Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2035 จักรพรรดิในอนาคต
หวังหลินหยุดชะงักกลางท้องฟ้าทำให้ดึงดูดความสนใจของคนในอาณาเขตเต๋า รวมถึงเย่เว่ยก็มองมาเช่นกัน
นั่นเป็นชายร่างกำยำดูธรรมดา เขาไม่ได้ดูเตะตาในฝูงชน ระดับบ่มเพาะเป็นเพียงเทพโบราณแปดดาวเท่านั้นและยังไม่ได้เป็นมหาเทพ
มีคนจำนวนมากแบบเขาในอาณาเขตเต๋า ปกติแล้วคงไม่มีใครให้ความสนใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายนับไม่ถ้วนพาเขามาที่นี่ เขาคงไม่ปรากฏตัวให้เห็น
ชายร่างกำยำดูสงบนิ่งแต่เขากำลังโดนหลายคนจ้องมองมา เขามองหวังหลินและรู้สึกอารมณ์อ่อนไหว
ภายในร่างกายเขามีสายโลหิตเล็กๆ ของราชวงศ์อาณาเขตเต๋า ซึ่งมาจากเย่โม่ เย่โม่คือคนจากตระกูลราชวงศ์ และลูกหลานที่เขาสร้างขึ้นทั้งหมดในโลกถ้ำต่างก็มีสายโลหิตร่างวงศ์
“ลั่วเฉิน…” หวังหลินมองมาที่ชายร่างกำยำและนึกย้อนถึงอดีต
ชายร่างกำยำผู้นี้คือลั่วเฉิน เป็นสหายเก่าที่ได้ผสานกับอสรพิษพิฆาตจันทร์และได้มอบดาวเทพโบราณให้หวังหลินในพิธีเปลี่ยนผ่านระดับ ความทรงจำในโลกถ้ำปรากฏขึ้นในใจหวังหลิน
หวังหลินถอนหายใจและกอดซ่งจื่อ พลางลงมาหาลั่วเฉิน ประชากรอาณาเขตเต๋าทั้งหมดล่าถอยโดยไม่รู้ตัวจนก่อเกิดเป็นช่องว่าง
หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้าลั่วเฉินและมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยนี้
“ลั่วเฉินขอคารวะผู้อาวุโส…” ชายร่างกำยำถอนหายใจและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน
“เจ้า…เจ้าแยกออกมาจากอสรพิษพิฆาตจันทร์ตอนไหน?” หวังหลินมองดูอีกฝ่าย
“หลังจากข้าติดตามท่านซวนลั่วกลับมาที่นี่ ท่านซวนลั่วช่วยข้าแยกตัวออกมาจากอสรพิษพิฆาตจันทร์” ชายร่างกำยำพูดขึ้นพลางมองหวังหลิน เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เจอชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้ครั้งแรกและเห็นว่าอ่อนแอแค่ไหน ตอนนี้หวังหลินกลายเป็นมหาชั้นฟ้า กระทั่งสังหารจักรพรรดิเต๋าไป บรรพชนจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทำได้แค่มองดูหวังหลินจากไปเท่านั้น
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถือว่าเป็นการอธิบายฉากเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับเป็นลั่วเฉินที่รู้สึกนั้น
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “ทำไมเจ้าไม่ออกมาตามหาข้า?”
ชายร่างกำยำยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายศีรษะ เขารู้นานแล้วว่าหวังหลินมาที่เมืองหลวงอาณาเขตเต๋าและคิดว่ากำลังจะมาเจอหวังหลิน แต่สถานะของหวังหลินสูงส่งเกินไปทั้งยังเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของซวนลั่วและองครักษ์ในอนาคตของอาณาเขตเต๋า ลั่วเฉินเป็นแค่คนต่ำต้อยของที่นี่เท่านั้น
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองได้ทำให้เขาหยุดความคิดในการออกมาพบเจอ
พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างขมขื่น หวังหลินขบคิดเงียบๆ พอจะคาดเดาความคิดของซวนลั่วได้และถอนหายใจ
หวังหลินพูดขึ้นอย่างเผ่วเบา “ช่วยข้าสักเรื่อง”
“ท่าน โปรดมอบคำสั่งให้ข้าได้เลย” ลั่วเฉินคำนับฝ่ามือและเอ่ยเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เจ้าน่าจะรู้ตัวตนของเย่โม่เป็นอย่างดี…” หวังหลินมองลั่วเฉิน
ลั่วเฉินพยักหน้า ตอนที่เขามาถึงอาณาเขตเต๋า เขาได้ศึกษาเรื่องทุกอย่างจากซวนลั่วและรู้ถึงต้นกำเนิดของสายโลหิตของเขา
“ช่วยข้าดูแลลูกหลานของเย่โม่” หวังหลินขึ้นไปในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า
“ตามที่ท่านสั่งการ ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของท่านเย่โม่” ลั่วเฉินรีบตอบ ตอนที่เขามาที่เมืองหลวง เขาไม่มีบ้านอยู่ เขาเลือกที่จะไม่พักอยู่ในอารามเต๋าและติดตามสายโลหิตของตัวเองมาแทนจนเจอลูกหลานของเย่โม่ แม้ลูกหลานของเย่โม่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลในราชวงศ์ พวกเขาก็ตกต่ำและมีเพียงแค่หนึ่งคฤหาสน์เท่านั้น
เหล่าลูกหลานของเย่โม่จึงได้ตัดสินใจรับเขา
หวังหลินเผยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความทรงจำและอารมณ์ความรู้สึก เขามองดูชายร่างกำยำพลางยกแขนซ้ายขึ้นมาและกดลงใส่หน้าอกของลั่วเฉิน จากนั้นมีแสงสีเงินกะพริบวาบบนฝ่ามือ
ร่างกายลั่วเฉินสั่นเทา แสงสีเงินส่องประกายออกมาจากร่าง แสงสีเงินส่องสว่างและสร้างความเจ็บปวดให้กับคนจำนวนมากที่มองมา จนพวกเขาต้องถอนสายตาออกโดยไม่รู้ตัว
“โลหิตวิญญาณ!!” เมื่อบรรพชนจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เย่เว่ยเห็นเช่นนี้ สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไป
ซวนลั่วหรี่ตาแคบลงเช่นกัน เขามองหวังหลินและลั่วเฉิน เผยสีหน้าท่าทางซับซ้อนและถอนหายใจออกมา
ลั่วเฉินร่างสั่นเทาและรู้สึกชัดเจนถึงสายใยอุ่นๆ ออกมาจากหวังหลินและเข้าสู่สายโลหิตของเขา ทำให้สายโลหิตบริสุทธิ์ขึ้นอย่างเทียบไม่ได้ เขามีสายโลหิตราชวงศ์อยู่แล้วและยิ่งมันบริสุทธิ์ขึ้นยิ่งทำให้เขาเปล่งแรงกดดันทางสายโลหิตเทียบได้กับจักรพรรดิเต๋าคนก่อน!
จากนั้นสักพักหวังหลินจึงถอนมือซ้ายออกมา กระจายโลหิตวิญญาณของเขาเล็กน้อยเข้าไปในลั่วเฉินและทำให้สายโลหิตของลั่วเฉินถึงจุดที่มีคุณสมบัติพอที่จะได้กลายเป็นจักรพรรดิเต๋า
“ตอนนั้น เจ้ามอบดาวเทพโบราณให้ข้า…วันนี้เจ้าคุ้มครองลูกหลานของเย่โม่…ข้าขอมอบสายโลหิตราชวงศ์ให้เจ้าเพื่อตอบแทนความเมตตา!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับซ่งจื่ เขาหายไปในพริบตา ทิ้งไว้ให้ผู้คนอาณาเขตเต๋าจ้องมองท้องฟ้าด้วยความเงียบงัน
ซวนลั่วมองทิศทางที่หวังหลินไปอยู่สักพัก เขาถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งจิตใจ ไม่พยายามพูดหรือมองเย่เว่ยอีก แต่เปลี่ยนสายตาไปที่ลั่วเฉิน
“ข้าจำได้ว่าเจ้าชื่อลั่วเฉิน ใช่หรือไม่?”
“ลั่วเฉินขอคารวะท่านซวนลั่ว” แสงสีเงินหายไปและคล้ายกับควบแน่นในร่างของลั่วเฉิน หลังจากเขาได้ยินคำพูดของซวนลั่ว จึงลงไปคุกเข่าและทำความเคารพ
ซวนลั่วมองลั่วเฉินและขบคิดราวกับกำลังตัดสินใจ ครู่ต่อมาเขาจึงเผยสายตามุ่งมั่นและพยักหน้าให้ลั่วเฉิน
“ข้าเลือกเขา!” ซวนลั่วชี้ไปที่ลั่วเฉินและจากนั้นมองเย่เว่ย
เย่เว่ยเผยอาการลังเลตอนที่มองลั่วเฉิน จากนั้นสักพักนางจึงถอนหายใจ
“ข้าจะไปปิดด่านบ่มเพาะต่อ ส่วนตัวเลือกคนอื่น ข้าจะทิ้งไว้ให้ท่านซวนลั่วตัดสินใจ” นางหันตัวกลับและเดินเข้าสู่โลงศพด้วยแสงสีม่วง เมื่อแสงสีม่วงหายไป โลงศพได้จมลงเข้าไปในพื้นดินตามเดิม
กระทั่งจนถึงตอนนี้ มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวกลับไม่ปรากฏขึ้นมาเลย แม้แต่ผู้ส่งสาส์นของมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ไม่ปรากฏ ราวกับตั้งใจหลีกเลี่ยงสถานการณ์
ถึงแม้จักรพรรดิเต๋าได้เรียกหามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว ผู้เป็นองครักษ์ของตระกูลราชวงศ์ เขาก็ยังไม่ลงมือทำอะไร ผู้คนอาณาเขตเต๋าไม่ได้พูดเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
หวังหลินเองก็สงสัยเรื่องที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวไม่ปรากฏตัว เขาเตรียมการเผื่อเรื่องแย่ลงไว้แล้ว หากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปรากฏตัว หวังหลินจะใช้ทุกอย่างและอัญเชิญร่างอวตารในมิติว่างออกมาต่อสู้ด้วย!
ถึงโอกาสล้มเหลวจะสูงแต่เขาก็ต้องสู้!
อย่างไรก็ตามกุ้ยต้าวไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเลย ตอนนี้หวังหลินพุ่งทะยานไปข้างหน้าและมุ่งหน้าสู่ภูเขาที่ใช้พลังของบรรพชนโบราณแบ่งครึ่งออกเป็นสองส่วน เขาระงับความสงสัยเอาไว้ในใจ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น แม้จะคิดต่อไปก็ไม่ได้อะไร สิ่งสำคัญคือการมุ่งหน้าไปยังภูเขารกร้างเพื่อขจัดคำถามที่ค้างในใจ!
ราชครูอาณาเขตเต๋าผู้ลึกลับเป็นใคร!?
ขณะที่ทะยานไป มือที่กอดซ่งจื่อได้ส่องประกายและเก็บนางเข้าไปในมิติเก็บของ การเดินทางครั้งนี้อาจจะอันตรายและหวังหลินไม่อยากให้นางได้รับบาดเจ็บ
หลังจากซ่งจื่อหายไป หวังหลินเผยแววตาเย็นเยียบดุดัน เขาหายตัวไปและปรากฏตัวอีกครั้งด้านนอกภูเขารกร้างที่ถูกผ่าครึ่ง
เขายกแขนขวาขึ้นมาและกดลงใส่ภูเขาด้านล่าง!
เพียงเท่านั้นประทับฝ่ามือขนาดยักษ์ปรากฏในท้องฟ้าและพุ่งลงหา เสียงสั่นสะเทือนสวรรค์ดังกึกก้อง หวังหลินทะยานลงสู่ภูเขาด้านล่าง!
ด้วยแรงกระแทกจากฝ่ามือของหวังหลิน ภูเขาจึงเริ่มพังทลายครั้งใหญ่ ค่ายกลขนาดใหญ่ด้านล่างเผยออกมาและถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสิบสี หมอกนี้กะพริบวูบวาบและไม่ได้รับความเสียหายจากฝ่ามือของหวังหลินเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ฝ่ามือหวังหลินเข้าสัมผัสสายหมอก มันเปลี่ยนกลายเป็นฟองนับไม่ถ้วนหายไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามาแล้ว…” น้ำเสียแหบพร่าและไม่แน่นอนดังออกมาจากสายหมอกและกึกก้องภายในภูเขาที่พังทลาย
หวังหลินยืนอยู่นอกสายหมอก สายตาเย็นเยียบ รู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นมากนัก ยิ่งทำให้สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ยากขึ้นไปอีก
“ราชครูอาณาเขตเต๋าเป็นคนที่ชอบซ่อนตัวใช่หรือไม่? เจ้านำวิญญาณของภรรยาข้าออกมาและปล่อยให้จักรพรรดิเต๋าค้นหาคนที่ผสานกับนางได้โดยมีเป้าหมายมาที่ข้า ตอนนี้ข้ามาหาเจ้าแล้วแต่เจ้ากลับปกคลุมด้วยสายหมอก เจ้ากลัวว่าข้าจะจำเจ้าได้หรือไม่ หรือเจ้าเป็นคนที่ข้ารู้จัก?” หวังหลินพูดอย่างเย็นชา
หลังจากเงียบไปสักพัก เสียงหัวเราะแหบพร่าดังออกมาจากสายหมอกและทำให้หมอกเคลื่อนตัว
“เจ้าช่างมีข้อสงสัยเยอะเหลือเกิน…เจ้าสงสัยว่าข้าเป็นใคร ข้าดึงวิญญาณของลี่มู่หวานไปได้อย่างไร ข้าพานางมาที่แผ่นดินเซียนดาราได้อย่างไร และเจ้ากำลังสงสัยว่าข้าทำเรื่องนี้ไปโดยมีจุดประสงค์อะไร”
“เจ้าช่างมีข้อสงสัยมากมาย…” น้ำเสียงแหบพร่าดังกึกก้อง
“…เข้ามาสิ หากเจ้าสามารถทะลวงผ่านม่านหมอกและมาเจอใบหน้าแท้จริงของข้าได้ ข้าจะช่วยไขข้อสงสัยของเจ้าบางส่วนให้”
จิตใจหวังหลินสั่นเทาแต่ใบหน้าเรียบนิ่งดังเดิม ยกแขนขึ้นและมีควันสีเขียวหมุนวรอบนิ้ว ก่อตัวเป็นวงกลมควันสีเขียวพุ่งเข้าหาสายหมอก
ขณะเดียวกันเต๋าสุดขั้วโลหะ ไม้ วารีและปฐพีปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเต๋าสุดขั้วขีวิตและความตาย พวกมันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน ก่อเกิดเป็นอักขระสีขาวและดำที่มีจำนวนหกวง หวังหลินสะบัดแขนส่งอักขระเต๋าทั้งหกแบบทะยานเข้าสู่หมอกสิบสี
………………………………………………………….