Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2020 งานเลี้ยง
จักรพรรดิเต๋าทุกรุ่นจะเตรียมงานเลี้ยงในคืนก่อนพิธีอันสำคัญ งานเลี้ยงจะเริ่มตั้งแต่อาทิตย์ตกและจบยามอาทิตย์รุ่ง ผู้คนที่เข้าร่วมในงานเลี้ยงก็จะเข้าร่วมในงานพิธีไปด้วย
ยามค่ำของงานเลี้ยง จักรพรรดิเต๋าจะออกมาพร้อมกับจักรพรรดินี ซึ่งนี่จะถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของจักรพรรดินี
หลังจากรับคำอวยพรของทุกคน จักรพรรดินีจะออกไป แต่จักรพรรดิจะยังอยู่กับทุกคนตลอดคืนจนกระทั่งถึงงานพิธี
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ลานขนาดใหญ่ด้านนอกวัง ดวงอาทิตย์กำลังจะตก เหล่าคนรับใช้จำนวนมากกำลังจัดโต๊ะในลาน ซึ่งมีอยู่หลายพันโต๊ะ
โต๊ะในงานทำเป็นรูปใบพัด คล้ายกับเป็นการทำความเคารพราชวัง
เหนือวังมีแท่นขนาดเล็กลอยอยู่หลายร้อยแท่น แต่ละแท่นมีโต๊ะวางอีกหลายร้อยโต๊ะ ใช้เพื่อต้อนรับคนที่กำลังเข้ามา
เมื่อถึงเวลา เสียงจังหวะกลองเริ่มดังกึกก้องออกมาจากวังและดังคำรามไปทั่ว กลองยักษ์ขนาดหลายพันฟุตปรากฏขึ้นใจกลางวังหลวง ไม่รู้ว่าสร้างขึ้นจากหนังสัตว์แบบไหน แผ่นหนังเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่และดุร้าย
เหนือกลองมีคนชุดดำลอยอยู่จำนวนเก้าคน แต่ละคนมีระดับบ่มเพาะเทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้า เสียงกลองแต่ละครั้งเกิดขึ้นจากการที่ทั้งเก้าคนผสานพลังรวมกัน กลายเป็นฝ่ามือมายากระแทกตีกลอง
จังหวะกลองดังกึกก้องและไม่สลายไปไหนทั้งยังแผ่กระจายออกเป็นระลอกคลื่น ห่อหุ้มทั่วท้องฟ้าและแท่นที่ลอยอยู่ใกล้เคียงนับพันแห่ง
ทุกคนในอาณาเขตล้วนได้ยินเสียงนี้
เสียงดังคะนองไปสักพัก ก่อเกิดเสียงสะท้อนออกไปนับไม่ถ้วน เมื่อไรที่เสียงเริ่มเบาลง จะมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้พื้นที่ทั่วบริเวณมีแต่เสียงกลอง
ยามที่จังหวะกลองดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม ผู้คนต่างออกมาจากวัง ชำเลืองสายตามองแล้วแทบไม่อาจนับได้หมด ทุกคนล้วนทรงพลัง แม้จะเทียบไม่ได้กับผู้สูงส่งชั้นฟ้าแต่ก็เทียบได้เท่ากับเซียนขั้นที่สาม
แต่ละคนเลือกโต๊ะและนั่งพูดคุยกัน ทั้งลานจึงเริ่มอื้ออึงและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
พอเสียงกลองดังครั้งที่ห้า ลำแสงหลายเส้นทะยานผ่านท้องฟ้า เป็นผู้คนจากอาณาเขตเต๋าและคนจากอีกสองอาณาเขต บางคนเลือกนั่งอยู่ลานกว้าง บางคนเลือกนั่งในโต๊ะที่จัดไว้บนแท่นลอยฟ้า
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น พอกลองดังครั้งที่เจ็ด ลำแสงหลายพันสายลอยข้ามผ่านท้องฟ้าดุจเศษละอองดวงดาว ทุกคนต่างก็นั่งลง
จากนั้นลำแสงสว่าง 108 สายโผล่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า ทุกคนมาถึงอย่างรวดเร็วและเผยเป็นคนอาณาเขตเต๋าสวมเกราะสีขาวจำนวน 108 คน!
ทั้งร้อยแปดคนโค้งคำนับไปทางวัง จากนั้นเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้วังและนั่งลง
“ร้อยแปดขุนพลต้องห้ามแห่งอาณาเขตเต๋า!”
“ขุนพลของอาณาเขตเต๋าแบ่งออกเป็นขุนพลต้องห้าม ศักดิ์สิทธิ์ อสูร ราชาและขุนพลอมตะ! ขุนพลต้องห้ามทั้งร้อยแปดคนปรากฏตัวแล้ว ดังนั้นกลุ่มอื่นน่าจะตามมาเร็วๆ นี้!”
“ขุนพลต้องห้าม 108 คนมีกลิ่นอายสังหารมหึมา สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่า ‘ต้องห้าม!’ ”
บทสนทนาเบาๆ ถูกเสียงกลองกลบจนมิด แต่ก็ไม่สามารถซ่อนสายตาที่รวมเข้าไปหาได้ สายตาทั้งหลายต่างมีทั้งความอิจฉา ลอบประเมินและมืดมน
ขณะที่ทั้ง 108 คนปรากฏขึ้น พายุทอร์นาโด 72 ลูกปรากฏขึ้นห่างออกไปไกล แต่ละลูกมีคนอยู่ข้างในหนึ่งคนและกำลังพุ่งเข้ามาหาลานกว้าง
เมื่อพายุทอร์นาโดมาถึง แรงกดดันทรงพลังท่วมลงมาและห่อหุ้มบริเวณ ภายในมีทั้งหญิงและชาย ทั้งหนุ่มและมีอายุมาก ทว่าแต่ละคนมีกลิ่นอายของมหาเทพ จอมมารหรือจ้าวปิศาจโดยไม่มีปิดบัง ซึ่งเมื่อมองตรงดวงตาและหน้าผาก จะเห็นได้ว่ามีดวงดาวทั้งสิ้น 27 ดวง!!
“72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์! ขุนพลที่ทำคุณความงามความดีให้แก่อาณาเขตเต๋าไว้อย่างใหญ่หลวง!”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่า 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์มีคน 72 คนเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ ทั้ง 72 คนได้คุ้มกันอาณาเขตเต๋ามานานหลายปี”
เสียงการสนทนาดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นเสียงกลองดังครั้งที่แปด!
พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับมีมังกรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน ขณะเดียวกันลำแสงสีแดงโลหิต 36 สายได้ลงมาจากท้องฟ้า ย้อมท้องนภาให้กลายเป็นสีแดงฉาน แม้แต่ตะวันตกดินยังถูกแสงสีแดงปกคลุม
“36 ขุนพลอสูร!”
“36 ขุนพลอสูรที่มีชื่อเสียงโด่งดังของอาณาเขตเต๋า พวกเขาคือองครักษ์คุ้มกันราชวงศ์แห่งอาณาเขตเต๋า ทั้ง 36 คนถูกสร้างขึ้นจากทรัพยากรของราชวงศ์เพื่อจักรพรรดิแต่ละรุ่น!!”
“ข้าได้ยินว่าพวกเขาเหมือนทหารแห่งความตาย นาทีที่จักรพรรดิเต๋าออกคำสั่ง พวกเขาพร้อมยอมสังเวยชีวิตตัวเอง!”
ชายร่างกำยำ 36 คนก้าวเดินออกมาจากแสงสีแดง ทั้งร่างปกคลุมด้วยหมอกสีแดงจนไม่อาจมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน ทุกคนโค้งคำนับให้กับราชวังและนั่งเบื้องหน้า 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์
เสียงกลองดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง หลังจากทั้ง 36 คนนั่งลง เสียงดังสนั่นกึกก้องเข้าข่มเสียงกลองและกระจายเข้าสู่คนเกือบแสนคนให้มาสนใจ พวกเขาเห็นรอยแยก 18 แห่งถูกฉีกกระชากในท้องฟ้า จากนั้นกรงเล็บสีดำขาวสิบแปดคู่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า!
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วฟ้า เมื่อสายตาทุกคนรวมกันในท้องฟ้าแล้ว มังกรสีแดงและดำ 18 ตัวโผล่ออกมาจากรอยแยกทั้ง 18 แห่ง!
เหล่ามังกรเปล่งกลิ่นอายมารอันน่าตกตะลึง พวกมันคือมังกรมารโบราณ!
ดวงตาสีเงินสิบแปดคู่เปล่งพลังมารไร้ขอบเขต ทำให้เหล่ามังกรดุร้ายถึงขีดสุด หลังจากพวกมันปรากฏตัวออกมาได้เริ่มบินเป็นวงกลมในท้องฟ้า กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์
“18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า!!”
“ถูกต้อง พวกมันเป็นมังกรมารซึ่งเป็นพาหนะของ 18 ขุนพลราชา ในเมื่อพวกมังกรปรากฏตัวแล้ว แปลว่า 18 ขุนพลราชามาถึงแล้ว!”
“พวกเขายังเป็นคนของราชวงศ์ที่อยู่ใต้อำนาจจักรพรรดิ เขาคือ 18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า ข้าได้ยินมาว่าทุกคนล้วนทรงพลังและ 12 คนในนั้นปกติจะไม่อนุญาตให้เข้าเมืองหลวงเพราะต้องไปคุ้มกัน 12 แคว้น!”
ความวุ่นวายครั้งใหญ่ก่อตัวขึ้นมาเมื่อมังกร 18 ตัวปรากฏในท้องฟ้า ขณะนั้นในระยะทางห่างออกไปหวังหลินได้มองเข้ามา
ตอนที่มังกรมารสิบแปดตัวปรากฏ พวกมันเปลี่ยนพลังงานของโลกรอบบริเวณนั้น พายุที่พวกมันสร้างขึ้นมาได้ก่อเกิดวังวนขัดขวางสัมผัสวิญญาณได้
‘18 ขุนพลราชาแห่งอาณาเขตเต๋า…ชักสงสัยเสียแล้วว่าตอนนั้นเย่โม่เป็นหนึ่งในสิบแปดขุนพลราขาด้วยหรือไม่…บางทีข้าคงรู้ได้ในงานเลี้ยง’ หวังหลินลูบคาง เขาเพิ่งมาที่อาณาเขตเต๋าและปิดด่านบ่มเพาะตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปค้นหาลูกหลานของเย่โม่
แต่เรื่องสำคัญนี้ยังเก็บไว้ในใจ
หลังจากขบคิดอยู่นั้น เสียงกลองดังครั้งที่แปดยังคงสะท้อนไปทั่ว หวังหลินมุ่งหน้าเข้าหาวังหลวง ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ยิ่งมีความรู้สึกไม่สบายใจรุนแรงมากขึ้น
ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ไม่ได้อันตรายแต่เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาสามารถสัมผัสเรื่องที่สำคัญยิ่งล่วงหน้าได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ไม่ว่าเขาจะครุ่นคิดแค่ไหน ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในงานเลี้ยง
หวังหลินก้าวเดินไปและขมวดคิ้ว มังกรมารสิบแปดตัวลงมาที่ลานกว้างด้านล่าง หากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนคงเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนศีรษะมังกรแต่ละตัว!
ทั้งหมด 18 คนมีใบหน้าแตกต่างกันแต่ก็คล้ายคลึง ทุกคนก้าวเดินลงจากมังกรอย่างสมสง่า จากนั้นนั่งลงบนที่นั่งใกล้วังหลวงมากที่สุด
พอนั่งลงไป มังกรมารสิบแปดตัวส่งเสียงคำรามและกลับเข้าสู่รอยแยกในท้องฟ้า เมื่อรอยแยกหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับสู่ปกติ
วินาทีนั้นเสียงจังหวะกลองดังครั้งที่เก้าและผสานกับเสียงกึกก้องจากแปดครั้งก่อนหน้านี้ เกิดเป็นเสียงคำรามมหึมา ซึ่งดังมากพอสั่นคลอนเหล่าเซียนให้ดับดิ้นและอาจทำให้คนของเผ่าโบราณต่อกรได้ยากขึ้นไปอีก ทว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ไม่มีใครที่นี่ได้รับผลกระทบจากเสียงนี้
หวังหลินก้าวเดินและมาถึงด้านบนราชวังในเสียงจังหวะกลองครั้งที่เก้า เขาพลันมองขึ้นไปและหรี่ตาแคบเล็กน้อย
หวังหลินเห็นลำแสงสีดำเก้าสายตกลงมาจากท้องฟ้า ลำแสงสีดำราวกับเสาขนาดยักษ์ค้ำจุนแผ่นดินจนไม่อาจพังทลายได้ จากนั้นระลอกคลื่นสะท้อนออกมาเผยเป็นชายสวมเกราะสีดำตัวยักษ์จำนวนเก้าคน!
ทั้งเก้าคนเปล่งจิตสังหารรุนแรง กระทั่งมองเห็นภูติผีปิสาจนับไม่ถ้วนอยู่รอบตัว พวกเขาไม่ได้โค้งคำนับต่อวังหลวงแต่มองหน้ากันเองและเดินเข้าไปยังโต๊ะทั้งเก้าเบื้องหน้า 18 ขุนพลราชา
ด้านหน้ายังเหลือโต๊ะอีกสี่ตัว!
“ขุนพลอมตะ!”
“นั่นน่าจะเป็นเก้าขุนพลอมตะแห่งอาณาเขตเต๋า!”
‘ทั้งเก้าคนเทียบได้กับผู้สูงส่งชั้นเทวะที่ทะลวงผ่านตำหนักระดับสิบสาม! หนึ่งในนั้นกระทั่งสามารถบรรลุตำหนักระดับสิบสี่ได้ด้วยซ้ำ!’ หวังหลินถอนสายตาและก้าวเดินไปข้างหน้าขณะที่เสียงกลองที่เก้าดังกึกก้อง
รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของใครหลายคนที่นี่ในทันที!!
………………………………………………….