Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2029 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (8)
พอคนนับหมื่นปรากฏตัว สายตาผู้คนเกือบพันคนด้านนอกวังถึงกับเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ แม้แต่จักรพรรดิเต๋ายังมีสีหน้าเปลี่ยนไปและมืดมนยิ่งขึ้น
ทั้งพ่อเขาและชายชราเองก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่สังเกตเรื่องนี้มาก่อน พอมองดูหวังหลินในตอนนี้จึงยิ่งมีแววตาหวาดกลัวเกินบรรยาย
เพียงเหล่าวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างตัวเอง ผู้คนต่างก็ลืมตา แม้จะสับสนอยู่ชั่วขณะแต่ก็ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
เสียงร้องไห้ระเบิดดังออกมา พวกเขารู้สึกว่าน่าจะตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกชุบชีวิตขึ้นมาเหมือนฝันไป!
แต่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับตอนก่อนตายและอ่อนแอลงไปมาก แม้วิชานี้จะลึกลับแต่ก็ไม่สามารถฟื้นคืนคนจำนวนมากกลับสู่พลังดั้งเดิมไปได้
แต่ด้วยในร่างหวังหลินมีโลหิตวิญญาณ แม้พลังจะอ่อนลงไป พวกเขาเพียงใช้เวลาไม่กี่สิบปีก็ฟื้นคืนมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
มีเพียงคนที่มีโลหิตวิญญาณเท่านั้นถึงจะสามารถใช้วิชาได้ใกล้เคียงพลังของบรรพชนโบราณ หลังจากร้องห่มร้องไห้ พวกเขาทั้งหมดก็เงียบลงและมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อน
ท่ามกลางพวกเขายังมีเก้าคนที่ติดตามซวนลั่ว ซึ่งต่างก็ถอนหายใจและรู้สึกว่าเพิ่งหนีพ้นหายนะครั้งใหญ่มาได้
วิญญาณแต่ละคนถูกหวังหลินเก็บวิญญาณไป ดังนั้นจึงเข้าใจดีว่าถูกฟื้นคืนชีพมาได้เพราะหวังหลิน
หวังหลินใบหน้าซีดเผือด แม้จะมีโลหิตวิญญาณแต่การใช้วิชาแบบนี้ยังส่งผลกระทบกับเขาอย่างมหาศาล เพื่อไม่ให้ซวนลั่วผิดหวัง หวังหลินจึงตัดสินใจทำเรื่องเหล่านี้ตอนที่เขาทะลวงเข้ามาในวังได้
ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็ยังจะเก็บวิญญาณทุกคนที่สังหารมา จากนั้นฟื้นคืนชีพเมื่อซวนลั่วมาถึง
ซวนลั่วพอเจอสถานการณ์เกินคาดเช่นนี้จึงเอนเอียง ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงมองออกว่าหวังหลินสามารถทำทั้งหมดนี้ได้เป็นเพราะโลหิตวิญญาณ
‘เพียงโลหิตวิญญาณสามหยด ก็สามารถสร้างเผ่าใหม่ขึ้นได้แล้ว…’ ประโยคนี้ได้ส่งต่อกันมาหลายรุ่น ตอนนี้ซวนลั่วได้เห็นจึงเกิดความเชื่อขึ้น
หวังหลินเงยศีรษะ ใบหน้าซีดราวกับป่วยไข้ เขามองซวนลั่วและเอ่ยปาก “อาจารย์…ศิษย์ไม่ได้สังหารใครไปจริงๆ…”
“แม้เขาจะไม่ได้สังหารใคร เขาก็ทำให้ผู้คนที่ทรงพลังของอาณาเขตเต๋าเกิดความอ่อนแอและทะลวงเข้ามาในวังหลวง ไม่เคารพต่ออำนาจราชวงศ์ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปถึงอาณาเขตฉีและอาณาเขตจวี่ อาณาเขตเต๋าคงเสียหน้าครั้งใหญ่ เขายังต้องตายอยู่ดี!” จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้น สายตาที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“หวังหลิน บอกเหตุผลให้อาจารย์มา” ซวนลั่วมองหวังหลินด้วยท่าทีที่ค่อยๆ เบาลง เขาคิดว่าหวังหลินไม่สนใจความรู้สึกเขาและคงมุ่งหน้ากวาดล้างสังหารจนเกิดความเสียหายที่มิอาจแก้ไขได้ ไม่เพียงแต่เรื่องนี้จะทำให้เขาเจ็บปวดใจ มันยังทำให้เขารู้สึกผิดหวังอีก
สำหรับศิษย์ของเขาคนเดียวผู้นี้ เขาได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำในฐานะอาจารย์ไปแล้ว เขากระทั่งดูแลหวังหลินดุจลูกชายของตัวเอง เตรียมการทุกอย่างที่หวังหลินต้องการสำหรับการบ่มเพาะและกระทั่งยอมต่อต้านมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเพื่อหวังหลิน ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขากระทั่งหลอมสมบัติให้หวังหลิน
แต่พอมาถึง เขาเห็นพื้นดินปกคลุมไปด้วยโลหิต อาณาเขตเต๋าที่เขาปกป้องเกิดความตายนับไม่ถ้วนและทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะศิษย์ของเขา สิ่งนี้ทำให้ซวนลั่วรู้สึกเจ็บราวกับมีดทิ่มแทงหัวใจและเต็มไปด้วยความผิดหวัง!
แต่ตอนนี้พอได้เห็นหวังหลินใช้โลหิตวิญญาณเพื่อฟื้นคืนผู้คนที่เขาสังหาร แม้จะทำร้ายตัวเอง จิตใจซวนลั่วก็ยังเจ็บเพราะหวังหลิน
เขาเจ็บใจเพราะรู้ว่าศิษย์ผู้นี้ยังห่วงใยเขา เพราะเขารู้ว่าหากหวังหลินไม่ได้วางแผนเอาไว้ คงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนผู้คนได้
‘ก่อนเขาจะมา เขาได้ห่วงความรู้สึกข้าไปแล้ว…’ สายตาซวนลั่วอ่อนลง เขาเข้าใจศิษย์ของตัวเอง หากไม่ใช่เหตุผลสำคัญคงไม่ทำเรื่องนี้ อย่าว่าแต่บ้าคลั่งได้ขนาดนี้เลย
เหตุผลส่วนใหญ่อาจไปกระตุ้นต่อความเดือดดาลของหวังหลิน!
ซวนลั่วถอนหายใจและคาดเดาได้ส่วนหนึ่ง
หวังหลินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าซีด “วิญญาณของภรรยาข้าอยู่ในร่างของซ่งจื่อ…ศิษย์กำลังจะพานางไป…จักรพรรดิเต๋ารู้เรื่องนี้และไม่ยอม ศิษย์จึงต้องการสังหารเขาด้วย!”
จักรพรรดิเต๋าสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องคำรามทันที “บัดซบ เจ้าต้องการขโมยจักรพรรดินีของข้า? ข้าจะปล่อยให้เจ้าพานางไปได้อย่างไร? เจ้าบอกว่าวิญญาณของภรรยาเจ้าอยู่ในร่างนาง ช่างน่าเหลวไหล!”
“ตอนที่เจ้ามาถึงยังไม่อธิบายเรื่องทั้งหมดเลย ทำไมข้าควรส่งจักรพรรดินีของข้าให้เจ้า!?” จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยแต่จิตใจสั่นเทา
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็อธิบายไปแล้ว ข้าจะพานางไป” หวังหลินหันศีรษะมามองจักรพรรดิเต๋าด้วยความเย็นชา เขาถูกคนนับพันคุ้มกันเอาไว้
จักรพรรดิเต๋าพูดขึ้นทันที “เหลวไหล คำอธิบายของเจ้ามันไร้เหตุผล หากข้าปล่อยให้เจ้าพานางไปได้จริงๆ ทั้งโลกไม่หัวเราะในความสามารถของข้าหรอกหรือ!? นอกจากนั้นที่เจ้าพูดมามันก็ไม่สมเหตุสมผล ข้าพูดได้ว่านางคือภรรยาคนสุดท้ายในชีวิตข้า เจ้าจะทำอะไรได้?!” น้ำเสียงไม่เผยท่าทีว่าจะถอย
เขาเชื่อว่าหวังหลินไม่สามารถทำร้ายเขาได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าสังหาร ทั้งยังเห็นว่าหวังหลินเคารพต่อซวนลั่ว เพียงมีซวนลั่วอยู่ที่นี่ หวังหลินคงไม่แม้แต่จะโจมตี
หากไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เขาคงไม่ใช่จักรพรรดิ
นอกจากนี้ใครที่อยากสังหารเขาคงต้องไปขอมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเสียก่อน!
ในฐานะจักรพรรดิเต๋า เขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัว แล้วจะปล่อยให้หวังหลินทำตามที่ต้องการได้อย่างไร? เขาคิดเอาไว้แล้วว่าเมื่อเรื่องราวในวันนี้จบลง เขาจะไปบิดเบือนความทรงจำของซ่งจื่อและพรากความบริสุทธิ์ของนาง ให้นางอุ้มลูกของเขาและให้หวังหลินตกอยู่ในความสิ้นหวัง!
จักรพรรดิเต๋าสะบัดแขนเสื้อและพูดอย่างเย็นเยียบ “หากเจ้าต้องการเอาจักรพรรดินีข้าไป เช่นนั้นต้องมีหลักฐาน!”
แม้หวังหลินจะขบคิดเงียบๆ จิตสังหารในร่างกายแทบไม่สามารถระงับได้และกำลังปะทุขึ้นมา เขาจะสังหารคนนับพันที่กำลังขวางทางและมุ่งหน้าเข้าพระราชวังเพื่อสังหารจักรพรรดิเต๋า!
แต่เขาไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้ บนใบหน้าซีดเผือดมีรอยสีแดงจางจากการฝืนระงับจิตสังหารที่บ้าคลั่งในร่างกาย
หวังหลินมองดูซ่งจื่อและเผยความโศกเศร้า เขามีพลังเทียบได้กับมหาชั้นฟ้าและนอกจากซวนลั่วแล้วไม่มีใครที่นี่เทียบกับหวังหลินได้ กระนั้นตอนนี้เบื้องหน้าจักรพรรดิตัวน้อย เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว เขามองเห็นวิญญาณของหวานเอ๋อร์อยู่ตรงนั้นแต่ไม่สามารถพานางไปได้
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำให้ซวนลั่วผิดหวังและตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่ต้องการทำให้อาจารย์ที่เขาเป็นหนี้อย่างมหาศาลต้องรู้สึกโศกเศร้า
หวังหลินหลับตาและเผยรอยยิ้มน่าสังเวช เมื่อลืมตาอีกครั้งจึงยื่นแขนออกไปปรากฏหินหยกหนึ่งก้อน หลังจากรวบรวมสัมผัสวิญญาณไว้บนหินหยก เขาจึงบดขยี้
นาทีที่หินหยกแตกทุกอย่างที่เขาเห็นในหินหยกจากสำนักมหาวิญญาณ รวมไปถึงคำพึมพำของจักรพรรดิเต๋าได้ถูกแสดงออกมาเบื้องหน้าทุกคนโดยไม่มีอะไรซ่อนไว้
ภาพเหตุการณ์ชัดเจนจนน่ากลัว!
“ราชครูพูดว่าเศษวิญญาณดวงนี้สามารถทำให้ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิโบราณที่แท้จริงของทั่วทั้งเผ่าโบราณ เช่นนั้นการทำให้นางเป็นจักรพรรดินีของข้าจะเป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับนาง”
“แม้นางไม่ได้สวยไร้ที่ติ นางมีเสน่ห์ของตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าราชครูไปได้เศษวิญญาณนี้มาจากที่ไหน…นางอาจมีคนรักอยู่แล้วและบางทีหลังจากนางตาย เขาอาจรู้สึกเจ็บปวดทรมาน…”
“น่าเสียดาย เขาอาจจะไม่รู้เลยว่าสตรีคนนี้อยู่ในมือข้า…หากข้าเห็นว่าคนรักของนางเป็นใครและเห็นด้วยตาตัวเอง นี่คงจะน่าสนใจมาก”
“หากวันใดวันหนึ่งที่ทั้งคู่พบเจอกัน ข้าสงสัยว่าทั้งสองจะจำกันได้หรือไม่…เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ หลังจากสิ้นงานพิธี ข้าจะต้องลิ้มรสเศษวิญญาณดวงนี้หลังจากมันผสานไปเสียหน่อย”
เสียงของจักรพรรดิเต๋าดังออกมาจากภาพในหินหยกที่แตกสลาย แม้จะเป็นครั้งที่สองที่หวังหลินได้ยิน จิตสังหารในใจพลันประทุขึ้นอีกครั้ง กระนั้นหวังหลินก็ระงับเอาไว้ได้อีกรอบ
ทุกคนที่นี่ได้ยินเสียงนี้ แม้จักรพรรดิเต๋ายังมีความสงบนิ่งแต่จิตใจเกิดคลื่นกระแทกครั้งใหญ่ เขาไม่เคยเจอวิชาประหลาดเช่นนี้ในโลก!
จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงมืดมน “ช่างเป็นภาพลวงตาที่สมจริงอะไรขนาดนี้ น่าสนใจมาก หวังหลิน เจ้าถึงกับลงทุนสร้างเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา แต่ทั้งหมดล้มเหลว ข้าไม่เคยพูดอะไรเช่นนั้น เศษวิญญาณอะไรกัน?”
หวังหลินเงียบเสียงแต่จิตสังหารพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง มันกำลังระเบิดออกมาเป็นครั้งที่สาม ดวงตาแดงก่ำขึ้นอีกครา ทว่าเขาระงับมันลงไปแต่เพราะมีการระงับความโกรธเกรี้ยวหลายครั้ง โลหิตจึงไหลออกมาจากมุมปาก
ขณะที่จักรพรรดิเต๋าเยาะเย้ย ซวนลั่วขมวดคิ้ว ยกแขนขวาขึ้นมายื่นหาซ่งจื่อ
ทว่ามีแสงสีม่วงกะพริบรอบซ่งจื่อเพื่อสลายการคว้าของซวนลั่ว สิ่งนี้ทำให้ซวนลั่วมีสีหน้าเปลี่ยนไป
พอชายชราซึ่งเป็นพ่อของจักรพรรดิได้เห็นเช่นนี้จึงอุทานออกมา “ตราประทับขังวิญญาณบรรพชน!!”
จักพรรรดิเต๋ายิ้มเล็กน้อยและมองซวนลั่วอย่างเย็นชา จากนั้นมองหวังหลินและส่งเสียงหัวเราะไม่มีปิดบัง
“นางคือจักรพรรดินีของข้า ไม่มีใครพานางไปได้ ข้าตีตรานี้ไว้บนร่างของนาง มันคือสมบัติของบรรพชนโบราณ หากข้าตาย นางก็ตาย เพียงแค่คิดนางก็ไม่สามารถขยับออกไปห่างจากข้าได้เกินร้อยฟุต หากไม่ทำลายตราประทับนี้ ใครจะพานางไปจากข้าได้กันเล่า?”
“นางจะอยู่หรือตาย ข้าเป็นคนควบคุม หวังหลินเจ้ากล้าสังหารข้าหรือไม่? หากข้าตาย นางก็จะตายไปด้วย!”
“หวังหลิน ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าอีก!?” จักรพรรดิเต๋าหัวเราะพร้อมกับมองดูหวังหลิน
……………………………………………………