Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2028 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (7)
ขณะที่หวังหลินก้าวเดินตรงเข้าสู่วัง เสียงถอนหายใจจากอาจารย์เขาดังขึ้นมา ย้อนไปช่วงไม่กี่ลมหายใจก่อนหน้านี้ ภายในภูเขาที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
ภายในภูเขากลับกลายเป็นโพรง แต่มองจากภายนอกนั้นแม้แต่มหาชั้นฟ้าก็ไม่อาจสังเกตได้ ข้างในคือค่ายกลขนาดใหญ่ เพียงแค่มองดูอาจทำให้สายตาพร่าเลือนจากความซับซ้อนของมันได้แล้ว
ค่ายกลปลดปล่อยแสงสีขาวและกะพริบวาบไม่หยุด มันเปล่งความรู้สึกแปลกประหลาดออกมา ใจกลางมีร่างเลือนลางร่างหนึ่งปกคลุมด้วยแสงสีรุ้ง ร่างนั้นกำลังสร้างผนึกและวางบนค่ายกล
ขณะที่ผนึกสีรุ้งร่อนลงไป ภาพลวงตาแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในค่ายกล ภาพลวงตานี้คือวังหลวงอาณาเขตเต๋าขนาดย่อส่วน
ทั่ววังหลวงมีจุดสีขาวและดำกระจายกันไป จุดสีดำมีอยู่หลายหมื่นจุดแต่เมื่อเทียบกับสีขาวนับว่ายังคงด้อยกว่า จุดสีขาวกินพื้นที่เกือบทั่วทั้งวังและกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก
มีจุดสีขาวพันจุดและพวกนั้นเข้าห่อหุ้มจุดสีแดงเพียงจุดเดียว จุดสีแดงเข้มข้นไปด้วยกลิ่นอายโลหิตและยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“สีดำเป็นตัวแทนของวิญญาณและจุดสีขาวเป็นตัวแทนของคนที่มีชีวิต…จุดสีแดงนี้…คือหวังหลิน…หวังหลิน เราได้เจอกันอีกแล้ว!” ร่างสีรุ้งพร่าเลือนยิ้มออกมาและส่งเสียงแหบพร่า
“ตอนนั้นข้า…ดึงเศษวิญญาณของนางออกมาและมอบให้จักรพรรดิเต๋า เขาทำตามที่ข้าวางแผนเอาไว้ พบกับคนที่สามารถผสานวิญญาณได้และมอบตำแหน่งจักรพรรดินีให้…”
“และเจ้าก็มาวังหลวงอาณาเขตเต๋าตามที่ข้าคาดไว้…สังหารสิ ยิ่งเจ้าสังหาร ยิ่งมีประโยชน์สำหรับข้า!” ร่างสีรุ้งเลือนลางกำลังส่งยิ้ม แต่ตอนที่เขาพูดว่า “เศษวิญญาณ” น้ำเสียงกลับเบาลงแต่ไม่นานก็ฟื้นคืนมาได้ เขายกแขนขวาขึ้นมาส่งแสงสีขาวเปล่งประกาย แขนซ้ายยกขึ้นมีแสงสีดำห่อหุ้ม ทำให้แสงรอบตัวเขากลายเป็นแสงเก้าสี!
ขณะเดียวกันควันสีเทาสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากไหนสักแห่งและผสานเข้ากับทั้งเก้าสี ทำให้รวมเป็นสิบสี!
“ร่างเทาที่เกิดขึ้นในโลกถ้ำตอนนี้สมบูรณ์ไปแล้ว…” ร่างพร่าเลือนพึมพำ น้ำเสียงแหบพร่า
ควันสีเทานั้นคือลำแสงที่ออกมาพร้อมกับหวังหลินตอนที่ออกจากโลกถ้ำ แม้แต่มหาชั้นฟ้าซวนลั่วก็ไม่สามารถตรวจจับได้!!
“น่าเสียดาย ข้าเจอกับ…ข้อจำกัดและทำได้เพียงดูดซับกลิ่นอายแห่งความตายจากการเข่นฆ่าของหวังหลินเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากข้าลงมือด้วยตัวเอง ข้าคงสามารถรวบรวมกลิ่นอายแห่งความตายที่ข้าต้องการได้ในชั่วเวลาสั้นๆ…เพื่อที่ข้าจะ…” ร่างนั้นหยุดชะงักไปสองจังหวะ ราวกับเขาถูกอะไรบางอย่างจำกัดเอาไว้และกระทั่งหวาดกลัวเป้าหมายที่กำลังใช้กลิ่นอายแห่งความตายนี้ เขาจึงไม่ต้องการพูดมันออกมาอย่างชัดเจน
“ร่างมือสังหารของหวังหลินในโลกถ้ำทำให้ข้าพึงพอใจมาก แต่เขาออกมาสู่แผ่นดินเซียนดาราได้ครั้งเดียวและสังหารไปน้อยมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นข้าคงรวบรวมทุกอย่างได้เสร็จสิ้นแล้วและคงไม่ต้องใช้อาณาเขตเต๋าเป็นแผนสำรอง…โชคดีที่ข้าเตรียมการเอาไว้และลบเลือนเศษวิญญาณของ…นางไปก่อน” ร่างนั้นหยุดอีกครั้งตรงคำว่า “นาง” น้ำเสียงสั่นเทาก่อนจะเงียบลง
จากนั้นสักพักแววตากลับเป็นประกายเย็นเยียบ
“ในเมื่อข้าเลือกที่จะทำแล้ว ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีก อย่างมากสติของข้าแค่ถูกลบออกไป แต่เมื่อข้าทำสำเร็จ…” ร่างเลือนลางสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
“ข้าเตรียมการมานานหลายปี ข้าไม่สามารถล้มเหลวได้! มาแยกวิญญาณที่ตายไปจากในวังก่อนดีกว่า!” ร่างเลือนลางยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ตำหนักขนาดย่อส่วนที่อยู่ในค่ายกลเบื้องหน้า
เพียงเท่านั้นจุดสีดำทั้งหมดก็สั่นเทาและเริ่มจางหาย ราวกับมันถูกค่ายกลดูดซับไป เสี้ยววินาทีนั้นพลังสายหนึ่งได้ห่อหุ้มจุดสีดำและกระเด็นกลับไป พวกมันไม่จางหายอีกแล้วและคล้ายกับปฏิเสธการดูดซับจากค่ายกล
ร่างที่ห่อหุ้มด้วยแสงสิบสีพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องอุทาน “พวกมัน…”
เมืองหลวงในตอนนี้ เมื่อเสียงถอนหายใจดังออกมาจากท้องฟ้า หวังหลินหยุดชะงักลงคล้ายกับลืมอันตรายไป 36 ขุนพลอสูรกำลังพุ่งเข้าหาเขาและจักรพรรดิเต๋าอยู่ห่างออกไปไม่กี่หมื่นฟุตแล้ว
สีแดงในแววตาหวังหลินค่อยๆ หายไป ความบ้าคลั่งและดุร้ายกำลังลดเลือน แทนที่ด้วยร่างที่ก้าวเดินเข้ามาหาอย่างขมขื่น
เขารู้ว่าอาจารย์จะต้องมาและหยุดยั้งอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อธิบายอะไรเลยและพยายามสังหารจักรพรรดิเต๋า พาลี่มู่หวานมาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หวังหลินมองความคิดและนิสัยของจักรพรรดิเต๋าออกมานานแล้วจากหินหยกที่เขาได้รับในสำนักมหาวิญญาณ หวังหลินกระทั่งได้ยินเรื่องที่จักรพรรดิเต๋าพึมพำอยู่ข้างเตียง
เหนือสิ่งอื่นใด จักรพรรดิเต๋ายังให้ซ่งจื่อมาดื่มกับหวังหลิน หลังจากเห็นสีหน้าหวังหลินในตอนนั้นจักรพรรดิเต๋าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร? เขาเพียงแค่มีความสุขไปกับการควบคุมคนอื่น
ดังนั้นเมื่อหวังหลินเข้าใจทุกอย่างแล้ว จึงส่งเสียงคำรามบอกว่าจะไปฆ่าเย่โม่ ฆ่าจักรพรรดิเต๋า!
เขาลองคิดเรื่องการซ่อนความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แล้วและเข้าสู่วังอีกครั้งเพื่อพาซ่งจื่อไป แต่เรื่องนี้มันโดนจุดเดือดของเขา หากหวังหลินทนได้คงไม่เรียกว่าจุดเดือด!
แม้การโจมตีจักรพรรดิที่ไม่รู้ตัวจะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง มันคงทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าตอนนี้! นั่นจะเรียกว่าการลอบสังหาร! ด้วยความแข็งแกร่งของเขา การพุ่งเข้าไปในวังด้วยความโกรธเกรี้ยวถือได้ว่าเขาเสียสติไปแล้ว
แต่หากเขาต้องลอบสังหาร นั่นหมายความว่าหวังหลินสงบนิ่งอย่างมาก หากทำแบบนั้นได้ขณะที่คิดอย่างถี่ถ้วน เช่นนั้นจะส่งผลต่อชื่อเสียงของซวนลั่วอย่างไม่อาจกู้คืนมาได้ หวังหลินเข้าใจเรื่องทั้งหมด จึงไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น
หวังหลินไม่เลือกวิธีการเช่นนั้น เขาจึงจะพาวิญญาณของหวานเอ๋อร์ไป สังหารจักรพรรดิเต๋าและทำทุกอย่างในเวลากลางวัน สิ่งเดียวที่เขาห่วงคือความรู้สึกของอาจารย์…
“อาจารย์…” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งคำนับให้แก่คนที่กำลังก้าวเดินเข้ามาหา เขาไม่ได้เงยขึ้นและโค้งต่อไปแม้เหล่า 36 ขุนพลอสูรจะใช้โอกาสนี้เข้ามาใกล้หวังหลินก็ตาม
ซวนลั่วก้าวเดินออกมาจากท้องฟ้าและมองหวังหลิน ตัวเขาคล้ายกับมีอายุขึ้นมากและสะบัดแขนลงใส่พื้นด้านล่าง
เพียงเท่านั้นเหล่า 36 ขุนพลอสูรล้วนกระอักโลหิตและล่าถอยด้วยความหวาดกลัว ทุกคนยกเว้นหวังหลินกระเด็นออกไปหมื่นฟุต เหลือเพียงหวังหลินคนเดียวที่กำลังโค้งคำนับต่อไป
จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยขึ้นมาตอนที่เห็นซวนลั่วปรากฏตัว แววตาเปล่งประกายส่องสว่างและรีบก้าวมาข้างหน้า “ท่านซวนลั่ว หวังหลินทะลวงเข้ามาในวังและพยายามขโมยจักรพรรดินีของข้า เขาทรยศเรา ในฐานะศิษย์ของท่านซวนลั่วแล้ว ข้าหวังว่าท่าน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซวนลั่วพลันหันมามอง
“ไปให้พ้นหน้าข้า!!”
จักรพรรดิเต๋าสั่นเทาและกระอักโลหิตพลางถอยไปหลายก้าว เขามองโลหิตที่ตัวเองกระอักออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าซวนลั่วกล้าทำร้ายเขา!
เขากำลังจะพูดขึ้นอีกครั้งแต่เมื่อเห็นจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยวในแววตาของซวนลั่ว จึงกลืนคำพูดลงคอไป สีหน้าท่าทางมืดมนแต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“มหาชั้นฟ้าซวนลั่ว…” พ่อของจักรพรรดิเต๋า ชายชราผู้สูญเสียแขนข้างขวาไปพลันถอนหายใจและโค้งคำนับให้แก่ซวนลั่ว
“เด็กคนนี้ไม่เคารพอำนาจราชวงศ์ แต่ข้าเชื่อว่าองครักษ์แห่งอาณาเขตเต๋าผู้เคารพนับถือจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรม เพราะคนผู้นี้สังหารผู้คนไปหลายหมื่นคน เขาเป็นภัยต่ออาณาเขตเต๋าและเรื่องนี้ไม่อาจให้อภัยโทษได้!” ชายชรานั้นฉลาดยิ่งกว่าจักรพรรดิคนปัจจุบัน คำพูดมุ่งเน้นไปเรื่องที่หวังหลินสังหารคนไปมากมาย
ซวนลั่วขบคิด จากนั้นมองไปที่หวังหลิน สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจและโศกเศร้า ทั้งยังมีความสับสน ใบหน้ายิ่งดูแก่ชรามากขึ้น เขามองศิษย์ของตัวเองผู้ที่ยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากสั่นเทาแต่ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาได้
หลังจากนั้นสักพัก ซวนลั่วสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ทำไม…”
หวังหลินถอนหายใจ เขามองซวนลั่วด้วยสีหน้าอันซับซ้อนอธิบายไม่พูด เขาไม่อาจตอบแทนความเมตตาที่ซวนลั่วมอบให้ได้ เขาไม่ต้องการให้ซวนลั่วผิดหวังจากเบื้องลึกของจิตใจ
“อาจารย์…อย่าโกรธเกรี้ยวเลย” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาตีใส่หน้าอกตัวเอง กระอักโลหิตก้อนใหญ่และสะบัดแขน โลหิตสาดกระจายและผสานเข้ากับโลหิตบนพื้นจนเผยแสงสีแดงมหึมา เพียงมีโลหิตเป็นเครื่องชี้ทาง ร่างทั้งหลายเริ่มก่อตัวออกมาจากอากาศ
ร่างเหล่านี้คือทุกคนที่ถูกหวังหลินสังหาร
ตอนนั้นด้วยระดับบ่มเพาะของเย่โม่ เขาสามารถใช้โลหิตเพียงไม่กี่คำก็ได้สร้างเหล่าเทพโบราณ ปิศาจโบราณและมารโบราณของโลกถ้ำได้ ตอนนี้หวังหลินมีโลหิตวิญญาณ ด้วยมรดกที่เขาได้รับมาหลังจากผสานกับโลหิตวิญญาณ หวังหลินจึงทำเรื่องเหล่านี้ได้และเขาทำได้ทรงพลังยิ่งกว่าเย่โม่หลายเท่า
ร่างเหล่านั้นปรากฏขึ้นทีละคน ผู้คนนับหมื่นไม่ขาดหายไปแม้แต่คนเดียว ร่างแต่ละคนก่อเกิดขึ้นมา โลหิตบนพื้นหายไป หวังหลินอ้าแขนออกพร้อมกับหน้าซีด เหล่าดวงวิญญาณนับหมื่นลอยออกมาและผสานเข้ากับร่างของตัวเอง
หวังหลินสังหารคนไปหลายหมื่นแต่เขาแค่ทำลายร่างกายและชิงวิญญาณออกมา กระนั้นหวังหลินก็ทรงพลังเกินไปจนไม่มีใครที่นี่มองออก
ซวนลั่วคืออาจารย์เขา แล้วเขาจะทำสิ่งที่ทำให้อาจารย์เศร้าใจได้อย่างไร?
…………………………………………………….