Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2039 การตัดสินใจ
ราชครูส่งเสียงคำราม “หากค่ายกลนี้ถูกทำลาย เจ้าจะไม่มีวันรู้ความจริงของโลกถ้ำและแผ่นดินเซียนดารา!!”
“เจ้าจะยังต้องเฝ้าดูวิญญาณของลี่มู่หวานตายและกลับคืนสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เจ้าจะไม่ได้ทำให้นางอยู่กับเจ้าไปตลอดกาล!”
ร่างมือสังหารมีแววตาเปล่งประกายและหยุดมือขวาไว้ ควันสีดำยังคงเคลื่อนไหวไปตามแขน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่ง
“เจ้ามีโลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณ และมันมีพลังของผู้สร้าง แต่ถึงแม้เจ้าได้ผสานหยดโลหิตเข้าไปในร่างของลี่มู่หวาน ก็ไม่ได้ทำให้นางเข้าสู่ดินแดนเทพบรรพกาลได้อย่างปลอดภัย”
“ดินแดนเทพบรรพกาลเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุดของแผ่นดินเซียนดารา เซียนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะต้องมีระดับบ่มเพาะทรงพลังหรือร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้น”
“ครั้งนี้ดินแดนเทพบรรพกาลได้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแตกต่างจากที่มันเปิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากเจ้าต้องการเข้าไปพร้อมกับลี่มู่หวาน เจ้าต้องทำให้ร่างของนางไร้เทียมทานจนไม่สามารถทลายได้เพื่อให้พาเข้าไปที่นั่น จากนั้นใช้พลังอำนาจแห่งการเกิดใหม่เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของนาง แยกนางออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่เพื่อกลายเป็นอมตะ!” เทียนหยุนพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะกระอักโลหิตอีกสองครั้ง
โลหิตคล้ายกับสายหมอกและแทงทะลุค่ายกลไป ก้อนวิญญาณของผู้คนที่หวังหลินสังหารไปอีกสองก้อนได้ทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
ภายในท้องฟ้า พวกมันได้เรียงตัวเข้ากับวังวนทั้งสี่ก่อนหน้านี้ คล้ายกับกำลังทำเป็นรูปวงกลม
ก้อนควันสีดำสองก้อนเผยภาพที่แตกต่างกัน
มันไม่ใช่ในเผ่าเทพอีกแล้วแต่ครั้งนี้เป็นเผ่าโบราณ!
แห่งหนึ่งแสดงถึงพื้นที่บริเวณอาณาเขตจวี่ซึ่งมีทะเลอันกว้างใหญ่ ทะเลแห่งนี้สีดำและเปล่งกลิ่นเน่าเหม็น ซึ่งเป็นทะเลแห่งความตายอันโด่งดังของอาณาเขตจวี่
ปกติแล้วที่นี่เหมาะสำหรับให้ผู้คนของอาณาเขตจวี่เข้ามาฝึกฝน แรงกดดันจากทะเลจะหล่อหลอมผู้ฝึกฝน ซึ่งหากสามารถต้านทานได้จะช่วยกระตุ้นสภาพของผู้ฝึกฝนให้อยู่ในสภาวะเต็มกำลัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในทะเลแห่งความตายกลับมีคลื่นรุนแรงโผล่ขึ้นมาแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณและส่งเสียงดังสนั่น เสาขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและเลือนหายไป ระดับน้ำทะเลหายไปเกือบครึ่ง
ขณะที่เสาต้นนี้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสาอีกแห่งทะยานออกมาจากตรงชายแดนทะเลของอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตฉี ระลอกคลื่นจำนวนมากแผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ดึงดูดสายตาผู้คนที่มองเห็น ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“คำตอบที่เจ้าต้องการทั้งหมดอยู่ในแดนเทพบรรพกาล เมื่อเจ้าไปที่นั่น เจ้าจะรู้คำตอบ!” ราชครูปาดโลหิตจากมุมปากอยู่ในค่ายกล
ร่างมือสังหารผมดำส่งสายตาไปที่ราชครู
“มิติที่เจ้าอยู่ยังแตกต่างจากมิติที่มีค่ายกล…” เพียงแค่เขาพูดขึ้น พลันชี้ไปที่ราชครู ก้อนควันสีดำจำนวนมากออกมาจากปลายนิ้วและทะยานเข้าหา
ราชครูไม่หลบหลีกเลยและยอมให้ควันสีดำทะลุผ่านร่างกายไป ทว่าร่างเขาคล้ายกับไม่มีตัวตนและไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย เสมือนเป็นเพียงแค่ภาพฉายและไม่ได้อยู่ที่นี่
ราชครูหรี่สายตาพลางมองร่างมือสังหาร แววตาผุดความหวาดหวั่นขึ้นมา
“ข้ายังไม่เชื่อคำพูดของเจ้า!” หวังหลินที่นั่งอยู่ด้านนอกค่ายกลกำลังมองทุกอย่างข้างใน เขาไม่ได้ตกตะลึงกับคำพูดของราชครู
ราชครูกัดฟันและพูดขึ้นทันที “เจ้าได้ครอบครองเส้นผมสีขาวและกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นหรือไม่?”
พอร่างมือสังหารได้ยินเช่นนี้ แววตาเผยความเย็นเยียบ ร่างหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลพลันมองขึ้นไป
“เจ้ามีพวกมันอยู่จริงๆ!” พอราชครูเห็นเช่นนี้จึงมีความยินดีขึ้นมา
ราชครูเห็นร่างมือสังหารเคลื่อนไหวจึงรีบพูด “หลังจากเข้าไปในแดนเทพบรรพกาลแล้ว จงใช้เส้นผมเป็นเครื่องนี้ชี้ทางและใช้กะโหลกเป็นแสงสว่างส่องทางให้เจ้า เจ้าจะค้นพบความจริง! หากเจ้าทำลายค่ายกลนี้ แผนของข้าจะล้มเหลว แต่เจ้าก็จะไม่รู้ความจริงไปด้วย วันหนึ่ง เจ้าจะต้องเสียใจ!!”
เรื่องในวันนี้มันเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด เขาคิดว่าหวังหลินไม่สามารถเข้ามาในมิติแห่งนี้ได้ ไม่คิดว่าหวังหลินจะมีพลังอำนาจถึงกับข้ามผ่านขอบเขตเหล่านี้มาได้!
การที่ชายชราเผชิญกับร่างแก่นแท้สังหาร จึงรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิตใจและวิญญาณอย่างอธิบายออกมาไม่ได้
‘มันไม่ควรเป็นแบบนี้!! หรือจะมีบางอย่างผิดพลาดไป!?!’ ราชครูร่ำร้องอยู่ในใจแต่ไม่เผยอะไรออกมาบนใบหน้า อย่างไรก็ตามหวังหลินสามารถทำลายค่ายกลได้ทุกเมื่อและทำลายแผนการที่เขาวางเอาไว้นานหลายปี ดังนั้นเขาจึงต้องเผยความลับจำนวนมากออกมา
ร่างมือสังหารพูดขึ้น “น่าสนใจ ข้าจะปล่อยค่ายกลนี้ไปก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกข้ามาว่าทำไมค่ายกลนี้จึงต้องใช้วิญญาณผู้คนที่ร่างดั้งเดิมข้าสังหารถึงเปิดใช้งานได้!”
ราชครูมีสีหน้าเปลี่ยนไปและคล้ายกับลังเล แต่เขาได้เห็นหวังหลินยกมือขึ้นจะทำลายค่ายกลในจังหวะนั้น
“เพราะแดนเทพบรรกาลมี…” ชายชรากัดฟัน ขณะที่กำลังจะพูดคำเหล่านั้น ร่างกายเกิดอาการสั่นเทา ส่งเสียงร้องโหยหวนและเผยสัญญาณการสูญสลาย
“นี่…นี่คือกฎของดินแดน!! ข้าพูดไม่ได้! หากข้าพูดไป ข้าคงต้องตาย!” ราชครูหน้าซีดทันที
ร่างมือสังหารก้าวเข้ามาและเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “โอ้? เจ้าไม่ต้องบอกข้าเรื่องนั้นหรอก แต่เจ้าต้องบอกข้าว่าเจ้าเป็นใคร!”
“สีรุ้งคือข้า เทียนหยุนคือข้า และราชครูอาณาเขตเต๋าก็คือข้าเช่นกัน แม้กระทั่ง…” ขณะที่พูดขึ้นมา ร่างกายสั่นเทาอีกครั้งและส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
ราชครูมีท่าทีลำบากและเอ่ยตอบ “ข้าพูดมันไม่ได้!! หวังหลิน ค่ายกลนี้สำคัญสำหรับข้าแต่มันก็สำคัญสำหรับเจ้าด้วย หากเจ้าตั้งใจทำลายค่ายกลนี้ ข้าจะไม่หยุดเจ้าอีกแล้ว!!”
ทุกอย่างในวันนี้ผิดไปเสียหมดเพราะเขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะทะลวงผ่านขอบเขตมาได้และส่งร่างมือสังหารเข้ามาข้างใน ไม่เช่นนั้นเขาคงกุมความได้เปรียบอยู่จนถึงตอนนี้
ร่างมือสังหารขบคิดอย่างเงียบงัน ร่างหวังหลินด้านนอกค่ายกลเผยสีหน้าซับซ้อน ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ หลังจากเห็นปฏิกิริยาของราชครูแล้วหวังหลินพอจะคาดเดาบางอย่างได้ในใจ แต่การคาดเดานี้ช่างพิสดารจนเขาไม่กล้าเชื่อ!
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลี่มู่หวาน หวังหลินรู้ว่าราชครูไม่ได้พูดผิดไป โลหิตวิญญาณสามารถปลุกนางได้เพียงชั่วคราวแต่ไม่สามารถทำให้นางทลายออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้และสักวันหนึ่งยังต้องตายอยู่ดี
หากเขาต้องการข้ามผ่านการเกิดใหม่ไป บางทีหวังหลินต้องมุ่งหน้าไปที่แดนเทพบรรพกาลจริงๆ
พอจ้องมองชายชราแล้ว หวังหลินจึงหลับตา จังหวะนั้นมือสังหารถอนมือออกมา ควันสีดำรอบตัวเขาควบแน่นกลับไปและไม่แผ่กระจายอีก
มือสังหารพูดอย่างเย็นเยียบ “ดำเนินค่ายกลต่อไป!”
ราชครูไม่ประหลาดใจ เขามองร่างดั้งเดิมของหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลอย่างสื่อความหมายก่อนจะกระอักโลหิตอีกสองครั้ง
สองโลหิตเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มควันสีดำสองก้อนเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งความตาย พวกมันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมกับวังวนทั้งหกแห่งก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นวงกลมอันสมบูรณ์
ขณะเดียวกันอีกสองแห่งในเผ่าโบราณ เสาขนาดยักษ์ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พื้นดินสั่นไหวและเสาทั้งสองเลือนหายไป
วังวนสีดำทั้งแปดหมุนวนอยู่ในท้องฟ้าจนกระทั่งหนึ่งในนั้นระเบิดเป็นแสงสีดำคล้ายน้ำหมึกและแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ พริบตาเดียวทั่วท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ!
ไม่ใช่เพียงแค่ท้องฟ้าบริเวณนี้แต่ท้องฟ้าของเผ่าโบราณได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำ แม้กระทั่งท้องฟ้าในทะเลอันห่างไกล รวมถึง 72 แคว้นของเผ่าเทพก็เปลี่ยนกลายเป็นกลางคืน!
ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราถูกห่อหุ้มด้วยความมืด!
ผ่านไปเก้าลมหายใจ ความมืดที่ปกคลุมทั้งแผ่นดินเซียนดาราก็หายไป หวังหลินมองไปบนท้องฟ้าจนพบว่าหนึ่งในแปดวังวนได้หายไปแล้ว ขณะเดียวกันเขารู้สึกแปลกประหลาดขึ้นในใจ เนื่องจากเห็นเสาขนาดยักษ์อันเลือนลางได้ปรากฏขึ้นบนทะเลอันกว้างใหญ่ที่อยู่ระหว่างเผ่าเทพและเผ่าโบราณ
จังหวะนั้นเอง วังวนที่เหลืออยู่เจ็ดแห่งในท้องฟ้าได้ระเบิดขึ้นหนึ่งแห่งด้วยแสงสีดำแบบเดียวกัน
ท้องฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นสีดำอีกครั้ง เก้าลมหายใจต่อมาความมืดก็หายไป เหลือวงวนเพียงแค่หก แต่ปรากฏเสาแห่งที่สองขึ้นในทะเลอันกว้างใหญ่
ขณะที่โลกทั้งใบสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างสีขาวและดำ ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราเริ่มสั่นเทา ในทะเลอันกว้างใหญ่ก่อเกิดคลื่นยักษ์กระทบฝั่งสั่นสะเทือนสวรรค์
หวังหลินสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นบนอันทะเลอันกว้างใหญ่ได้อย่างเลือนลาง บางสิ่งที่ส่งผลกระทบได้ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราคงเป็นเพราะแดนเทพบรรพกาลใจตำนานนั้นที่สามารถทำให้คนกลายเป็นมหาชั้นฟ้ากำลังปรากฏตัวขึ้น!!
“แดนเทพบรรพกาล…” หวังหลินพึมพำ เขาได้ยินเรื่องสถานที่แห่งนี้มานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นพยานรู้เห็นการเปิดตัวของมัน
ท้องฟ้าสลับเป็นสีดำในครั้งที่ห้า จากนั้นผ่านไปเก้าลมหายใจจึงได้กลับคืนเป็นกลางวันอีกครั้ง หวังหลินมองขึ้นไปเห็นวังวนเหลือเพียงสามแห่งเท่านั้น!
เทียนหยุนมองดูอย่างตื่นเต้นอยู่ในค่ายกล เขาดูเหมือนรอคอยเวลานี้มานาน สายตามองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนทะเลอันกว้างใหญ่ ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความบ้าคลั่ง
…………………………………………………