Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2038 แดนเทพบรรพกาล!
หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย แต่ไม่ได้พูดหรือหยุดการโจมตี เขาได้ผสานวิญญาณของจักรพรรดิเทพและศีรษะบรรพชนเทพเข้าไปเพื่อให้มันหลอมเข้ากับเขาได้เร็วขึ้นและยืมพลังของดวงตะวันมหาชั้นฟ้าให้กลายเป็นการโจมตีที่รุนแรงยิ่ง
นาทีนี้ขณะที่ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าเผาไหม้ ดวงตะวันขนาดใหญ่หดลงเล็กลงอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันพลังอันมหาศาลได้เข้าไปในร่างหวังหลินด้วยวิธีอันแปลกประหลาด และเท้าขวาได้เหยียบย่ำลงไป
หวังหลินร้องคำราม ส่งเสียงดังกึกก้องทั่วร่างกาย!
หากค่ายกลแห่งนี้ตั้งอยู่ในมิติที่แตกต่างจากแผ่นดินเซียนดารา การโจมก่อนหน้านี้ทั้งหมดของหวังหลินคงไร้ประโยชน์ ซึ่งถ้าค่ายกลไม่มีตัวตน หวังหลินคงทำได้แค่มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้
ค่ายกลที่นี่กลับดูดซับกลิ่นอายจากวังหลวงได้ นั่นแปลว่าถึงแม้จะอยู่คนละมิติ แต่มิติเหล่านั้นได้ทับซ้อนกับที่นี่
หวังหลินเคยเห็นวิชาแบบนี้มาก่อน ตอนที่อยู่ในวังหลวงเขาก็เจออะไรที่คล้ายกัน
ตอนนี้หวังหลินกำลังเผาไหม้ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าของตัวเองเพื่อแลกเป็นพลังในการทะลวงเปิดมิติว่าง เขากำลังจะใช้ร่างกายและระดับบ่มเพาะอันทรงพลังเพื่อเปิดม่านกั้นเข้าไปในมิติแห่งนั้น
วิชานี้คล้ายกับการก้าวออกมาจากโลกถ้ำและตรงเข้าสู่แผ่นดินเซียนดารา ราวกับการข้ามเขตแดนระหว่างโลกซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเหล่ามหาชั้นฟ้า เว้นแต่จะเป็นเหมือนวังหลวงของเผ่าเทพ ที่ซึ่งสร้างทางเข้าขึ้นมา แต่หวังหลินกำลังพยายามลองด้วยวิธีของตัวเองและมันเป็นเรื่องยากยิ่ง
ราชครูอาณาเขตเต๋ามีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเพราะการกระทำอันบ้าระห่ำของหวังหลิน!
เท้าหวังหลินเหยียบย่ำลงไปเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ค่ายกลกะพริบรุนแรงและคล้ายกับมีตาข่ายที่มองไม่เห็นปรากฏตัวขึ้นมา ตาข่ายโค้งงอและหากหวังหลินสามารถทำลายมันได้ เขาก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้!
ตาข่ายที่กำลังกะพริบวาบมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างเลือนลาง พอหวังหลินเพิ่มแรงส่งเข้าไปอีก คล้ายกับตาข่ายรับแรงถึงขีดจำกัด ร่างหวังหลินเองก็สั่นเทาและมีเม็ดเหงื่อไหลบนหน้าผาก แม้เขาจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมหาศาล มันก็เป็นเรื่องยากที่สุดอยู่ดี
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา ราชครูยืนขึ้นและสร้างผนึก แสงสิบสีพุ่งเข้าหาตาข่ายที่อยู่ใต้เท้าของหวังหลิน ทำให้ตาข่ายแข็งแกร่งขึ้นและต้านทานได้ดีขึ้น ตอนนี้ตาข่ายคล้ายกับมีพลังเหนียวแน่นยกเท้าหวังหลินออกไป
เจ้าแมลงวันตัวยักษ์เบื้องหน้าหวังหลินคล้ายกับบ้าคลั่งไปแล้วและกระแทกเข้าใส่ม่านพลังอย่างต่อเนื่อง มันต้องการเปิดม่านพลังและพุ่งเข้าใส่หวังหลิน
หลังจากกำลังเติมพลังให้ตาข่าย ราชครูกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ทว่าโลหิตไม่ได้ตกลงใส่ตาข่าย กลับพุ่งผ่านค่ายกลเข้าไปที่ไหนไม่ทราบ
แต่จังหวะนี้เองแรงกระตุ้นของค่ายกลได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า ส่งเสียงอื้ออึงเพิ่มขึ้นราวกับมีคนกำลังพูดอยู่ข้างๆ แต่ไม่สามารถได้ยินอะไรได้ชัดเจน
“ใช้โลหิตข้าเพื่อนำทางวิญญาณแห่งสวรรค์ เปิดใช้งาน!” ชายชราร้องคำราม เหล่าวิญญาณนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในค่ายกล พอหวังหลินเห็นเหล่าวิญญาณเหล่านี้ ร่างกายจึงสั่นเทา
เหล่าดวงวิญญาณเป็นของคนที่ตายด้วยน้ำมือหวังหลินในโลกถ้ำ!!
ดวงวิญญาณเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำและพุ่งออกมาจากค่ายกล ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและก่อเกิดเป็นวังวนขนาดยักษ์ จากนั้นปรากฏภาพลวงตาขึ้นในค่ายกล!
ภาพลวงตาคล้ายกับภาพวาดและแสดงเป็นสะท้อนภาพภายในเผ่าเทพออกมา!!
ณ แผ่นดินเซียนดารา บนแคว้นทะเลขุนเขา เหล่าเซียนที่กระจายกันออกไปต่างก็จ้องมองทะเลด้วยความตกตะลึง ระดับน้ำทะเลลดลง จากนั้นมีเสาสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากใต้ก้นทะเล ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป
หวังหลินเห็นฉากเหตุการณ์ที่อยู่ในวังวน เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรแต่รู้สึกเส้นผมตั้งขึ้นคล้ายกับเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราปรากฏขึ้นมา!
หวังหลินสูดหายใจลึกและพยายามเหยียบลงไปเพื่อทำลายม่านพลังอย่างไม่ลังเล ทว่าตาข่ายนั้นกลับเหมือนได้รับการเติมพลังงานและมีพลังอันไร้ที่สิ้นสุด ป้องกันไม่ให้หวังหลินทะลวงเข้าไปได้ จึงทำให้เสียงที่หวังหลินเหยียบตาข่ายดังกึกก้องไปทั่ว
ราชครูกระอักโลหิตออกมาสามครั้งและดึงดูดวิญญาณออกมามากขึ้น เหล่าวิญญาณเหล่านี้คือทุกคนที่หวังหลินได้สังหารไป พวกเขาเผยสีหน้าเจ็บปวดพลางร้องคำรามและเปลี่ยนกลายเป็นควันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
พวกเขาเปลี่ยนกลายเป็นวังวนยักษ์สามแห่งเรียงกันกับวงวนแห่งอื่น แต่ละวังวนปรากฏภาพที่ไม่เหมือนกันขึ้นมา
ณ แคว้นคลื่นเมฆา บนแคว้นแห่งนี้มีมหาสมุทรขนาดยักษ์ ปกติไม่ได้มีคลื่นมากมายอะไรนัก บนมหาสมุทรมีเกาะเล็กๆ อยู่จำนวนมากและมีเหล่าเซียนอยู่ด้วย มหาสมุทรอันสงบเงียบพลันเกิดเสียงดังสนั่น เกาะนับไม่ถ้วนเกิดน้ำท่วมจนเหล่าเซียนจำนวนมากตกตะลึงและทะยานออกมา ระดับน้ำมหาสมุทรกำลังลดลงและจากนั้นเกิดเสายักษ์ต้นหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป
สถานที่อีกสองแห่งที่เป็นมหาสมุทรในเผ่าเทพ ได้มีเสาขนาดยักษ์ทะยานออกมาและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สถานที่สุดท้ายอาจไม่เรียกว่ามหาสมุทรได้นักเพราะมันถูกแช่แข็งและเป็นที่ที่มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงอาศัยอยู่ น้ำแข็งพลันปริแตก เผยมหาสมุทรแช่แข็งด้านล่าง เสาขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านน้ำแข็งขึ้นมาและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
หวู่เฟิงยืนอยู่ห่างๆ และมองเข้าไป เสาแห่งนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับอยู่มานานหลายปี แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกมาสั่นคลอนไปทั่วบริเวณ
“มัน…มันมาก่อนเวลา!!!” หวู่เฟิงพึมพำ แต่ไม่นานดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้า
หวังหลินเห็นทุกอย่างที่อยู่ในวังวนได้ชัดเจน พอเห็นว่าราชครูกำลังจะกระอักโลหิตครั้งที่ห้า หวังหลินอัญเชิญร่างอวตารในมิติว่างโดยไม่ลังเล สายหมอกพร่าเลือนปรากฏขึ้นรอบร่างกายและระเบิดพลังปะทุขึ้นทันที เท้าขวาบรรจุพลังเต็มเปี่ยมเหยียบย่ำลงใส่ม่านพลังตาข่าย
ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นทับซ้อนกับร่างดั้งเดิมราวกับมีอีกร่างอยู่ตรงนั้น นี่คือร่างอวตารที่อยู่ในมิติว่าง!
เพียงเหยียบครั้งนี้ ม่านพลังส่วนหนึ่งได้พังทลายกลายเป็นหลุม หวังหลินจึงได้ก้าวเข้าไปในมิติที่มีค่ายกลอยู่!
ร่างกายเขายังอยู่ที่นี่แต่เท้าขวาเยียบเข้าไปในมิติแห่งนั้น!
นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หวังหลินไม่สามารถทำให้ทั้งร่างเข้าไปในมิติแห่งนั้นได้ ทว่าขณะที่เท้าขวาถึงเป้าหมาย กลับมีแสงสีดำกะพริบวาบอยู่บนเท้าและเขาจึงถอนออกมา ควันสีดำจำนวนมากทะลวงเข้าไปในหลุมที่มีตาข่ายฟื้นฟูอยู่
ภายในมิติที่มีค่ายกลอยู่ ควันสีดำรวมกันตรงสุดขอบของค่ายกลก่อเกิดเป็นหวังหลินผมดำ สายตาเย็นเยียบไม่แยแสและไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง นี่คือร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารของหวังหลิน ชื่อของมันคือ…
“มือสังหาร!!” คนที่พูดชื่อของร่างนี้ขึ้นมาคือราชครู!
ชายชราจ้องมองร่างหวังหลินผมดำ แววตาเป็นประกายความหวาดกลัว
“ข้าไม่ชินกับการพูดกับคนอื่นที่อยู่คนละมิติ ข้าชอบคุยซึ่งหน้าแบบนี้มากกว่า” ร่างแก่นแท้สายฟ้าสังหารผมดำพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ
ที่นี่เป็นมิติที่แปลกประหลาดมาก มันคล้ายกับมีขนาดไร้ขอบเขต ทำให้ผู้คนเกิดภาพมายาแปลกๆ มีเสียงพึมพำดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องราวกับมีคนจำนวนมากพูดคุยกันแต่ไม่สามารถได้ยินชัดว่าพูดอะไรอยู่
ร่างมือสังหารถอนสายตาและก้าวเข้าหาราชครู
ด้านนอกค่ายกล ร่างดั้งเดิมของหวังหลินนั่งหลับตาลง เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ร่างมือสังหารในอีกมิติ
“เจ้าดูเหมือนหวาดกลัวข้าอย่างมาก และเจ้าก็รู้ชื่อของร่างนี้ด้วย…” ร่างมือสังหารมองไปที่ชายชราและค่ายกลอย่างเย็นเยียบ เขาสะบัดแขนปรากฏควันสีดำนับไม่ถ้วนเข้าทำลายค่ายกลแห่งนี้
“หากเจ้าทำลายค่ายกลนี้ จะไม่มีโอกาสปลุกลี่มู่หวานขึ้นมาได้! เศษวิญญาณนั่นเป็นแค่เศษวิญญาณ แม้เจ้าจะเก็บนางไว้ในโลงศพเลี่ยงสวรรค์ก็ไม่สามารถปลุกชีวิตนางขึ้นมาได้ หนทางเพียงในการชุบชีวิตนางจากความตายขึ้นมาคือการพึ่งพาค่ายกลนี้เท่านั้น!”
“หากเจ้าพึ่งพาเพียงแต่พลังของโลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณเพื่อปลุกนางขึ้นชั่วคราว นางก็ยังไม่สามารถหนีพ้นวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ไปได้ อีกหลายปีต่อมานางจะกลับเป็นร่างศพ หากเจ้าต้องการให้นางหนีพ้นวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ เจ้าต้องพึ่งพาค่ายกลนี้” ราชครูพูดขึ้นทันที
ร่างมือสังหารชะงักมือขวาเอาไว้ หวังหลินลืมตาขึ้นมาด้านนอกค่ายกล
“ค่ายกลแห่งนี้กำลังเปิดไปที่ใด?”
ราชครูขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “แดนเทพบรรพกาล!”
“หากเจ้าต้องการให้ลี่มู่หวานทะลวงออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด เจ้าต้องเข้าไปในแผ่นดินเทพบรรพกาล ที่นั่นเจ้าสามารถซ่อนตัวจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และสามารถใช้เต๋าแห่งการเกิดใหม่ของเจ้าเพื่อทำลายม่านแห่งความฝันของลี่มู่หวาน ค้นหาตัวตนที่แท้จริงของนางด้วยตัวเองและก้าวข้ามการเกิดใหม่”
“แดนเทพบรรพกาลในอดีตเปิดออกเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่ด้วยวิธีของข้า ข้าสามารถเปิดมันออกได้อย่างสมบูรณ์!”
อย่างไรก็ตามแววตาของมือสังหารมีประกายจิตสังหาร หลังจากหยุดชะงักไปจึงเคลื่อนไหวอีกครั้งราวกับเขากำลังทำลายค่ายกล
…………………………………………………….