Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2018 หนึ่งดัชนีของบรรพชนโบราณ
หวังหลินวางหินหยกเชิญชวนเอาไว้และไม่สนใจอีก เพราะหากเทียบพิธีแต่งตั้งจักรพรรดินีของจักรพรรดิเต๋าแล้ว การบ่มเพาะของเขาสำคัญกว่า
‘ร่างแก่นแท้โลหะจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ในอีกไม่กี่วัน เมื่อร่างแก่นแท้ห้าธาตุสมบูรณ์ ข้าจะสามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคาดไว้นั้นถูกต้องหรือไม่’ หวังหลินเผยความกังวล หากร่างแก่นแท้ห้าธาตุสมบูรณ์แล้วเขายังอยู่ในระดับวิบากดับสูญระดับปลาย นั่นแปลว่าสิ่งที่คาดไว้เป็นเรื่องผิด
เมื่อล้มเหลว หวังหลินคงต้องละทิ้งการสร้างร่างแก่นแท้ส่วนอื่นและมาเน้นที่การทำความรู้แจ้งแก่นแท้นามธรรมอย่างที่สี่ ต่อจากแก่นแท้ชีวิตและความตาย เวรกรรมและจริงเท็จ
ทว่าแก่นแท้นามธรรมนั้นพร่าเลือนอย่างยิ่งและพึ่งพาโอกาสและความรู้แจ้งในเชิงลึก บางทีเขาอาจจะได้มันในเวลาไม่กี่ปีหรืออาจไม่เจอเบาะแสอะไรเลยไปหลายพันปี
ซึ่งทำให้หวังหลินมองแก่นแท้โลหะด้วยความกังวลปนคาดหวัง
ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงถอนหายใจและถอนสายตาออกมา เขาทำทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้ว ไม่ว่าระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ เขาจะได้รับคำตอบในอีกไม่กี่วัน
หวังหลินลืมตาขึ้นเล็กน้อย หลังจากขบคิดจึงสะบัดแขนให้บ้านไม้มีแสงเจิดจ้า ค่ายกลหนึ่งก่อเกิดขึ้นมา มันทำให้ไม่มีเสียง มองจากภายนอกไม่มีแสงเล็ดลอดออกไป
หวังหลินก้าวเข้าไปในค่ายกลและหายตัวไป
พื้นดินด้านล่างค่ายกลมีถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งลึกลงไปแสนฟุตอยู่ใต้บ้านไม้ ถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน หวังหลินสร้างเอาไว้ในวันที่เขาปิดด่านบ่มเพาะ
ถ้ำขนาดหลายพันฟุตแห่งนี้ ใจกลางมีดวงอาทิตย์สีขาวดำขนาดยักษ์ลอยอยู่!
แม้จะเป็นเพียงแค่โครงร่าง มันคือดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินจริงๆ!
ด้านล่างดวงตะวันมหาชั้นฟ้า มีศีรษะสูงขนาดพันฟุต มันไม่มีดวงตาหรือใบหูและมีรอยแตกร้าวลึกอยู่ด้วย นี่คือศีรษะบรรพชนเทพ!
หวังหลินวางเขตอาคมจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้รอบถ้ำ ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงทำให้เขตอาคมทรงพลังยิ่ง แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นเทวะก็ไม่สามารถสัมผัสพวกมันได้
แม้แต่มหาชั้นฟ้ายังตรวจสอบได้ยากเว้นแต่จะค้นหาอย่างละเอียด ซึ่งเป็นแบบนี้ได้เพราะเขตอาคมเหล่านี้มีพลังเทพและพลังโบราณที่ผสานกันของหวังหลิน! เขาแบ่งมันออกมาเล็กน้อยและผสานเข้ากับเขตอาคมเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทรงพลัง
หวังหลินปรากฏตัวอยู่ข้างศีรษะบรรพชนเทพ เขาสร้างมิติแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงตะวันมหาชั้นฟ้า จากการวิเคราะห์แล้วเมื่อดวงตะวันมหาชั้นฟ้าผสานกับศีรษะบรรพชนเทพได้อย่างสมบูรณ์ ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินก็จะก่อเกิดเป็นรูปร่างจริง
หวังหลินนั่งอยู่เบื้องหน้าศีรษะบรรพชนเทพและพ่นก้อนควันสีเขียวออกมาหนึ่งกำมือ ควันสีเขียวเข้าไปในศีรษะทำให้ศีรษะสั่นเทา มันปลดปล่อยแสงสีทองจำนวนมากออกมาให้ดวงตะวันด้านบนดูดซับ จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีขาวและดำเข้าหล่อเลี้ยงดวงตะวัน
ช่วงระยะเวลาสามเดือนนั้นดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของหวังหลินดูดซับพลังงานจากศีรษะบรรพชนเทพอย่างต่อเนื่อง แต่เขาจะหลอมมันได้ง่ายดายได้อย่างไร? การดูดซับในช่วงเวลาสั้นๆ นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว
หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินลืมตาขึ้นมาและยกแขนขวา ยื่นมือออกไปในความว่างเปล่า แสงสีทองเข้มแผ่กระจายออกมาจากฝ่ามือ มันคือดวงวิญญาณอ่อนแอที่ยังคงหลับตา แม้หวังหลินจะดูสงบนิ่งแต่แววตาหรี่เล็กและเคร่งเครียด
วิญญาณอ่อนแอดวงนี้คือจักรพรรดิเทพ เหลียนต้าวเจิน!!
จักรพรรดิเทพถูกหวังหลินจับเอาไว้และตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ เขาสั่นเทาในมือหวังหลินราวกับต้องการลืมตาแต่ไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ ทว่าร่างกายเปล่งพลังปราณสวรรค์อันทรงพลังจนทำให้ทุกคนรับรู้ว่านี่คือแรงกดดันของมหาชั้นฟ้า!
แม้แรงกดดันนี้เป็นของมหาชั้นฟ้า พลังปราณสวรรค์กลับไม่บริสุทธิ์ มันปั่นป่วนและมีสัมผัสแห่งความพ่ายแพ้รั่วไหลออกมา ราวกับวิญญาณกำลังทนทุกข์กับความเจ็บปวดมหาศาล
“คำสาปบรรพชนทรงพลังอะไรขนาดนี้…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง เขาวางผนึกใส่วิญญาณของจักรพรรดิเทพอย่างต่อเนื่อง ด้วยระดับบ่มเพาะและพลังของจักรพรรดิเทพก็ยังไม่สามารถขับไล่คำสาปบรรพชนออกไปได้ กระนั้นหวังหลินยังพอประคองไม่ให้ดวงวิญญาณสูญสลายได้
‘เดิมทีข้าตั้งใจจะใช้แรงกดดันจากวิญญาณเพื่อช่วยผสานพลังเทพและพลังโบราณของข้า แต่ดูเหมือนตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว แต่นี่คือวิญญาณของจักรพรรดิเทพ มันยังเป็นประโยชน์สำหรับข้า’ หวังหลินขบคิดพลางมองดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของตัวเอง
‘น่าเสียดาย คำสาปบรรพชนรุนแรงเกินไป…หากข้าสามารถขับไล่คำสาปออกไปได้ ข้าก็จะสามารถผสานวิญญาณของเขาเข้าไปในดวงตะวันมหาชั้นฟ้าและใช้เป็นเครื่องชี้ทางเพื่อกลืนกินศีรษะบรรพชนเทพ…’ หวังหลินจับคางและครุ่นคิด จากนั้นดวงตาส่องสว่าง แขนซ้ายสร้างผนึก ส่วนแขนขวาชี้ไปที่วิญญาณ
วิญญาณจักรพรรดิเทพเกิดอาการสั่นเทา พลันอ้าปากและส่งเสียงร้องเงียบงัน เขตอาคมรอบถ้ำเริ่มกะพริบวูบวาบ
หวังหลินมีสีหน้าเคร่งเครียดพลางใช้แขนซ้ายชี้ใส่วิญญาณจักรพรรดิเทพ ผ่านไปสักพักควันสีเทาจึงรวมตัวกันและถูกหวังหลินดึงออกมา
พอแขนซ้ายยกขึ้นสุดแขน ควันสีเทารอบนิ้วมือพลันเปลี่ยนกลายเป็นร่างเงาคล้ายภูติผีปิศาจ มันอ้าปากและพุ่งเข้าหานิ้วของหวังหลิน
ทว่าขณะที่กำลังจะกลืนกินนิ้วหวังหลิน หวังหลินมีสายตาหรี่เล็ก รูม่านตาเปลี่ยนกลายเป็นสีเงินส่องกระทบภูติผีตนนี้ทำให้มันสั่นเทาราวกับหวาดกลัว จากนั้นหดขนาดลงไปครึ่งส่วนจากของเดิม หวังหลินคว้าเอาไว้และบีบอย่างรุนแรง
ควันสีเทาสูญสลายไป
หน้าผากหวังหลินชุ่มไปด้วยเหงื่อ แสงสีเงินในดวงตาหายไป เขาเผยรอยยิ้มขมขื่น
‘พลังผสานของพลังโบราณและพลังเทพสามารถลบคำสาปบรรพชนได้…แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าจึงไม่สามารถประคองได้นานและไม่สามารถขับไล่คำสาปได้หมดในคราเดียว…’ หวังหลินมองวิญญาณจักรพรรดิเทพ เศษเสี้ยวคำสาปบรรพชนที่เขาลบล้างไปเมื่อครู่ฟื้นคืนกลับมาแล้ว
หวังหลินถอนหายใจ สะบัดแขนขวาและเก็บวิญญาณจักรพรรดิเทพไป เขานั่งขบคิดอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ถอนหายใจอีกรอบ
‘ดูเหมือนข้าต้องรอให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นจนสามารถประคองพลังผสานได้นานขึ้นเพื่อขับไล่คำสาปบรรพชนและผสานเข้ากับดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของข้า’
‘คำสาปบรรพชนนี้แปลกประหลาดมากและจักรพรรดิเทพก็เป็นคนพิเศษ ดังนั้นการขอให้อาจารย์ซวนลั่วช่วยเหลือคงไม่สะดวกนัก’ หวังหลินมีความลับของตัวเอง เขามีนิสัยที่จะไม่บอกให้ใครรู้เว้นแต่จะเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ
หวังหลินเก็บวิญญาณไว้และนำหินหยกออกมา หินหยกก้อนนี้องค์ชายจี้ตูมอบให้และมีพลังอำนาจของหนึ่งดัชนีจากบรรพชนเทพ
ตอนที่หวังหลินได้มา เขาไม่สามารถศึกษามันได้เนื่องจากมีม่านพลังขัดขวางไม่ให้ดูภายใน เขาสามารถใช้มันเป็นวิชาที่ใช้ครั้งเดียวได้เท่านั้น
แต่ตอนนี้หวังหลินมีโลหิตวิญญาณอยู่ในร่างกายและได้เศษเสี้ยวความทรงจำบางส่วนมา เขารู้สึกถึงความทรงจำเหล่านี้แต่ไม่สามารถมองดูได้ เห็นได้ชัดว่าหวังหลินไม่มีโลหิตวิญญาณมากพอ
พอถือหินหยกและมองเข้าไป มีภาพร่างเลือนลางอยู่ภายใน ร่างนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในโลกที่เลือนลางเช่นกัน พอร่างนั้นสั่นสะเทือน โลกก็แตกสลายและหายไป
มันเป็นภาพมายาที่เรียบง่าย แต่เพราะมันเลือนลางจึงเข้าใจได้ยากมาก
หวังหลินมองดูหลายครั้งและมันเป็นเช่นนี้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันแต่เขาไม่ได้ท้อแท้ หวังหลินหลับตาอยู่นาน พอลืมตาขึ้นมามีแสงสีเงินปรากฏขึ้นในดวงตาอีกครั้ง!
แสงสีเงินครอบคลุมทั้งดวงตา หวังหลินมองเข้าไปที่หินหยกอีกครั้ง ร่างพร่าเลือนปรากฏขึ้นอีกครา
ทว่าเพราะจิตใจหวังหลินมีความทรงจำบางส่วน ซึ่งความทรงจำบางส่วนเหล่านี้ได้เชื่อมเข้าด้วยกันและปรากฏขึ้นในใจหวังหลินตอนที่เห็นร่างพร่าเลือนตรงหน้า
มันเป็นชายสวมชุดคลุมสีเทา เรือนผมยาว รูปร่างหน้าตาเหมือนกับรูปปั้นในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า เขาคือบรรพชนโบราณ!
แขนซ้ายถูกซ่อนไว้ด้านหลังและลอยตัวอยู่ในท้องฟ้า เขากำลังมองดูท้องฟ้าด้วยสายตาดูถูกดูแคลน ขณะนั้นมีจุดสีดำหลายกลุ่มเข้ามาใกล้ พวกมันคือกลุ่มสัตว์ดุร้าย
เหล่าสัตว์กลุ่มนี้มีศีรษะเป็นมนุษย์แต่ร่างกายเป็นสิงโต ลำตัวด้านหน้ามีขาหน้าสองข้าง ส่วนขาหลังและหางคล้ายกับเปลี่ยนเป็นหางปลา
ขณะที่พวกมันทะยานเข้ามาได้ส่งเสียงคำรามแหลมเสียดแก้วหู ตัวที่อยู่ด้านหน้าสุดเปล่งกลิ่นอายทรงพลังใกล้เคียงกับมหาชั้นฟ้า
ทว่าชายชุดเทายังคงมองดูพวกมันด้วยความดูถูก เขายกแขนขึ้นมาและชี้ออกไป
เพียงเท่านั้นโลกก็สั่นสะท้าน ทุกอย่างภายในระยะแสนลี้รอบเหล่าสัตว์คล้ายกับถูกแบ่งออกไปอีกโลกหนึ่ง จากนั้นด้านบนและด้านล่างได้ถูกบีบรัดเข้าด้วยกัน!
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง เหล่าอสูรทั้งหมดแตกสลาย
ปัง!
หินหยกในมือหวังหลินเกิดรอยแตกร้าวและแบ่งออกเป็นสองส่วน ทั้งสองตกลงสู่พื้นและเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผง
หวังหลินกลับมามีสติ แสงสีเงินในแววตาหายไปแต่ดวงตาเป็นประกาย
‘เป็นดัชนีจากบรรพชนโบราณที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้…’
……………………………………………………………