Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2030 เต็มไปด้วยความโกรธแค้น (9)
“ตราประทับขังวิญญาณบรรพชน…วิชานี้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวส่งต่อมาให้ทั้งสามราชวงศ์ มีเพียงจักรพรรดิคนประจุบันเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ เมื่อใช้ครั้งหนึ่งในชีวิตแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่ามหาชั้นฟ้าจะไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้อีก!”
“มีเพียงมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเท่านั้นที่สามารถลบล้างวิชานี้” ซวนลั่วพูดขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน
หวังหลินเงียบลง
ซวนลั่วมองจักรพรรดิเต๋าและพูดอย่างสงบนิ่ง “เย่ต้าว ในฐานะองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า ข้าขอให้เจ้าถอนเขตอาคมที่นี่ทันทีและปล่อยให้หวังหลินพานางคนนี้ไป! ข้าจะไปขอให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวถอนวิชานี้ออกจากตัวนาง!”
“ลูก มันไม่คุ้มค่ากับสตรีคนเดียวนะ!” ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วไปด้วยและมองจักรพรรดิเต๋า
“ในเมื่อนางมีวิญญาณภรรยาของหวังหลิน ทำไมเจ้ายังต้องการนางอีก? ก็แค่ส่งมันคืนให้เขา คนทรงพลังเช่นนั้นเลือกที่จะอยู่ในอาณาเขตเต๋าแล้ว หากเจ้าทำเช่นนี้จะทำให้เขาไม่เห็นใจเอาได้”
“ไม่เห็นใจ? มันจะไม่เห็นใจแล้วทำไม? ท่านแก่แล้ว อย่าพูดอะไรไร้สาระ! และท่านซวนลั่ว…นี่คือเรื่องส่วนตัวของราชวงศ์ ท่านเป็นองครักษ์ของอาณาเขตเต๋า ลืมข้อตกลงกับมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไปแล้วหรือ? คนผู้นี้ทะลวงเข้ามาในวังและไม่เคารพต่ออำนาจราชวงศ์ ข้าหวังว่าท่านซวนลั่วจะสังหารเขาและทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่!” จักรพรรดิเต๋าพูดอย่างเย็นชา ไม่สนคำขอของซวนลั่วแม้แต่น้อย
เขาทำตัวแบบนี้เพราะเชื่อว่าไม่มีใครกล้าสังหารเขา โดยเฉพาะหวังหลิน
ซวนลั่วยิ้มอย่างโกรธเกรี้ยวและมีสายตาเย็นชา จักรพรรดิเต๋าเป็นคนที่เขาแต่งตั้งด้วยตัวเอง แต่กลับกล้าพูดเรื่องแบบนี้ ขณะที่เขากำลังจะพูด หวังหลินก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“หากข้าคุกเข่า เจ้าจะปล่อยนางมาให้ข้าได้หรือไม่?”
“ก่อนหน้านี้เจ้าต้องการสังหารไม่ใช่หรอกหรือ? เจ้าไม่ทำตัวโอหังเช่นก่อนแล้ว? เจ้าไม่ยอมคุกเข่าเหมือนก่อนแล้ว? ตอนนี้ต้องการคุกเข่าเพื่ออะไร? เจ้ามันก็แค่มดแมลงจากโลกถ้ำและข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ มาสิ คุกเข่าต่อหน้าข้า อ้อนวอนสิ หากข้ามีความสุข ข้าอาจจะยกนางให้เจ้าได้” จักรพรรดิเต๋ายิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่มืดมนยิ่ง
“ข้าหวังหลิน สามารถคุ้มครองอาณาเขตเต๋าต่อไปจนชั่วชีวิตข้า…ข้าสามารถคุกเข่าได้และไม่สังหารเจ้า ข้าแค่ต้องการเศษวิญญาณในร่างของนาง…มอบนาง…กลับมาให้ข้า…ได้หรือไม่…” หวังหลินพึมพำ สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าสุดหยั่งถึง เป็นความเศร้าที่สั่งสมมานับพันปี
“มอบนางให้เจ้า? นั่นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า บางทีหลังจากเล่นกับนางไปสักพันปีและเจ้าเชื่อฟังตลอดเวลา ข้าอาจจะยกนางให้เจ้าได้” จักรพรรดิเต๋าหัวเราะเยาะ
หวังหลินร่างสั่นเทาและหลับตา จิตสังหารในร่างปะทุขึ้นอีกครั้งและเขาแทบสูญเสียการควบคุม ส่วนเรื่องเขตอาคมนั้นเขาสามารถสัมผัสได้จากโลหิตวิญญาณในร่างกาย หากเขามีเวลาพอก็สามารถสลายเขตอาคมได้อยู่แล้ว
เหตุผลที่ยังระงับอารมณ์อยู่เป็นเพราะซวนลั่ว…เพราะซวนลั่วไม่ยอมให้จักรพรรดิเต๋าถูกสังหาร…ซวนลั่วคือองครักษ์ของอาณาเขตเต๋าและอำนาจราชวงคืออำนาจสูงสุดที่นี่
“ข้าสามารถเสนอสิ่งอื่นเพื่อแลกกับเศษวิญญาณของภรรยาข้าได้หรือไม่…” หวังหลินลืมตาและระงับจิตสังหารอีกครั้ง แววตาแดงก่ำและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“โอ้? บอกข้ามาสิว่าเจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร” จักรพรรดิเต๋ายิ้ม
หวังหลินมองซ่งจื่อ จากนั้นยื่นแขนขวาออกไปปรากฏวิญญาณดวงหนึ่ง วิญญาณดวงนี้หลับตาลงแต่เปล่งแสงสีทอง แสงไม่บริสุทธิ์นักและดวงวิญญาณดูเหมือนตกอยู่ในความเจ็บปวด
“วิญญาณของจักรพรรดิเทพแห่งเผ่าเทพ พอหรือไม่…” หวังหลินส่งสายตามองจักรพรรดิเต๋า
จักรพรรดิเต๋าจ้องมองดวงวิญญาณด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“จักรพรรดิเทพ! นี่…นี่เป็นไปไม่ได้ เขา…เจ้า…เจ้ามีวิญญาณเขาจริงๆ!!” จักรพรรดิเต๋าอ้าปากค้าง ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่ตอนที่หวังหลินนำวิญญาณออกมา ทุกคนของอาณาเขตเต๋าต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป!
รวมถึงคนของอีกสองอาณาเขตที่อยู่ห่างออกไปไกลด้วยเช่นกัน หลายคนเคยเห็นจักรพรรดิเทพ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่าวิญญาณดวงนี้เป็นของจริงหรือไม่
สายตาของผู้เป็นพ่อจักรพรรดิเต๋าถึงกับเบิกกว้างและร่างกายสั่นเทา
แม้แต่ซวนลั่วยังตกตะลึงที่ได้เห็นวิญญาณดวงนี้
“ไม่พอ!! แค่วิญญาณของจักรพรรดิเทพจะไปพอได้อย่างไร!?” หัวใจจักรพรรดิเต๋าสั่นเร็วดุจรัวกลอง เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวเป็นครั้งแรก นึกไม่ออกว่าหวังหลินไปได้วิญญาณของจักรพรรดิเทพมาได้อย่างไร ต้องบอกว่าจักรพรรดิเทพนั้นคือหนึ่งในเก้ามหาชั้นฟ้า!
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาสะบัดแขนซ้ายใส่ท้องฟ้า ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสีขาวและดำปรากฏขึ้นด้านหลัง มีสิ่งหนึ่งค่อยๆปรากฏภายในดวงตะวัน มันคือศีรษะขนาดยักษ์ไร้ดวงตาและใบหู!
นาทีที่ศีรษะปรากฏขึ้นมา พลังปราณสวรรค์หนาแน่นและแสงสีทองดูคล้ายดวงอาทิตย์จึงแผ่กระจายออก
“หากข้าเพิ่มศีรษะนี้ไปด้วย พอหรือไม่?” ดวงตาหวังหลินยิ่งแดงฉานมากกว่าเดิม น้ำเสียงแหบพร่า
“นี่มัน…” จักรพรรดิเต๋ามองศีรษะอย่างตกตะลึง เขารู้สึกว่าศีรษะดูคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก
“นี่…นี่มันศีรษะของบรรพชนเทพ!!! นี่…นี่เป็นศีรษะของบรรพชนเทพจริงๆ!!” พ่อของจักรพรรดิเต๋ามีอาการสั่นเทาไปทั้งร่าง ทะยานออกไปนอกวังหลวง จ้องมองศีรษะในอากาศและเผยอาการตื่นเต้นอย่างไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน
“อะไรนะ!?! ศีรษะบรรพชนเทพ!” หลังจากจักรพรรดิเต๋าฟื้นคืนสติมาได้ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ซวนลั่วอ้าปากค้างและความคิดว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
หากพวกเขาเป็นแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึงคนที่เหลือ พอพวกเขาได้ยินเสียงร้องของพ่อจักรพรรดิเต๋า ทุกคนมองมาที่ศีรษะ รู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าตอนที่เห็นวิญญาณของจักรพรรดิเทพเสียอีก
“เทพ…ศีรษะบรรพชนเทพ!!!”
“บรรพชนเทพ…ตายแล้ว!! เช่นนั้นบรรพชนโบราณเกิดอะไรขึ้น? บรรพชนโบราณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…”
“หวังหลินผู้นี้มีศีรษะของบรรพชนเทพ!!” เรื่องนี้กระจายไปทั่วทั้งวังหลวงและอีกไม่นานจะแผ่ไปทั่วทั้งเผ่าโบราณ ผู้คนอีกสองอาณาเขตต่างก็จ้องมองศีรษะด้วยความไม่เชื่อ
หวังหลินมองจักรพรรดิเต๋าและพูดขึ้น “ข้าจะแลกของทั้งสองอย่างนี้เพื่อวิญญาณของภรรยาข้า เช่นนั้นพอหรือไม่?”
“พอแล้ว!! พอแล้ว!!” คนที่ตอบหวังหลินคือพ่อของจักรพรรดิเต๋า เขาหันกลับมามองลูกชายด้วยความตื่นเต้น
“เย่ต้าว เพียงแค่สองทั้งสองอย่างนี้ อาณาเขตเต๋าจะรุ่งโรจน์ ด้วยวิญญาณของจักรพรรดิเทพและศีรษะบรรพชนเทพ อาณาเขตเต๋าจะมีโอกาสได้รวมทั้งเผ่าโบราณให้เป็นปึกแผ่น!! ปล่อยนางไปซะ!!” ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นจากความตื่นเต้น
จักรพรรดิเต๋าเกิดความลังเล
“รีบปลดปล่อยเขตอาคมซะ เจ้าจะรออะไรอีก!?” ชายชราร้องคำรามอย่างกระวนกระวาย
“ไม่พอ! ศัตรูคู่อาฆาตแบบมัน ข้าไม่สบายใจ หากเราฆ่ามัน ของทั้งสองจะเป็นของอาณาเขตเต๋า!” จักรพรรดิเต๋ามีแววตาจิตสังหารเป็นประกาย
“เจ้า…” ชายชรากำลังคำรามแต่ก็หยุดพูด เขาหันกลับไปมองหวังหลิน แววตาเป็นประกาย
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!” ซวนลั่วร้องคำรามออกมาสั่นสะท้านทุกคนที่นี่ บางคนถึงกับกระอักโลหิตและใบหน้าหวาดกลัวยิ่ง
แม้กระทั่งจักรพรรดิเต๋าก็ยังหน้าซีด เขากระอักโลหิตออกมา มองซวนลั่วด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ซวนลั่ว ท่านกล้าทำร้ายข้า? ท่านไม่กลัวมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวโกรธเกรี้ยว?!”
“เย่ต้าว สลายเขตอาคมซะ เจ้าสามารถเอาศีรษะบรรพชนเทพและวิญญาณจักรพรรดิเทพไปได้ ข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากเจ้าไม่ทำ ข้าฆ่าเจ้าในวันนี้และต่อต้านมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเอง!” ซวนลั่วเจ็บปวดหัวใจ เขามองหวังหลินที่มีใบหน้าขอร้องและซีดเผือด ซวนลั่วไม่อาจทนได้
เขาเข้าใจหวังหลินดีว่ากำลังทำทุกอย่างเหล่านี้เพื่อเขา ศิษย์เขาไม่ต้องการทำให้เขาลำบากใจและไม่ต้องการทำให้ผิดหวัง ดังนั้นหวังหลินจึงอดทนทุกอย่างตลอดเวลา
การมีศิษย์แบบนี้ ซวนลั่วก็ภูมิใจมากแล้ว หากศิษย์เขาสามารถฆ่าจักรพรรดิเทพได้ เช่นนั้นเขาที่มีชีวิตมานานหลายปีก็สามารถสังหารจักรพรรดิเต๋าคนนี้เพื่อศิษย์ของตัวเองไ้ด้เช่นกัน และแล้วเขาก็จะกลายเป็นมหาชั้นฟ้าคนแรกที่สังหารจักรพรรดิโบราณ!
ซวนลั่วรู้ดีว่าผลที่จะตามมานั้นมีมากมายแค่ไหน แต่ตอนนี้การได้เห็นศิษย์ของตนกำลังอดทนทุกอย่าง เขาจึงต้องทุ่มสุดตัวออกไปด้วย!
“ท่านกล้าสังหารข้า? ซวนลั่ว ท่านเป็นมหาชั้นฟ้าของอาณาเขตเต๋า หากสังหารข้า ไม่เพียงแต่จะถูกมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวสังหาร แต่ท่านคงจะเป็นปฏิปักษ์กับอาณาเขตเต๋าที่ปกป้องมานานหลายปี ท่านกล้าสังหารข้าหรือไม่? ท่านคงเป็นคนทรยศของอาณาเขตเต๋า แม้ท่านตายก็ยังเป็นที่เกลียดชังของทั้งอาณาเขต!!” จักรพรรดิเต๋าร้องคำราม สีหน้าท่าทางดูรุนแรง
ซวนลั่วร่างสั่นเทา เขาหลับตาซ่อนความเศร้าและความสับสนไว้ภายใน
“ข้าคุ้มครองอาณาเขตเต๋าจนถึงวันนี้และทำอย่างไม่มีอะไรเสียใจ…ข้ามีศิษย์คนเดียว…ข้าพาเขาออกมาจากโลกถ้ำ เขามีตำแหน่งสูงสุดในเผ่าเทพแต่เขาก็ยังมาตามหาข้า…ข้ามีศิษย์คนเดียวเท่านั้น!!” ซวนลั่วลืมตาและเผยความมุ่งมั่นไม่เสียใจ
เมื่อซวนลั่วตัดสินใจแล้ว หวังหลินจึงพูดขึ้น “อาจารย์…” เขามองซวนลั่วและเผยรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มได้ตั้งแต่ที่ค้นพบเศษวิญญาณของหวานเอ๋อร์
ทว่าพอซวนลั่วเห็นรอยยิ้มนี้ หัวใจยิ่งรู้สึกเจ็บปวด รอยยิ้มแบบนี้มันอะไรกัน? เป็นการร้องไห้ชัดๆ
“อาจารย์ ท่านปกป้องอาณาเขตเต๋ามาทั้งชีวิต…ศิษย์ไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของท่าน…” หวังหลินมองซวนลั่วและคุกเข่า โขกคำนับหนึ่งครั้งให้ซวนลั่ว
ตลอดชีวิตเขา หวังหลินพูดได้ว่าไม่เคยคำนับต่อฟ้าดิน เขาเคารพครอบครัวและคุกเข่าต่อซือถูหนานเท่านั้น…แต่ตอนนี้มีอีกคนที่เขายอมคุกเข่าแล้ว
“เจ้า…” ดวงตาซวนลั่วเต็มไปด้วยความเสียใจ
……………………………………………………..