Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2021 มองกลับไปทันใด!
หวังหลินคุ้นชินกับสายตาที่เพ่งเข้ามาในเหตุการณ์แบบนี้ หวังหลินมีสีหน้าดังเดิม เสื้อผ้าสีขาวสะบัดพริ้วและก้าวเดินต่ออย่างมั่นคง
“คนผู้นี้…เขาเป็นใคร?”
“เขามาคนเดียวและยังกล้ามาในจังหวะกลองดังครั้งที่เก้า หรือจะเป็นคนที่มีเบื้องหลังพิเศษ?”
“เขาไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนะ…”
เสียงซุบซิบเบาๆ เริ่มดังออกมาจากฝูงชนในขณะที่หวังหลินก้าวผ่านคนนับพัน ผ่าน 108 ขุนพลต้องห้าม 72 ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ 36 ขุนพลอสูร…
เพียงเดินไปข้างหน้า สายตาจับจ้องหวังหลินมากขึ้นและเกิดเสียงกระซิบดังมากกกว่าเดิม
“เขาจะไปนั่งที่ไหน?!”
“เขากล้าเดินตรงไปข้างหน้า เก้าอี้สองในสี่ตัวข้างหน้านั้นเตรียมไว้ให้มหาชั้นฟ้าและราชครู อีกสองตัวถูกจองไว้ให้สองบรรพชนแห่งอาณาเขตเต๋าที่ยังมีชีวิตอยู่!!”
ท่ามกลางเก้าอี้ที่เหลืออยู่สี่ตัว มีตัวหนึ่งอยู่หน้าสุดและอีกสามตัวอยู่ด้านหลัง หวังหลินก้าวเดินผ่าน 18 ขุนพลราชา มีอยู่เจ็ดคนนั้นยืนขึ้นทันทีและคำนับฝ่ามือให้แก่หวังหลิน
เพียงเท่านั้นเหล่าผู้คนนับแสนจึงเกิดความปั่นป่วน เสียงการสนทนาดังมากยิ่งกว่าตอนที่ 18 ขุนพลราชาและเก้าขุนพลอมตะเข้ามาที่นี่เสียอีก
หวังหลินหยุดชะงักไปชั่วขณะและยิ้มให้แก่เจ็ดคนที่โค้งคำนับเขา จากนั้นหวังหลินก้าวเดินเข้าหาขุนพลอมตะทั้งเก้าคนที่มีกลิ่นอายสีดำห่อหุ้ม
แปดในเก้าคนเงียบสนิท แต่มีคนที่มีระดับเทียบเท่าผู้สูงส่งชั้นเทวะซึ่งสามารถผ่านตำหนักระดับสิบสี่ เขาได้พ่นลมหายใจและแววตาเป็นประกาย พลันยืนขึ้นราวกับต้องการป้องกันไม่ให้หวังหลินลอยข้ามผ่านไป
แต่ขณะที่เขากำลังยืนขึ้น หวังหลินส่งสายตาเย็นเยียบเข้ามาและมีแววตาจิตสังหารกะพริบวาบ ร่างหวังหลินแผ่กระจายแรงกดดันอันน่าตกตะลึงและเขาหายวับไปทันที
แม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา กลับทำให้คนที่กำลังยืนขึ้นต้องสั่นเทา เขาตกตะลึงจนไม่กล้ายืน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกลับไปนั่งลง
วินาทีนั้นจิตใจเขาสั่นเทา หยาดเหงื่อชะโลมทั่วร่างกาย สายตาหวังหลินทำให้เขารู้สึกราวกับตกกับดักแห่งการสังหารและถูกหวังหลินสังหารนับแสนครั้ง ราวกับเขาได้ตกอยู่ในภาพมายาที่ตัวเองถูกฆ่าอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน สายตานั้นคล้ายกับพุ่งเข้าไปในร่างเขา บดขยี้อวัยวะภายใน ขูดกระดูกและเลือดเนื้อ จากนั้นกลืนกินวิญญาณเขา หัวใจเต้นสั่นระรัวคล้ายกำลังแตกสลาย
จังหวะที่เขากลับไปนั่งลงอีกครั้ง หวังหลินร่อนลงบนพื้นและมาถึงเบื้องหน้าโต๊ะที่อยู่หน้าสุดซึ่งได้จัดที่นั่งเป็นรูปใบพัด เขามองแท่นที่กำลังลอยอยู่นับร้อยและเหล่าผู้คนนับแสนที่ลานกว้างก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและนั่งลง
วินาทีที่เขานั่งลง เกิดเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ทั่วบริเวณ
“เขาเป็นใคร? เขานั่งในตำแหน่งของมหาชั้นฟ้าแห่งอาณาเขตเต๋า นี่…นี่…”
“แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมาทรงพลังเหลือเกิน ถึงกับทำให้หัวใจข้าหยุดเต้นได้จริงๆ พลังโบราณของเขาช่างล้ำลึกและไม่ใช่คนทั่วไปแน่นอน!”
“ข้าได้ยินมาว่ามหาชั้นฟ้าแห่งอาณาเขตเต๋าประกาศตัวเองว่ารับศิษย์มาหนึ่งคน หรือเขาจะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว!? แต่เขาช่างดูเยาว์วัย…”
“ใช่เขาจริงๆ!”
“ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!! ข้าไม่คิดว่าคนผู้นี้จะเป็นศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่วจริงๆ!!”
“อะไรนะ? เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว? ไม่ใช่ว่าผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวเป็นคนของเผ่าเทพหรอกหรือ? ว่ากันว่าเขาคืออันดับหนึ่งใต้เหล่ามหาชั้นฟ้า!! ทั้งยังลืออีกว่าอาจเป็นตะวันดวงที่สิบของแผ่นดินเซียนดารา!!”
พวกคนที่จำหวังหลินได้คือคนของตระกูลขุนนางเช่นเดียวกับองค์ชายจี้ตู คนของอาณาเขตเต๋านั้นรู้อยู่แล้วเพราะรู้เรื่องราวของหวังหลิน ทว่าคนของอาณาเขตอื่นได้มองหวังหลินด้วยท่าทีอันซับซ้อน สายตาซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้
ความจริงพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่รู้จักหวังหลิน ซวนลั่วนั้นพาหวังหลินไปที่อาณาเขตจวี่และอาณาเขตฉีมาแล้ว นอกจากแต่ละคนจะมามอบของขวัญยินดี พวกเขายังมาเพื่อสังเกตพลังอำนาจของอาณาเขตเต๋าไปด้วย
ท่ามกลางสายตาที่มองหวังหลิน หนึ่งในนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สายตานี้มองมาจากแท่นลอยฟ้าที่มีองค์ชายจี้ตูอยู่
องค์ชายจี้ตูมองหวังหลินปรากฏตัวจนกระทั่งได้รับความสนใจจากทุกคน เขามองท่าทีหวังหลินที่สงบนิ่งและจึงถอนหายใจยาว
‘ชื่อของพ่อบุญธรรมเป็นที่รู้จักกันในเผ่าโบราณ! แค่ชื่อก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากพอแล้ว หากพ่อบุญธรรมช่วยข้า…’ จี้ตูกำหมัด
หวังหลินไม่สนสายตาทุกคนที่มองเข้ามา เขานั่งลงและหลับตา ทว่าเขายังคงไม่สบายใจ ราวกับจิตมารข้างในกำลังออกมาและเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียการควบคุม
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ที่หวังหลินเริ่มเดินทางมาที่วัง และมันปะทุขึ้นตอนที่นั่งลงจนหวังหลินตกตะลึง
แม้จะสามารถระงับเอาไว้ได้แต่ก็ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของหวังหลิน ไม่เช่นนั้นตอนที่ขุนพลอมตะยืนขึ้น หวังหลินคงไม่ต้องแผ่ระดับบ่มเพาะออกมา
ตัวละครระดับนั้นไม่มีค่าพอให้เขาต้องทำแบบนี้ แต่ในตอนนั้นหวังหลินกระทั่งเกิดความคิดบ้าๆ ไปว่าอยากสังหารมันและทุกคนที่นี่
‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าเกิดความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ที่มาถึงวังหลวง…’ หวังหลินหลับตาและโคจรระดับบ่มเพาะ จิตใจค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ แต่หวังหลินยิ่งมืดมนมากขึ้น
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เป็นไปได้ว่ามีเขตอาคมบางอย่างส่งผลกระทบกับข้าเช่นนั้นหรือ? แต่มองดูรอบๆแล้ว ไม่มีเขตอาคมใดเปิดใช้งาน…’ หวังหลินลืมตาและนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
‘และความรู้สึกบ้าคลั่งนี่ก็เปลี่ยนมาจากความไม่สบายใจ ข้ารู้สึกได้เลือนลางไม่กี่วันก่อน ตอนนี้มันรุนแรงยิ่งขึ้น’
‘เป็นความรู้สึกว่ามีสิ่งสำคัญยิ่งบางอย่างกำลังจะเกิด…อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิตข้า…แม้ข้าเผชิญกับสถานการณ์แห่งความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้…’ หวังหลินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
‘ข้าไม่สามารถอยู่วังหลวงได้นานเสียแล้ว…’ หวังหลินดวงตาเป็นประกายและคิดขึ้นในใจ ยามนี้เสียงกลองดังครั้งที่เก้าก็ค่อยๆ เบาลง
เมื่อเสียงกลองหายไป ทุกคนในลานและบนแท่นลอยฟ้าต่างก็เงียบลง ทุกคนหยุดพูดอย่างไม่รู้ตัวและจับสายตาไปบนโถงใหญ่!
“จักรพรรดิเสด็จแล้ว!!” เสียงโหยหวนและกรีดร้องแหลมดังออกมาจากห้องโถง ขับเคลื่อนพลังทะลุทะลวงและจากนั้นประตูก็เปิดออก
สายตาทุกคนรวมไปที่ห้องโถง มองไปตรงชายผู้กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร
เขาสวมชุดสูงศักดิ์และมีมงกุฎจักรพรรดิครอบศีรษะ เปล่งแรงกดดันทรงพลังอันยิ่งใหญ่ เขาคือจักรพรรดิเต๋า!!
“ขอคารวะท่านจักรพรรดิ!!” ทั้งลานกว้าง แท่นลอยฟ้า ทุกคนรวมไปถึงสิบแปดราชา ต่างก็โค้งคำนับให้แก่จักรพรรดิเต๋า!
หากไม่ใช่คนของอาณาเขตเต๋าจะไม่ต้องคุกเข่า แต่ประชากรที่นี่ต้องคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ทางด้านหวังหลินนั้นยืนขึ้น หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาเพียงคำนับฝ่ามือแต่ไม่คุกเข่า!
แม้สีหน้าท่าทางดูปกติ ความบ้าคลั่งที่เขารู้สึกได้เข้าท่วมจิตใจดุจน้ำป่าไหลหลาก หวังหลินแทบไม่สามารถระงับเอาไว้ได้
ความรู้สึกนี้รุนแรงยิ่งขึ้นในตอนที่จักรพรรดิเต๋าปรากฏตัว!!
“ทุกคนเอ๋ย ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับข้า เรามาเฉลิมฉลองไปกับงานเลี้ยงครั้งนี้ ทุกคนดื่ม!” จักรพรรดิเต๋ายิ้มออกมาแต่พอสายตากวาดผ่านหวังหลิน จิตใจเขากลับไม่มีความสุขและมืดมน ทว่าสีหน้ายังคงเหมือนเดิมและยิ้มให้กับหวังหลินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้ามีความสุขมากที่เหล่าสหายทุกคนแห่งนี้มาที่อาณาเขตเต๋า วันนี้ข้าจะไม่พูดมาก ขอดื่มหมดจอกให้แก่เหล่าสหายทุกคน!” จักรพรรดิเต๋ายกแขนขวาขึ้นมา ปรากฏเงาหนึ่งยื่นจอกสุรามาให้
ขณะเดียวกันทุกคนในลานและบนแท่นต่างก็ยกสุราบนโต๊ะของตัวเอง ทุกคนถือจอกสุราด้วยท่าทางเคารพ
หวังหลินถอนหายใจอย่างเงียบงันและหยิบจอกสุราขึ้นมา เขาตั้งใจแค่จะมอบของขวัญของอาจารย์ให้หลังจากหมดจอกนี้ จากนั้นก็จะจากไป สิ่งที่ก่อกวนในใจหวังหลินกลับทำให้ใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย
จักรพรรดิเต๋ายิ้มและดื่มไปหนึ่งจิบ จากนั้นทุกคนจึงดื่มเพื่อฉลองความยินดี หวังหลินไม่ได้ดื่มแต่วางจอกสุราลงพร้อมทุกคน จากนั้นกำลังจะพูดขึ้น
“นอกจากงานน่ายินดีนี้แล้ว ข้าเองก็อยากประกาศอีกเรื่องด้วยเช่นกัน บางคนอาจเคยได้ยินว่าศิษย์ของมหาชั้นฟ้าซวนลั่ว ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาวแห่งเผ่าเทพ จะกลายมาเป็นองครักษ์คุ้มครองอาณาเขตเต๋า!”
“หวังหลิน ขึ้นมารับฟังราชโองการ!” จักรพรรดิเต๋ายิ้ม
หวังหลินก้าวเดินขึ้นไปอย่างเงียบๆ และคำนับฝ่ามืออีกครั้ง
‘ยังไม่คุกเข่าอีก?’ จักรพรรดิเต๋ามีสีหน้าหนักแน่น เขาไม่พูดแต่มองหวังหลินท่าทีสงบนิ่ง
จากนั้นสักพักทุกคนจึงสังเกตความผิดปกตินั้นได้ สายตาทุกคนรวมมาที่หวังหลิน
ท่ามกลายเหล่าสายตานั้น มีสายตาคู่หนึ่งมองมาจากองค์ชายจี้ตู เขาระงับความตื่นเต้นในใจ รอคอยวันที่หวังหลินจะถูกผลักออกจากอาณาเขตเต๋า!
“ท่านจักรพรรดิ ข้ามาเพื่อมอบของขวัญยินดีแทนอาจารย์ ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ดังนั้นข้าขอตัวลาก่อน” หวังหลินหมดความอดทนจากความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ เขามองจักรพรรดิอย่างเย็นเยียบ ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอมองดูอีกครั้งกลับรู้สึกถึงจิตสังหารอธิบายไม่ได้และความรู้สึกน่าขยะแขยง!
หวังหลินสะบัดแขนเสื้อนำกล่องที่ซวนลั่วมอบออกมาให้ เขาโยนออกไปและถูกเงาหนึ่งรับไว้เบื้องหน้าจักรพรรดิเต๋า เงานี้ยื่นส่งให้จักรพรรดิเต๋าอย่างเคารพ
“หวังหลิน ข้าขอประกาศว่าเจ้าเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า! ในเมื่อเจ้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำก็ไปเถิด ข้าหวังว่าเจ้าจะมาร่วมงานพิธีในวันพรุ่งนี้” จักรพรรดิเต๋ามองหวังหลินและยิ้มออกมา คล้ายกับไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่มองหวังหลินอีก
จากนั้นจักรพรรดิเต๋าได้พูดขึ้น “ขอเชิญจักรพรรดินี!”
ความขุ่นเคืองในใจหวังหลินกำลังรุนแรงขึ้นและเขาหันตัวกลับ แต่ทันใดนั้นเสียงกระดิ่งดังขึ้นในสองหูและผสานกับความรู้สึกในใจเขา ทำให้ความขุ่นเคืองในใจได้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หวังหลินตกตะลึงและหันกลับไป เขาเห็นสตรีคนหนึ่งสวมชุดคลุมลายหงห์ก้าวเดินออกมาจากห้องโถง ก้าวเดินมาหาจักรพรรดิเต๋า
……………………………………………………….