Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2019 สายลมพัดผ่านอาณาเขตเต๋า
“ดัชนีนี้ไม่ใช่วิชา แต่เป็นการสื่อสารกับโลกและปรับเปลี่ยนโลก ทั้งยังไม่ได้โจมตีสัตว์พวกนั้นโดยตรงแต่เป็นโลกที่โจมตีสัตว์จากภายใน”
“มันเปิดโลกและใช้แรงกดดันของดัชนีเพื่อทำให้โลกบีบตัวและพังทลาย พวกสัตว์จึงได้รับผลกระทบจากการพังทลาย”
ทว่าดัชนีของหวังหลินเชื่องช้ายิ่ง ราวกับมีม่านที่มองไม่เห็นอยู่หลายชั้นเบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้เขาชี้ออกไปได้เหมือนบรรพชนโบราณ
ชั่วขณะต่อมาหวังหลินจึงถอนดัชนีและไม่พยายามอีก เขาก้มศีรษะและขบคิด
‘จากวิชานี้ ข้ามองเห็นว่าความแข็งแกร่งของบรรพชนโบราณบรรลุถึงขอบเขตที่แตกต่าง…แต่ด้วยเศษเสี้ยวความทรงจำและเคล็ดเร่งความเร็ว ข้ายังพอคัดลอกได้’
หวังหลินเงยศีรษะและมองเศษเสี้ยวหินหยกพลางหลับตา
ภายในร่างกายหวังหลินมีวิญญาณดั้งเดิมซึ่งอยู่ในสภาพย่ำแย่หลายดวงและเขาได้รับมาจากการเข่นฆ่าในเมืองหลวงของฝั่งเทพ หวังหลินหลอมพวกมันอย่างช้าๆ และตอนนี้เขาก็ได้มากพอจนสร้างเส้นชีพเซียนได้อีกสาย
‘ข้ามีเส้นชีพจรเซียนในร่างอยู่ห้าสาย ดังนั้นเพียงด้วยกระบวนท่าเดียวข้าสามารถสร้างภาพติดตาได้ถึง 99 ร่าง ช่างน่าสงสัยแล้ว่าเมื่อข้าสร้างสายที่หกขึ้นมาได้จะเกิดอะไรขึ้น’ หวังหลินรีบเปิดใช้เคล็ดเร่งความเร็วเพื่อควบแน่นเส้นชีพจรสายที่หก ไม่นานนักเวลาเจ็ดวันก็ได้ผ่านไป
เหลือเวลาอีกเพียงสามวันจนกว่าจะถึงพิธีอันยิ่งใหญ่ที่จักรพรรดิจะแต่งตั้งจักรพรรดินี
ทั่วทั้งเมืองหลวงอาณาเขตเต๋ากลายเป็นงานเทศกาลและมีสิ่งของตกแต่งไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะยามค่ำคืนมีแสงไฟหลากสีมองเห็นไกลสุดสายตา
แม้แต่ท้องฟ้าในเมืองหลวงยังแต่งแต้มไปด้วยแสงหลากสี ทำให้ผู้คนรู้สึกอัศจรรย์ใจและมีบรรยากาศแห่งความสุข
จักรพรรดิเต๋าให้ความสำคัญกับพิธีแต่งตั้งนี้อย่างมาก แม้แต่ตระกูลราชวงศ์เองก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน เพราะจักรพรรดิเต๋ากำลังแต่งตั้งจักรพรรดินี เหล่าผู้คนทรงพลังทั้งหมดของอาณาเขตเต๋าจึงรวมตัวกัน รวมถึงคนจากแคว้นแห่งอื่นก็มาด้วย พวกเขามาเพื่อรับชมพิธีอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยตาตัวเอง!
ผู้ส่งสาส์นจากอาณาเขตจวี่และอาณาเขตฉีได้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองด้วย
อาณาเขตฉีเตรียมของขวัญจำนวนมาก ผู้นำคือองค์ชายจี้ตู ตอนนั้นเขาเป็นคนพาทูตอาณาเขตเต๋าให้เลือกซ่งจื่อด้วยตัวเอง การที่เขามาในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
จักรพรรดินีแซ่ซ่งและเป็นลูกหลานห่างๆ ของมหาชั้นฟ้าอาณาเขตฉี ดังนั้นเขาจึงให้ผู้ส่งสาส์นมามอบของขวัญด้วย
ผู้คนมากหน้าหลายตามาที่เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าทำให้ดูมีชีวิตชีวา ความปลอดภัยของเมืองหลวงเพิ่มขึ้นเพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุอะไรระหว่างงานพิธี
เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าโดยเฉพาะในวังได้ถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวด ผู้คนทรงพลังส่วนใหญ่ของอาณาเขตเต๋ามาถึงกันเกือบหมดแล้ว
เหล่าราชาและผู้มีสายโลหิตราชวงศ์ได้อยู่รวมกันที่นี่ ทำให้เมืองหลวงอาณาเขตเต๋ามีชีวิตชีวายิ่งขานรับต่อพิธีอันยิ่งใหญ่
นี่ถือเป็นพิธีที่สำคัญในเผ่าโบราณ หนึ่งในสามจักรพรรดิโบราณกำลังแต่งตั้งจักรพรดินี นับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในเผ่าโบราณซึ่งยึดถือพลังอำนาจแห่งราชวงศ์ไว้ลำดับสูงสุด แทบทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้แม้แต่ภูเขากุ้ยต้าวยังส่งของขวัญมาให้ จักรพรรดิอาณาเขตเต๋าได้กลายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนในช่วงเวลาเช่นนี้
เพียงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วัน เนื่องจากมีคนมากเกินไป อาณาเขตเต๋าจึงนำสมบัติอันทรงพลังออกมาสร้างเป็นแท่นขนาดใหญ่จำนวน 99 แท่นกระจายออกไปรอบเมืองลอยฟ้า
ผู้คนทรงพลังต่างก็รีบสร้างบ้านบนแท่นเหล่านี้และเป็นวิธีเดียวในการรองรับทุกคนที่กำลังเข้ามา
หวังหลินจมดิ่งไปในการบ่มเพาะและไม่สนใจเรื่องราวทั้งหมด ในคืนของวันที่สามก่อนพิธีใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงอาณาเขตเต๋าส่องประกายเจิดจ้า เสียงผู้คนดูมีชีวิตชีวาและแท่นทั้ง 99 แห่งก็เช่นเดียวกัน
เพราะมีคนมากมายจากทั้งสามอาณาเขตมาถึงกันแล้ว จึงเกิดการประมูลขึ้นหลายแห่งเพื่อรอพิธีใหญ่ เหล่าผู้คนจากทั้งสามอาณาเขตจึงเริ่มการแลกเปลี่ยนกันเอง
บรรยากาศแห่งความสุขเต็มไปทั่วราชวัง บนยอดสูงสุดของวังมีจักรพรรดิเต๋าเอามือไพล่หลังพลางมองเมืองที่มีสีสันและประดับรอยยิ้มอยู่บนมุมปาก
จักรพรรดิเต๋าเอ่ยขึ้น “ในอนาคต ข้าจะทำให้เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าเป็นแบบนี้ทุกวันและกลายเป็นศูนย์กลางของทั้งเผ่าโบราณ!”
“ใต้ฝ่าพระบาทเป็นคนที่ยอดเยี่ยม จะต้องมีวันที่ท่านประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน! เรายินยอมรับใช้ท่านเพื่อให้วันนั้นมาถึง!” ภายในวังมีคนเจ็ดคนกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“การเตรียมการเป็นอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิเต๋ายิ้มออกมา
“ทูตอาณาเขตฉีและอาณาเขตจวี่มาถึงแล้วและจัดแจงที่พักเรียบร้อย ผู้ส่งสาส์นของมหาชั้นฟ้าทั้งสองคนก็มาถึงแล้วเช่นกัน ท่านผู้ส่งสาส์นที่เป็นคนนำของขวัญจากภูเขากุ้ยต้าว ผู้น้อยได้จัดแจงที่พักอยู่ในเมืองหลวง” หนึ่งในข้ารับใช้รีบพูด
คนที่สองพูดขึ้นต่อ “ข้าน้อยได้จัดแจงที่สำหรับผู้คนของอาณาเขตเราและผู้คนทรงพลังอีกสองอาณาเขตให้กระจายกันไปทั่วแท่นทั้ง 99 แห่ง แม้จะมีคนจำนวนมากแต่ก็มีพื้นที่มากพอ”
“ผู้น้อยได้ดูแลแผนงานพิธีเพื่อให้เป็นไปอย่างสำเร็จลุล่วง โปรดสบายใจได้ ใต้ฝ่าพระบาท”
“ด้านการป้องกัน กองทัพที่หนึ่งถึงกองที่เจ็ดจะคุ้มกันงานพิธีเพื่อให้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น!”
“ราชครูส่งข้อความออกมาว่าเขาจะมางานพิธีด้วยตัวเอง”
“จักรพรรดินีซ่งเป็นเหมือนปกติและยังไม่ออกมา นางดูเหมือนพยายามนึกอะไรบางอย่างแต่ก็จบลงด้วยความเจ็บปวดและจำอะไรไม่ได้”
“มหาชั้นฟ้าไม่ได้บอกอะไร ผู้น้อยไม่รู้ว่าเขาจะมางานพิธีหรือไม่”
ทั้งเจ็ดคนพูดคนละประโยคและจากนั้นก้มศีรษะ พวกเขารอคอยคำสั่งของผู้มีตำแหน่งสูงสุดตรงหน้า
“ตามกฎแล้ว งานพิธีจะดำเนินไป 99 วัน นอกจากการถวายต่อบรรพชนโบราณในวันแรก ข้าจะไม่เข้าร่วมวันที่เหลือ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องรับผิดชอบ!” จักรพรรดิเต๋าออกคำสั่งและทั้งเจ็ดคนรับทราบทันที
“งานพิธีจะเริ่มในอีกสามวัน จักรพรรดิเต๋าทุกรุ่นจะมีงานเลี้ยงในคืนก่อนพิธีเพื่อให้ประชาชนอาณาเขตเต๋าและผู้ส่งสาส์นจากอีกสองอาณาเขตได้เห็นจักรพรรดินี…”
“พวกเจ้าจัดการเรื่องนี้ไว้อย่างไร?”
หนึ่งในเจ็ดคนนั้นพูดอย่างเคารพ “ทุกอย่างจัดแจ้งไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เยี่ยม!” จักรพรรดิเต๋าเผยรอยยิ้มแฝงความคาดหวัง เขาสะบัดแขนเสื้อและหายไปจากวัง
‘การแต่งงานกับนางและยกสถานะของนางขึ้นถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับนางไปด้วย ราชครู ข้าคาดหวังในผลการทำนายของท่านไว้มาก…’
เวลานี้ด้านห้องอันเงียบสงัดภายในวัง มีสตรีสวมเสื้อคลุมลายหงส์ นางไม่ได้สวยงามไร้ที่ติแต่กลับมีบรรยากาศที่มิอาจอธิบายออกมาได้ นางมองกระจกเบื้องหน้า สายตาเต็มไปด้วยความสับสน
‘ข้าจำอะไรไม่ได้เลย…ทุกอย่างในความฝันล้วนพร่าเลือนหลังจากตื่นขึ้นมา…ข้าจำไม่ได้ว่านางหน้าตาเช่นไรและข้าก็จำหน้าตาของชายคนนั้นไม่ได้ ข้าจำได้แต่เพียงคำพูดของเขา…’ นางหลับตาลง คำพูดสองประโยคดังขึ้นในใจ
‘ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปสังหารพวกมัน!’
‘แม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย ข้าก็จะพาเจ้ากลับมา!’
หยาดน้ำตาของนางไหลลงเป็นสายลงสู่แก้มและเข้าเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้าเปียกชื้น
‘ทำไมข้าถึงหลั่งน้ำตา…เขาเป็นใคร…ข้าเป็นใคร…ข้าคือซ่งจื่อใช่หรือไม่…ข้าคือซ่งจื่อไม่ใช่หรือ…’ นางลืมตาและกระทั่งเกิดความสับสน
หวังหลินไม่รู้เรื่องเหล่านี้และไม่อาจสัมผัสได้ แม้ระดับบ่มเพาะของเขาจะสูงเสียดฟ้า ก็ยังไม่เห็นน้ำตาหรือสัมผัสกลิ่นอายของนางได้
แม้เขาจะเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง หวังหลินก็อาจไม่เห็นว่านางเป็นใคร…เป็นเพราะมีสายหมอกปกคลุมทุกอย่างเกี่ยวกับเศษเสี้ยววิญญาณ และหลังจากนางและซ่งจื่อผสานวิญญาณกัน หมอกนี้ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นไปอีก
หวังหลินไม่รู้ว่าเศษวิญญาณของหวานเอ๋อร์ที่เขากำลังตามหาอยู่ใกล้ตัว…ใกล้ถึงขนาดนี้
นางเองก็ไม่รู้ว่าคนที่นางกำลังสับสนอยู่กำลังใช้ลมหายใจเดียวกัน
ในยามเช้าก่อนวันพิธี หวังหลินลืมตาขึ้นในถ้ำใต้ดิน แววตาเป็นประกายความสงสัยแม้จะมีเส้นชีพจรสายที่หกปรากฏขึ้นมาในร่าง
ต้นตอของความสงสัยนี้คือเศษเสี้ยวความไม่สบายใจที่ปรากฏขึ้นในใจโดยไม่รู้เหตุผล ความรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัย
หลังจากขบคิดเงียบๆ หวังหลินลุกขึ้นยืน ก้าวเดินออกจากถ้ำและปรากฏตัวในบ้านไม้ ร่างมนุษย์ปรากฏขึ้นในแก่นแท้โลหะและเริ่มก่อเกิดเป็นรูปร่าง
‘นานกว่าที่ข้าคิด…’ หวังหลินนั่งลงมองแก่นแท้โลหะ ระงับอาการตื่นเต้นในใจเอาไว้ พอตะวันตกดินหวังหลินจึงมองขึ้นไปและอ้าปากกลืนแก่นแท้ห้าธาตุกลับเข้าไปในร่างกาย จากนั้นลุกขึ้นผลักประตูเปิดออก
ยามตะวันตกดิน ซวนลั่วยืนอยู่ด้านนอกและยิ้มให้หวังหลิน
“เจ้าปิดด่านบ่มเพาะไปสามเดือน ถึงจะไม่เข้าร่วมพิธีในวันพรุ่งนี้แต่ต้องไปงานเลี้ยงกับข้า”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย แค่ไปนั่งอยู่สักพักแล้วค่อยกลับ”
หวังหลินลังเลเล็กน้อย จริงๆเขาไม่ต้องการไปงานเลี้ยง แต่ในเมื่ออาจารย์ขอ หวังหลินจึงพยักหน้า
“ของขวัญชิ้นนี้ให้เย่ต้าว ถือว่าเป็นของขวัญการแต่งงานของข้าให้เขา” ซวนลั่วยิ้มและยื่นกล่องของขวัญให้หวังหลิน
หลังจากหวังหลินรับมา เขาคำนับฝ่ามือให้ซวนลั่วโดยไม่ได้มองดู จากนั้นทะยานขึ้นสู่อากาศและมุ่งตรงเข้าสู่วังหลวง
‘หลังจากมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ ข้าจะจากไปและบ่มเพาะต่อ แก่นแท้โลหะของข้ากำลังจะก่อเกิดร่างแก่นแท้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องนี้แล้ว’ หวังหลินคิดขึ้นในใจ แต่วินาทีนี้เขารู้สึกถึงความไม่สบายใจอีกครั้ง
หวังหลินขมวดคิ้วและมองวังหลวงที่อยู่ห่างออกไป
……………………………………………………..