้เจ้ามาเจอข้าที่เมืองศิลาดำ?” หวังหลินไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นโดยไม่มีต้นเหตุ ไม่เช่นนั้นองค์ชายคงไม่คุกเข่า ใครสักคนต้องบอกเขาล่วงหน้า!
และคนผู้นี้ต้องเป็นคนที่องค์ชายเชื่อใจมากพอจนต้องยอมทำตามคำแนะนำ!
องค์ชายจี้ตูหน้าซีด แม้เขาจะเป็นคนเจ้าวางแผน แต่เบื้องหน้าหวังหลินกลับรู้สึกเหมือนโดนมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“เป็น…เป็นราชครู…ราชครูคือท่านลุงของข้า เป็นพี่ชายของท่านแม่…สิบปีก่อนเขาออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะและทำนายอนาคตของข้า เขาบอกข้าว่าเมื่อทูตอาณาเขตเต๋ามาข้า ข้าต้องไปกับเขา และข้าจะได้พบโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา…”
“หากข้าคว้าโอกาสนี้ไว้ โชคชะตาของข้าจะเปลี่ยนแปลงและอนาคตจะไม่มีขีดจำกัด…แต่หากข้าไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี…ส่วนรายละเอียด เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและสัมผัสแค่เลือนลาง จากนั้นเขา…เขาก็ตาย”
พอเจอกับสายตาแรงกล้าของหวังหลิน จิตใจองค์ชายจี้ตูก็สั่นไหวและไม่กล้าซ่อนงำอะไรเลย
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาค่อนข้างกลัวต่อชื่อของคำว่าราชครู คนพวกนี้เก่งด้านการทำนายและหวังหลินก็เห็นแล้วว่าพวกนี้น่ากลัวแค่ไหนตอนที่อยู่ในเผ่าเทพ
แต่ราชครูของเผ่าโบราณเห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบกับเผ่าเทพได้และไม่สามารถมองหลายเรื่องได้ชัดเจน ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน ไม่ว่าองค์ชายเจ้าเล่ห์แค่ไหน หวังหลินสามารถบอกได้ว่าโกหกหรือไม่โกหก
“หากพ่อบุญธรรมช่วยข้า ทุกอย่างก็จะจบ! ตอนนี้ท่านพ่อมีอายุมากขึ้นและพร้อมวางมือแล้ว จักรพรรดิคนใหม่จะถูกเลือกจากลูกหลานทั้งเจ็ดคน…ท่านพ่อบุญธรรมไม่จำเป็นต้องตัดสินใจทันที แต่วันใดที่พ่อบุญธรรมตัดสินใจจะออกมาจากอาณาเขตเต๋าและไม่มีที่ไป ท่านมาหาลูกคนนี้เพื่อให้ข้าได้ตอบแทนความกตัญญูเถิด” องค์ชายจี้ตูรีบพูด
“ลูกเตรียมของขวัญให้พ่อบุญธรรมแล้ว นี่คือความกตัญญูที่มีต่อพ่อบุญธรรม โปรดรับไว้ด้วยเถอะ” องค์ชายรีบยกแขนขึ้นและมีบางอย่างปรากฏขึ้นมา
มันคือกล่องหยกและเขายื่นส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและรับมา ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและเห็นหินหยกข้างในและทรงกระบอกหนาเท่านิ้วมือ
“หินหยกก้อนนี้เป็นสมบัติทรงพลังของอาณาเขตฉี พ่อข้ามอบให้ตอนที่ข้าเกิด มีเพียงสายเลือดราชวงศ์ของอาณาเขตฉีที่จะได้มาเท่านั้นและในชีวิตได้เพียงหนึ่งชิ้น”
“มันคือหินหยกบรรพชน มีพลังอำนาจของดัชนีบรรพชนโบราณผนึกไว้ข้างใน ของชิ้นนี้ทรงพลังมากแต่หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือการทำความเข้าใจ หากทำความเข้าใจดัชนีนี้ได้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก”
“แต่เหล่าองค์ชายอาณาเขตฉีรุ่นก่อนทุกรุ่นและแม้แต่เหล่าจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ มันคือสมบัติทรงพลังที่สุดที่องค์ชายได้รับมา ลูกคนนี้ขอมอบมันเป็นของขวัญให้แก่พ่อบุญธรรม”
“วัตถุทรงกระบอกนี้มีของเหลวอยู่แต่ไม่สามารถสืบหาต้นกำเนิดของมันได้ บรรพชนโบราณทิ้งเอาไว้และมีแก่นแท้ไม้อันบริสุทธิ์ ลูกรู้ว่าการที่ท่านพ่อบุญธรรมมีชื่อเสียงในเผ่าเทพได้ขนาดนั้น ท่านต้องบ่มเพาะแก่นแท้ ดังนั้นจึงเตรียมการสิ่งนี้ไว้”
“ลูกคนนี้เป็นแค่องค์ชายและไม่ใช่จักรพรรดิฉี แต่หากได้กลายเป็นจักรพรรดิฉี ข้าจะเปิดคลังสมบัติของอาณาเขตฉีให้พ่อบุญธรรมเลือกสรร ข้าจะใช้ทุกอย่างของอาณาเขตฉีเพื่อตอบแทนพ่อบุญธรรมในการช่วยข้าขึ้นสู่บัลลังก์!!” คำพูดขององค์ชายเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
หวังหลินถือกล่องหยกเอาไว้และขบคิด แต่ไม่ได้เก็บมันไป
ขณะที่หวังหลินขบคิด ทั้งราชวังต่างก็ไร้เสียง องค์ชายจี้ตูเคร่งเครียดยิ่งและเขาไม่ได้โกหก จิตใจเขากระวนกระวายอยู่จริงๆ เขาจริงใจมากแล้วและยอมเสียสิ่งมีค่าแลกไป ทั้งยังคุกเข่าลง ยอมให้หวังหลินเป็นพ่อบุญธรรมอย่างไม่ลังเลและยังมอบของขวัญเพื่อให้หวังหลินยอมรับและช่วยเหลือ
เขาเชื่อมั่นในท่านลุงที่ตายเมื่อสิบปีก่อน สิ่งที่ท่านลุงบอกเขาก่อนตายได้ประทับไว้ในใจ
‘ข้าไม่สามารถทำนายว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่หากเขายอมช่วยเหลือ เจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิฉี กระทั่งมีโอกาสที่สามารถรวมสามอาณาเขตให้เป็นปึกแผ่นและกลายเป็นจักรพรรดิโบราณตัวจริง!!’
‘ข้าไม่ผิดพลาด นี่คือร่องรอยอนาคตที่ข้าจะทำนายได้ด้วยเศษเสี้ยวชีวิตข้า!’
‘หากเขาไม่ช่วยท่าน เมื่อนั้น…ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงร้อยปี…’ จี้ตูคิดถึงท่านลุง สายตาโศกเศร้าของท่านลุงค่อยๆ หลับลงและปล่อยมือจี้ตู
“พ่อบุญธรรม!!” จี้ตูคุกเข่าอยู่บนพื้นและโขกคำนับให้แก่หวังหลิน
เสียงร้องอ้อนวอนดังกึกก้องอยู่ในวังและทำลายความเงียบ น้องสาวของเขาหน้าซีดเผือด นางรู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญต่อพี่ชายอย่างมาก!
ผ่านไปสักพัก ขณะที่เสียงอ้อนวอนดังกึกก้อง หวังหลินจึงเอ่ยออกไปเช่นกัน
“มอบหินหยกที่เอาไว้ให้ข้าค้นหาเจ้ามา!”
จี้ตูร่างสั่นและมีใบหน้าเปี่ยมสุข เขารีบนำหินหยกออกมาและยื่นส่งแก่หวังหลินอย่างตื่นเต้น
“หากมีวันใดวันหนึ่งตอนที่ข้าออกมาจากอาณาเขตเต๋า เจ้าค่อยเรียกข้าว่า ‘พ่อบุญธรรม!’ ” หวังหลินตัดสินใจว่าเขาไม่สามารถเอาทั้งอนาคตของตัวเองในอาณาเขตเต๋ามาเสี่ยงทำอะไรคนเดียวได้ หวังหลินจะรับโอกาสนี้ไว้และให้กลายเป็นกองหนุน!
หลังจากพูดจบ หวังหลินจึงเก็นกล่องหยกและหินหยกที่จี้ตู้มอบให้ เขาหันตัวกลับและก้าวออกไป ร่างกายหายวับไปในสายหมอก
หลังจากหวังหลินไป จี้ตูชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่เขาตื่นเต้นมากและกำหมัดแน่น
“น้องสาว ด้วยความเข้าใจของข้าเรื่องจักรพรรดิเต๋า พ่อบุญธรรมจะรู้สึกอึดอัดแน่นอน คนทรงพลังแบบเขาไม่ใช่คนที่จักรพรรดิเต๋าจะรั้งเอาไว้ได้ พ่อบุญธรรมจะมาช่วยข้าแน่นอน…เขาต้องมาแน่!”
นางยืนขึ้นและเอ่ยถามเบาๆ “มันคุ้มค่าแล้วหรือไม่…”
องค์ชายจี้ตู้หัวเราะ
“มันคุ้มแล้ว! ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องไปเจอมหาชั้นฟ้าซวนลั่วเลย นี่แสดงให้เห็นว่าพ่อบุญธรรมคนนี้ห่วงใยความสัมพันธ์แค่ไหน ในเมื่อข้าเคารพเขาและรับเขาเป็นพ่อบุญธรรม เขาจะไม่ทำอันตรายข้า!”
…………………………………………..