Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2012 ก้าวขึ้นภูเขา!
ซวนลั่วยืนอย่างสงบนิ่งแต่ก็เริ่มต่อสู้กับความคิดใจใจ เขารู้ว่ามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวกำลังไม่พอใจและปล่อยให้เขารออยู่ข้างนอก
ทั้งยังรู้ด้วยว่าต้นเหตุแห่งความไม่พอใจนี้คือศิษย์ของเขา ซึ่งมีระดับบ่มเพาะจากเผ่าเทพและแก่นแท้!
มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นคนที่ยึดมั่นต่อสิ่งดั้งเดิม เขาห่วงใยเรื่องสายโลหิตของบรรพชนโบราณ ห่วงใยเรื่องจักรพรรดิโบราณในแต่ละรุ่น!
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมให้คนที่มีโลหิตวิญญาณจะมีกลิ่นอายของเผ่าเทพเจือปนด้วย
หวังหลินร่างสั่นเทา ช่วงระยะเวลาสามวันเสียงกระดิ่งดังขึ้นในจิตใจอย่างต่อเนื่อง พวกมันข่มระดับบ่มเพาะของเขาและพยายามลบล้างมันออกไป
‘ไม่ว่าจะเป็นพลังฝั่งของเทพหรือฝั่งโบราณ ทั้งคู่เป็นของข้าและได้รับมาอย่างยากลำบาก ข้าไม่ยอมเสียระดับบ่มเพาะฝั่งเทพไปหรอก!’ หวังหลินมีแววตาแดงฉาน ความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นและพยายามต่อสู้กับเสียงกระดิ่งต่อไป!
พลังเทพในร่างพยายามโจมตีอย่างต่อเนื่องเพื่อสลายเสียงกระดิ่งในใจ
ขณะที่ร่างหวังหลินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ซวนลั่วมีแววตาเป็นประกาย เขาหันกลับมาและยกแขนขึ้นช่วยหวังหลินต่อต้านกระดิ่ง เพราะหวังหลินคือศิษย์ของเขา!
แต่ขณะที่ซวนลั่วหันกลับมา ประตูหอคอยได้เปิดออกและมีชายหนุ่มก้าวออกมา
“มหาชั้นฟ้าซวนลั่ว บรรพชนกุ้ยต้าวเรียกหาท่าน”
ซวนลั่วหยุดชะงักและขบคิดอยู่สักพัก มือขวายังคงชี้ไปที่หวังหลิน เขาหันกลับมายังหอคอย ชายหนุ่มมองหวังหลินอย่างสนใจก่อนจะกลับเข้าไปในหอคอยและปิดประตู
การชี้ของซวนลั่วทำให้จิตใจหวังหลินสั่นสะเทือนในทันที กลิ่นอายนี้ทำให้หวังหลินรู้สึกอบอุ่นในร่างกาย ช่วยหวังหลินต่อต้านเสียงกระดิ่งได้มากขึ้น
ทำให้ระดับบ่มเพาะและแก่นแท้ของหวังหลินผ่อนคลายลงเล็กน้อย ระดับบ่มเพาะและแก่นแท้รวมกันอย่างรวดเร็ว เพียงพลังของซวนลั่วแทรกซึมเข้ามา เสียงกระดิ่งจึงค่อยๆ เบาลงไป จากนั้นระดับบ่มเพาะและแก่นแท้ของหวังหลินจึงโคจรทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วและเมื่อกระดิ่งเริ่มดังอีกครั้ง จึงเกิดคลื่นเสียงพุ่งเข้าสู่จิตใจ
พวกมันเริ่มเผชิญหน้ากับระดับบ่มเพาะและแก่นแท้ของหวังหลินอีกครั้ง
หวังหลินกระอักโลหิต ร่างกายสั่นไหว เขาถอยกลับลงมาจากขั้นบันได
“สลายระดับบ่มเพาะเทพของเจ้าซะ ลบล้างแก่นแท้ ไม่ต้องสนใจเรื่องในอดีต จงปลุกมรดกแห่งสายโลหิตของเจ้าให้ตื่นขึ้น…หลังจากนี้ข้าจะมอบตำแหน่งองครักษ์อาณาเขตเต๋าและระดับบ่มเพาะขั้นมหาชั้นฟ้าให้!” น้ำเสียงเย็นเยียบและเก่าแก่ดังขึ้นในใจหวังหลินพร้อมกับเสียงกระดิ่ง
หวังหลินหันมองขึ้นไปทันที
ดวงตาแดงก่ำ ระเบิดระดับบ่มเพาะและพลังโบราณในทันที พลังของหวังหลินจึงพุ่งขึ้นไปยังจุดสูงสุด
“ข้าไม่มีระดับบ่มเพาะเผ่าเทพอันใด สิ่งที่ข้ามีคือความแข็งแกร่งของตัวเองที่ข้าได้รับมาตลอดสามพันปี! ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงทำให้ข้าต้องสลายมันไป?!” หวังหลินคำราม เสียงกระดิ่งในร่างปะทุขึ้น พวกมันปะทะเข้ากับระดับบ่มเพาะจนเขากระอักโลหิตอีกครา หวังหลินถอยร่นอย่างต่อเนื่องราวกับมีบางอย่างกำลังผลักดันให้ถอย จนตอนนี้หวังหลินยืนอยู่กลางภูเขา
“แก่นแท้ของข้าคือการรู้แจ้งแห่งชีวิต มันคือผลผลิตของความพยายามตลอดชีวิตข้า ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงสั่งให้ข้าสลายมัน!?” หวังหลินมองขึ้นไป ดวงตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ร้องคำรามสุดชีวิต
หวังหลินกระอักโลหิตอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาเนื่องจากเสียงกระดิ่งปะทะเข้ากับระดับบ่มเพาะอีกครั้ง เขาถอยลงไปยังตีนเขา เหลือบันไดด้านหลังเพียง 19 ขั้น!
“ความทรงจำข้าสำคัญยิ่งกว่าระดับบ่มเพาะ สำคัญกว่าแก่นแท้ สำคัญกว่าสายโลหิต และสำคัญยิ่งกว่าพลังมหาชั้นฟ้าที่ท่านจะมอบให้ข้าเสียอีก! ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อความทรงจำของข้า ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงทำให้ข้าต้องละทิ้งมันไป?!” หวังหลินคำรามอย่างรุนแรง เสียงกระดิ่งภายในร่างดังสนั่นราวกับพวกมันระเบิด
หวังหลินกระอักโลหิตเป็นครั้งที่สี่และถอยกลับไป 18 ขั้น พอถึงขั้นสุดท้ายเท้าหวังหลินเหยียบลงไปเสียงดังปังและฝืนตัวเองให้หยุดตรงนั้น
หวังหลินมองขึ้นไปด้วยแววตาที่แดงก่ำ สีหน้าท่าทางดุดันแต่พลังเสียงกระดิ่งในร่างกายได้ข่มพลังส่วนอื่นไว้อย่างสิ้นเชิง เพียงเท่านั้นหวังหลินระเบิดระดับบ่มเพาะ เรือนผมเปลี่ยนกลายเป็นครึ่งขาวครึ่งดำ ด้านหลังมีเค้าโครงตะวันมหาชั้นฟ้าปรากฏขึ้นมา!
ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าดวงนี้เป็นครึ่งขาวครึ่งดำเช่นกัน มันเปล่งแสงประหลาดและทำให้หวังหลินแสดงความแข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาเทียบได้กับมหาชั้นฟ้า!
วินาทีที่ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินปรากฏ ท้องฟ้าเหนือภูเขากุ้ยต้าวก็เปลี่ยนไป!
น้ำเสียงเรียบเฉยดังออกมาจากหอคอยและดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ “ภูเขากุ้ยต้าวมีทั้งหมด 999 ขั้น หากเจ้าสามารถผ่านได้สามร้อยขั้น ข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าทำตัวไม่เคารพ!”
บนยอดหอคอยมีร่างหนึ่งปกคลุมอยู่ในสายหมอก และเบื้องหน้าเขาคือซวนลั่ว
“ผู้อาวุโสกุ้ยต้าว…” ซวนลั่วมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าไม่ยอมรับศิษย์ของเจ้า!” น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากเงานั้น
“แต่ในเมื่อเจ้าพาเขามาที่นี่แล้ว หากเขาสามารถเดินขึ้นมาได้สามร้อยขั้น ข้าจะปล่อยเจ้าพาเขาไป แต่ข้าจะไม่ช่วยปลุกโลหิตวิญญาณในร่างกายให้”
“ส่วนเรื่องการปกป้องอาณาเขตเต๋า…ในเมื่อเจ้าเลือกเขามาแล้วก็ทำตามนั้น แต่ว่านับตั้งแต่นี้ต่อไป เขาไม่สามารถออกไปจากเผ่าโบราณได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงมือ” คำพูดจากร่างนั้นเย็นเยียบและไร้อารมณ์ความรู้สึก
ซวนลั่วมีท่าทีขมขื่น เขาพาหวังหลินมาที่นี่ด้วยเจตนาดี แต่ไม่คิดว่ากุ้ยต้าวจะพูดเช่นนี้ เขาขบคิดเงียบๆ ก่อนจะเผยสายตามุ่งมั่นและคำนับฝ่ามือให้กับร่างในสายหมอก
ร่างในสายหมอกพูดขึ้น “หากเข้าไม่สามารถผ่านสามร้อยขั้นมาได้ เขาจะต้องอยู่ที่นี่”
ซวนลั่วขบคิด
หวังหลินยืนอยู่ใต้ภูเขากุ้ยต้าวและมองขึ้นไป เขารู้ว่าอาจารย์อยู่ด้านบนและบางที่กำลังมองอยู่
“หวังหลิน ใช้ระดับบ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าและเดินผ่านสามร้อยขั้นมาให้ได้! ให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้เห็นว่าศิษย์ของข้าคู่ควรหรือไม่!” ซวนลั่วเอ่ยเสียงดังออกมาจากยอดภูเขาและแฝงความโกรธเกรี้ยว
นี่คือความโกรธของซวนลั่ว เขาพูดออกมาอยู่บนยอดหอคอยและไม่สนใจกุ้ยต้าวที่อยู่ด้านข้างอย่างสิ้นเชิง
ซวนลั่วมองร่างในสายหมอกและเอ่ยปาก “ข้าพาเขาออกมาจากโลกถ้ำและนำเขามาที่นี่ มีทางเดียวที่ข้าจะไม่พาเขาไปด้วยคือข้าได้ตายไปแล้ว!” แผ่นหลังตั้งตรงและไม่โค้งคำนับอีกต่อไป
ร่างในสายหมอกไม่ได้พูดอะไรออกมา บนยอดหอคอยเงียบสงัด
ซวนลั่วมีความรู้สึกพิเศษต่อหวังหลิน เขาเฝ้าดูหวังหลินดิ้นรนพยายามอยู่ในโลกถ้ำ เป็นพยานรู้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความบากบั่นของหวังหลิน กระทั่งได้เห็นหวังหลินรู้สึกอย่างไรต่อหญิงสาวที่ชื่อหวานเอ๋อร์
ซวนลั่วไม่สามารถลืมน้ำตาและความโหยหาของหวังหลินที่มีต่อภรรยาเขาในโลกถ้ำไปได้
เรื่องนี้ทำให้เขาคิดถึงตัวเองในอดีต แม้แต่สิ่งที่หวังหลินเจอในเผ่าเทพก็ทำให้ซวนลั่วคิดถึงตัวเอง ราวกับอดีตของทั้งสองคนได้ทับซ้อนกัน
หวังหลินยืนอยู่บนก้าวแรกพร้อมกับได้ยินคำพูดของอาจารย์ดังกึกก้องในหู ดวงตาจึงเผยความมุ่งมั่น เขาไม่ชอบภูเขากุ้ยต้าวและคงไม่มีวันเคารพมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวอีกครั้ง!
‘ในโลกนี้ ผู้แข็งแกร่งกุมชะตาของผู้อ่อนแอ…ระดับบ่มเพาะของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวแข็งแกร่งและเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นจึงสามารถบังคับข้าได้…แต่วันหนึ่งหากข้าหวังหลินผู้นี้ได้กลายเป็นคนแข็งแกร่งและมาแทนที่กุ้ยต้าว ข้าจะเป็นสรวงสวรรค์กำหนดชะตาเอง!’ หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย เค้าโครงดวงตะวันมหาชั้นฟ้าด้านหลังกำลังทอแสงผสานเข้ากับร่างกายและทำให้หวังหลินดูตัวสูงขึ้น
หวังหลินยกเท้าและก้าวไปข้างหน้าทันที!
การก้าวนี้คือการต่อต้านเผ่าโบราณในขั้นแรก! เป็นการท้าทายต่อเผ่าโบรราณ เป็นรอยแตกแห่งแรกในความสัมพันธ์กับเผ่าโบราณ!
เดิมทีหวังหลินตั้งใจจะอยู่ในเผ่าโบราณเพราะความกตัญญูของอาจารย์ เขายอมอดทนคุกเข่าต่อจักรพรรดิเต๋าและอดทนต่ออำนาจราชวงศ์แห่งเผ่าโบราณ
แต่ถึงแม้เขาจะยังอดทน แต่ตอนนี้มีรอยแตกระหว่างหวังหลินกับเผ่าโบราณขึ้นมาแล้ว บางทีหากไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้น รอยแตกนี้จะสมานกันอย่างเชื่องช้าเพราะมีซวนลั่ว…
แต่…
โอกาสนี้หายไปอย่างสิ้นเชิงจากเหตุการณ์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า!
ภายในวังของเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า จักรพรรดิเต๋ากำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ เบื้องหน้าเป็นชายชราในชุดสีม่วงสามคนและกำลังคุกเข่าอย่างตื่นเต้น
“ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม นับเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เราได้ค้นหาหญิงสาวมากมายมาผสานกับดวงวิญญาณ แต่ไม่มีใครที่สามารถผสานได้ แต่ละคนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงและไม่สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณได้เลย”
“แต่บัดนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ผสานเข้ากับวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์!!” เสียงของชายชราเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาลอบดำเนินการแผนนี้มาหลายร้อยปี สิ่งที่รอคอยต้องเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่!
“นางมาจากไหนและนางมีชื่ออะไร?” จักรพรรดิเต๋าดูสงบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาไม่อาจลืมสิ่งที่ราชครูพูดเอาไว้ วิญญาณดวงนี้สามารถทำให้เขากลายเป็นจักรพรรดิโบราณตัวจริงที่ปกครองทั่วทั้งเผ่าโบราณ!!
ชายชราอีกคนรีบพูดขึ้น “นางมาจากอาณาเขตฉี นางมีชื่อว่า ซ่งจื่อ!”
“พาซ่งจื่อคนนั้นเข้ามาในวัง ข้าอยากเจอนางตัวต่อตัว พวกเจ้าบอกประชาชนว่าในอีกสามเดือน ข้าจะมีพิธีเฉลิมฉลองครั้งใหญ่! ข้าจะรับซ่งจื่อเป็นภรรยาและทำให้นางกลายเป็นจักพรรรดินี!” จักรพรรดิเต๋าลุกขึ้นพลางหัวเราะ
…………………………………………………