Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2008 คำนับเตาธูป
อาณาเขตเต๋าของเผ่าโบราณตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแผ่นดินเซียนดารา มีสิบสองแคว้นเทียบได้กับแคว้นของเผ่าเทพ แต่ค่อนข้างใหญ่กว่า
หากไม่มีวิชาบิดมิติและพึ่งพาแต่การเหาะเหิน คงใช้เวลาหลายปีกว่าจะข้ามผ่านระยะทางขนาดนี้ แต่เผ่าโบราณมีทั้งเทพโบราณ ปิศาจโบราณและมารโบราณที่มีขนาดยักษ์ พวกเขาสามารถเปิดท้องฟ้าและย่นระยะเวลาเดินทางไปได้มหาศาล
ทูตอาณาเขตเต๋าเพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็กลับสู่เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าได้แล้ว
เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศ มองไกลๆ เมืองนี้ดูน่าอัศจรรย์ยิ่ง มันลอยอยู่ในสวรรค์และเปล่งแรงกดดันทรงพลัง
รอบเมืองมีก้อนหินลอยอยู่นับไม่ถ้วน ก้อนหินเหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกันและลอยอยู่ในท้องฟ้าโดยมีเมืองเป็นจุดศูนย์กลาง
หลังจากทูตอาณาเขตเต๋ากลับมาถึงเมืองได้หนึ่งเดือน หวังหลินข้ามผ่านแผ่นดินของเผ่าโบราณอันกว้างใหญ่โดยใช้แผนที่และมาถึงที่นี่ได้
เขามองเมืองที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าอยู่ชั่วขณะ
แม้เมืองแห่งนี้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าเมืองหลวงของเผ่าโบราณ แต่มันก็ยังงดงามน่าจดจำ ใจกลางเมืองมีรูปปั้นขนาดใหญ่เป็นบุรุษคนหนึ่ง เขามองบนท้องฟ้าด้วยความดูถูก แม้แต่หวังหลินยังสัมผัสถึงความดูถูกนี้จากระยะไกล
หวังหลินพึมพำเบาๆ “บรรพชนโบราณ…”
ด้านนอกเมืองลอยฟ้ามีก้อนหินหมุนวนกลายเป็นค่ายกลอันทรงพลัง ทุกคนที่ต้องการเข้าไปจำเป็นต้องมีหินหยกระบุตัวตน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถก้าวเข้าไปในเมืองได้แม้แต่ครึ่งก้าว
นี่คือพลังแห่งราชวงศ์ของอาณาเขตเต๋า ที่ที่มีจักรพรรดิเต๋าอาศัยอยู่!
ด้านตะวันออกของเมืองลอยฟ้าประกอบไปด้วยสถานที่อันงดงามตระการตาจนกลายเป็นวังหลวง! สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยองครักษ์และเขตอาคมมากมาย รวมไปถึงชั้นหมอกเบาบางสีม่วงที่ทำให้คนมองรู้สึกถึงแรงกดดัน
ในสายตาหวังหลิน หมอกสีม่วงรอบราชวังแห่งนี้คล้ายกับก่อตัวกลายเป็นคนที่มีรูปร่างเลือนลาง ร่างนี้ขนาดใหญ่มากดูราวกับสามารถค้ำจุนท้องฟ้าและไม่สามารถบอกได้ว่ารูปร่างหน้าตาแบบไหน มีเพียงศีรษะสวมมงกุฎอยู่เท่านั้นซึ่งพอจะแยกแยะความแตกต่างได้
ร่างนี้ยังเปล่งกลิ่นอายเผ่าโบราณอันบริสุทธิ์ออกมาด้วย!
เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าไม่ได้ใหญ่เท่าเมืองหลวงของเผ่าเทพ วังหลวงก็เทียบกันไม่ได้ แต่จำนวนองครักษ์และแรงกดดันนั้นเหนือชั้นกว่าราชวังของจักรพรรดิเทพอย่างยิ่ง
องค์รักษ์นับไม่ถ้วนมีอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกวัง แม้แต่คนรับใช้ภายในวังยังมีระดับบ่มเพาะค่อนข้างสูง
หวังหลินยืนอยู่ด้านนอกเป็นเวลานานก่อนจะถอนสายตา ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยจังหวะที่ไม่เร็วเกินไป แต่พอร่างกายหายไป หวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันและลอยเข้าสู่เมืองลอยฟ้า
บริเวณรอบเมืองมีม่านป้องกันหลายชั้นจนคนธรรมดาผ่านเข้าไปได้ยาก ถึงแม้จะเป็นคนแข็งแกร่งก็ยังต้องขมวดคิ้วและหยุดลงข้างหน้า พวกเขาคงต้องทำตามกฎของเมืองลอยฟ้าและใช้หินหยกระบุตัวตนเพื่อเข้าไป
ในสายตาของคนแห่งอาณาเขตเต๋า มีเพียงเก้าคนเท่านั้นที่สามารถเมินเฉยการป้องกันรอบเมืองลอยฟ้าไปได้!
คนทั้งเก้านี้คือเหล่ามหาชั้นฟ้าเก้าคน!
มีเพียงเก้าคนที่สามารถก้าวเดินเข้าสู่เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าได้อย่างมั่นคง!
ทว่าตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ม่านป้องกันไม่สามารถหยุดร่างคล้ายควันของหวังหลินได้ ทำให้เขาปรากฏตัวบนถนนของเมืองหลวง
ภายในเมืองมีคนจำนวนมากอยู่อาศัยทำให้ที่แห่งนี้มีชีวิตชีวายิ่ง
หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้นและมองไปรอบๆ เขามองดูชายหนุ่มและหญิงสาวของอาณาเขตเต๋า จากนั้นด้วยเหตุผลบางอย่างหวังหลินไม่รู้สึกเหมือนตอนที่มาถึงเผ่าโบราณแบบตอนแรกอีกแล้ว
‘อาจารย์น่าจะรู้ว่าข้ามาถึงแล้ว…’ หวังหลินไม่จำเป็นต้องแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณเพื่อจับสัมผัสภูเขาทางสุดเขตทิศใต้ของเมือง ภูเขาลูกนี้มีก้อนเมฆปกคลุมและเปล่งกลิ่นอายของมหาชั้นฟ้า
เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนละมุนภายในกลิ่นอาย จึงเผยรอยยิ้มบางๆ และก้าวเดินไปยังทิศใต้
ทางตอนใต้ของเมืองมีภูเขาสูงทะลุก้อนเมฆ มีขั้นบันไดคดเคี้ยวบนภูเขาพร้อมกับราวจับ ราวกับเป็นจุดแวะพัก
กลิ่นอายสดชื่นแผ่กระจายออกมา เพียงแค่สูดหายใจที่นี่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีกำลังขึ้นมาก
มีคนของอาณาเขตเต๋าหลายคนกำลังเดินขึ้นไปบนอารามด้านบนยอดเขา ทุกคนในอาณาเขตเต๋าต่างก็รู้จักอารามแห่งนี้เป็นอย่างดี!
มันคืออารามเต๋า! ที่ซึ่งมีเพียงมหาชั้นฟ้าคนเดียวแห่งอาณาเขตเต๋า มหาชั้นฟ้าซวนลั่ว พักอาศัย!
อารามเต๋าเปิดให้ทุกคนในอาณาเขตเต๋าเข้ามาได้ ทุกคนสามารถมาถึงอารามเพื่อขอให้ช่วยด้านการทะลวงระดับบ่มเพาะได้ แต่พวกเขาแทบไม่ค่อยเห็นมหาชั้นฟ้าซวนลั่วบ่อยนัก มีแค่ผู้คนทรงพลังทั้งเก้าคนของอาณาเขตเต๋าซึ่งติดตามซวนลั่วเป็นผู้ชี้แนะ
ช่วงเวลาหนึ่ง หนึ่งในเก้าที่อยู่ในอารามเต๋าจะเป็นผู้ชี้นำแก่เหล่าผู้คนร่วมเผ่าพันธุ์!
ด้านนอกอารามมีเตาธูปขนาดยักษ์ตั้งเอาไว้ มันจำเป็นต้องมีสิบคนล้อมรอบข้างในมีทรายสีขาวเทาและมีธูปเก้าดอกปักอยู่ในเตา ควันกำลังลอยฟุ้งขึ้นไปในท้องฟ้า
ประชาชนอาณาเขตเต๋าทุกคนที่มาอารามเต๋าเพื่อเกิดความรู้แจ้งมักจะโค้งคำนับเบื้องหน้าเตาธูป เตาธูปนี้ประหลาดมาก ยิ่งมีคนคำนับมันมากยิ่งมีควันลอยออกมามากขึ้น ธูปทั้งเก้าดอกดูเหมือนไม่มีวันมอดและไหม้อยู่แบบนั้นตั้งแต่ยุคโบราณ
หวังหลินก้าวเดินไปบนแผ่นหินพลางมองภูเขาและควันที่กำลังลอยอยู่ในท้องฟ้า เขาก้าวเดินแต่ละก้าวจนกระทั่งไปถึงยอดเขาและเห็นเตาธูป มีคนจำนวนไม่กี่คนที่ปีนขึ้นมาได้และก้าวเดินเข้าหาอารามเต๋าอย่างเคารพ
หลังจากพวกเขาคำนับธูปทั้งเก้าดอกในเตาเสร็จสิ้น ควันในเตาดูเหมือนเพิ่มขึ้นแต่มันเบาบางมาก หากไม่ได้สนใจอย่างละเอียดคงสังเกตได้ยาก
หวังหลินมองเตาธูปและขบคิดเงียบๆ เขาค่อยๆเดินไปที่เตา เมื่อไปถึงจึงคำนับฝ่ามือและโค้งตัว
การโค้งคำนับนี้ไม่ใช่เพื่อเตาหรือธูปข้างใน แต่เป็นอาจารย์ซวนลั่ว!
นับตั้งแต่ที่เขาเลือกมาที่เผ่าโบราณ เลือกติดตามอาจารย์และเลือกที่จะทำตามคำสาบานในอดีต เมื่อนั้นหวังหลินจึงต้องการวางรากฐานที่นี่จากก้นบึ้งหัวใจ เขาได้เดินท่องไปทั่วหลายพันปีและตอนนี้จึงต้องการอาศัยอยู่อย่างสงบที่นี่
คุ้มครองอาณาเขตเต๋า คุ้มครองการเกิดใหม่ของอาจารย์
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินถึงโค้งคำนับแก่เตาธูป วินาทีที่เขาคิดขึ้นในใจและโค้งคำนับ ธูปเริ่มไหม้อย่างบ้าคลั่ง ควันสีขาวเพิ่มจำนวนขึ้นสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่าหรือกระทั่งหมื่นเท่า!
การเปลี่ยนแปลงของธูปนี้ทำให้คนที่โค้งคำนับเสร็จไม่กี่คนและที่กำลังเดินมาอารามเต๋าต้องหยุดลง พวกเขาหันกลับมาและเผยอาการหวาดกลัว
เหล่าผู้คนอาณาเขตเต๋าซึ่งอยู่ด้านหลังหวังหลินก็หยุดลงด้วยและเผยอาการไม่เชื่อสายตา
เตาธูปสั่นสะเทือนและมีควันพวยพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้ามากมาย ความหนาแน่นของควันมีมากมายยิ่งกว่าเดิมจนถึงจุดที่ไม่สามารถเทียบอะไรกันได้แล้ว หากเทียบก็คงเหมือนหิ่งห้อยกับดวงจันทร์
ควันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและทรงพลังยิ่ง คนทั้งหมดบนภูเขา กระทั่งคนที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองและไกลกว่านั้นสามารถมองเห็นควันนี้ได้ชัดเจน!
ควันสีเขียวนี้ทำให้ดูเหมือนภูเขากำลังเผาไหม้ กลายเป็นรูปทรงเห็นอยู่บนท้องฟ้าและแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง
แม้แต่วังหลวงทางทิศตะวันออกก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน!
ด้านนอกอารามเต๋า เหล่าผู้คนอาณาเขตเต๋าทั้งหมดล้วนตกตะลึงและมีแววตาตกใจ ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นแต่ทุกคนในเมืองลอยฟ้าเองต่างก็ตกตะลึงไปด้วย
และในวินาทีนี้ หวังหลินโค้งตัวไปได้เพียงครึ่งทาง เขายังโค้งคำนับไม่เสร็จ
ขณะเดียวกันในวังหลวงอาณาเขตเต๋า ชายผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสูงศักดิ์และสวมมงกุฎกำลังยืนอยู่บนตำหนักที่สูงที่สุดแห่งหนึ่ง เขามองไปยังควันในท้องฟ้าและขมวดคิ้ว
ด้านหลังเป็นชายชรา เขาเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “องค์จักรพรรดิ ครั้งนี้มีสตรีที่ถูกเลือกมาทั้งสิ้น 31 คน ทั้งหมดได้ถูกจัดแจงให้ผสานกับวิญญาณ…”
ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบ สายตามองควันสีเขียวที่กำลังพวยพุ่งห่างออกไปไกลด้วยอาการตกตะลึง
“ถึงกับทำให้เตาธูปในอารามเต๋าปลดปล่อยควันได้ขนาดนั้น…จงไปตรวจสอบว่าเขาเป็นใคร…” ชายในชุดคลุมสูงศักดิ์ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ร่างกายสั่นเทา แววตาเผยประกายแสงมหึมา!
ชายชราด้านหลังอ้าปากค้างและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ทำให้ตกตะลึงยิ่งกว่าที่เคยเห็นมาก่อนและถึงกับทำให้จิตใจตื่นตระหนก!
ควันสีเขียวได้โค้งตัวลงเป็นเส้นโค้งราวกับไม่สามารถต้านทานพลังการคำนับได้ มันเริ่มแตกสลายและดูเหมือนกำลังพังทลาย!
ฉากเหตุการณ์นี้สั่นคลอนสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง! ทุกคนในเมืองหลวงที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ร้องอุทาน!
นี่มันเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการ แต่ละคนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่ทำให้ควันสีเขียวของอาณาเขตเต๋าต้องโค้งคำนับและแทบพังทลาย แล้วก้านธูปนี้จะโค้งคำนับไปให้ใคร? เห็นได้ชัดว่าควันสีเขียวกำลังโค้งคำนับให้แก่คนผู้หนึ่ง!
ด้านหน้าอารามเต๋า หวังหลินไม่ได้โค้งคำนับต่อไปเพราะเขาเห็นว่าควันไม่สามารถต้านทานการโค้งคำนับของตัวเองได้ หากหวังหลินทำต่อคงทำให้มันพังทลายแน่นอน!
“หวังหลิน…ไม่ต้องคำนับแล้ว…มาที่หลังภูเขา…” น้ำเสียงคุ้นเคยดังออกมาข้างหูหวังหลิน เป็นเสียงอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเมตตา
ร่างหวังหลินตั้งตรงและควันสีเขียวก็หยุดโค้งงอ พอหวังหลินเดินผ่านเตาธูป ควันสีเขียวจึงกลับคืนสู่ปกติ
……………………………………….