Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2052 ต่อสู้กับซ่งเทียน!
“หวังหลิน!! เป็นหวังหลินจริงๆ!!!” เสียงคำรามดังออกมาจากสำนักต้าวยี่และมีความโกรธเกรี้ยวออกมาจากน้ำเสียงนั้นด้วย
นอกจากความโกรธเกรี้ยวยังมีสัมผัสความหวาดกลัวและหวาดหวั่น หากพูดถึงการเผชิญหน้ากับหวังหลิน ต้าวยี่ไม่มีวันลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหวังหลวงของเผ่าเทพ ตอนนั้นหวังหลินทรงพลังอยู่แล้วและตอนนี้ได้เป็นมหาชั้นฟ้าอีก เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหวังหลินในตอนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน!
ตะวันมหาชั้นฟ้าดวงยักษ์ที่มีขนาดลำดับสองรองจากกุ้ยต้าวได้เผยความแข็งแกร่งของหวังหลินออกมาด้วย!
‘เขายังไม่ได้เข้าไปในแดนเทพบรรพกาล…กลับได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าจากความแข็งแกร่งของตัวเอง!!’ ในแคว้นทางทิศเหนือ หวู่เฟิงตกอยู่ในภวังค์พลางจ้องมองท้องฟ้าอยู่นาน
ภายในสำนักตะวันม่วง สองสาวน้อยเต็มไปด้วยความสุข ทั้งสองจับแขนกันพลางมองไปยังท้องฟ้า
“เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า…”
ณ ภูเขาจักรพรรดิในเมืองหลวง มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้มองไปยังทิศของเผ่าโบราณ จิตใจเต้นสั่น ใบหน้าซีดเซียวและไม่แน่ใจ
‘ตอนที่เขาอยู่ในวังหลวง ได้สร้างเค้าโครงดวงตะวันขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ได้ศีรษะบรรพชนเทพไป…ดวงตะวันดวงนี้มีสามสี ดำ ขาวและทอง สีทองน่าจะมาจากการผสานศีรษะบรรพชนเทพ…’
‘ปกติมันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่ที่เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า แต่…เพียงแค่ร้อยปี เขาก็หลอมศีรษะบรรพชนเทพได้แล้ว!!’
‘และช่วงเวลาที่เขากลายเป็นมหาชั้นฟ้า…’ จิ่วตี้จิตใจสั่นเทา เขาเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงเรื่องวิญญาณ 72 ดวงเกิดความโกลาหล เขาคิดถึงสายตาจากก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะเชื่อมกับหวังหลินในการเป็นมหาชั้นฟ้า
จิ่วตี้เผยความหวาดหวั่นและพึมพำกับตัวเอง “มันน่าจะ…เป็นไปไม่ได้!!”
ไฮ่จื่อนั่งอยู่มุมหนึ่งของภูเขาจักรพรรดิพลางมองบนท้องฟ้าด้วยสายตาอันซับซ้อนและเผยประกายแห่งความเข้าใจ
ทางด้านเมืองหลวง ใต้วังหลวงลงไป เหลียนต้าวเฟยผู้ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภูเขายังคงนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว
ในเผ่าโบราณ เกิดความโกลาหลขึ้นในภูเขาต้นกำเนิดแห่งอาณาเขตฉี ซ่งเทียนมีสีหน้าขมขื่น แม้เขาจะเห็นแล้วตอนที่ส่งมารโบราณออกไปและเตรียมการเอาไว้ จิตใจยังคงสั่นไหวอยู่ดี
ณ เมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ซวนลั่วสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลิน รอยยิ้มประทับบนใบหน้า เขามีความสุขมากและหัวเราะเสียงดัง
ณ แคว้นหลัวจู้ บนท้องฟ้าเหนือพระราชวัง หวังหลินสะบัดแขนให้ดวงตะวันมหาชั้นฟ้าสามสีของเขาเลือนหายไป ทว่าเงาดวงตะวันมหาชั้นฟ้ายังคงอยู่ในท้องฟ้าไปตลอดกาลเป็นสัญลักษณ์ของเขาในการเป็นมหาชั้นฟ้า
โลกกลับคืนสู่ปกติพร้อมกับพลังแห่งกฎค่อยๆ เลือนหายไป ลำแสงหลายเส้นลอยออกมาจากพระราชวังและคนที่อยู่ข้างหน้าสุดคือองค์ชายจี้ตู
เขาระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ พลันคุกเข่าลงตอนที่หวังหลินอยู่ห่างไปหนึ่งพันฟุตและพูดออกมาเสียงดัง
“ยินดีด้วยพ่อบุญธรรม ท่านได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้าแล้ว!!”
“ยินดีท่านหวัง!” เบื้องหลังจี้ตู น้องสาวและสามีของนางพูดขึ้นด้วยความเคารพ ทั้งหมดไม่สามารถซ่อนความตกตะลึงในดวงตาได้และคุกเข่าลงหนึ่งข้างเบื้องหน้าหวังหลิน
หากจี้ตูทำท่าทางเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงต้องทำตาม
“เราขอคารวะท่านหวัง!” หลังจากทั้งสามคนพูดขึ้น เหล่าองครักษ์ทั้งหมดในวังจึงคุกเข่าลงหนึ่งข้างและโค้งให้แก่หวังหลิน
น้ำเสียงสอดประสานกันเป็นคลื่นเสียงดังกึกก้องทั่วราชวัง
หวังหลินลอยอยู่ในอากาศและมองดูผู้คน มองดูองค์ชายจี้ตูและคู่รักชายหญิงด้วยรอยยิ้ม เขาสงบนิ่งพลางมองมารโบราณที่แข็งค้างและก้าวเดินเข้าไปหา
หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้ามารโบราณ ยกแขนซ้ายขึ้นมาชี้ใส่กลางหน้าผากของมัน มารโบราณตัวสั่นและเผยท่าทีเจ็บปวดรุนแรง ลำแสงสีดำสายหนึ่งลอยออกมาและหายเข้าไปในสายลม มารโบราณไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป จิตใจของมันฟื้นคืนกลับมา มันหันมองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวและคร่ำครวญ มันสามารถขยับได้อีกครั้งจึงได้คุกเข่าลงและก้มศีรษะให้หวังหลิน
“จี้ตู ข้าจะพาเจ้าไปเจอซ่งเทียน!” หวังหลินก้าวไปบนศีรษะมารโบราณและมองมาที่จี้ตู
จี้ตูร่างสั่นเทาและหันขึ้นมามองทันที เขามิอาจระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้พลางมองหวังหลินและเผยความขอบคุณ
“ขอบคุณพ่อบุญธรรมที่ช่วยเหลือ!!” จี้ตูสูดหายใจลึกและทะยานมาถึงศีรษะมารโบราณ เขายืนอยู่ด้านหวังหลินอย่างเคารพ แผ่นหลังนี้ไม่ใหญ่แต่รู้สึกเหมือนขุนเขา ตราบใดที่เขามีแผ่นหลังนี้ช่วยเหลือ เขาก็จะกลายเป็นจักรพรรดิฉีได้!!
มารโบราณตัวยักษ์ไม่จำเป็นต้องให้หวังหลินออกคำสั่ง มันส่งเสียงร้องพลางพาหวังหลินและจี้ตูข้ามทะยานผ่านรอยแยกไป
เมื่อมันหายไป รอยแยกในท้องฟ้าค่อยๆ ปิดลงจนกลายเป็นเส้นสีขาวและหายไปเช่นกัน
ด้านนอกภูเขาต้นกำเนิดในอาณาเขตฉี เมื่อหวังหลินลบล้างสัมผัสวิญญาณที่อยู่บนมารโบราณ ซ่งเทียนเกิดอาการสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแต่ก็ฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว
เขาถือขวานสงครามขนาดยักษ์ไว้ในมือด้วยใบหน้ามืดมน สายตามองบนท้องฟ้า ลมหายใจกระชั้นชิด รู้ว่าสิ่งที่เขาทำจะทำให้หวังหลินมาที่นี่
‘แม้ข้าไม่ได้ลงมือทดสอบหวังหลินก่อนหน้านี้ เขาก็ยังมาที่นี่เพื่อสั่งให้จี้ตูเป็นจักรพรรดิคนถัดไปอยู่ดี!’ ซ่งเทียนถอนหายใจ เขาไม่มั่นใจในใจการเอาชนะเลย แต่ในฐานะมหาชั้นฟ้า เขาจะไม่ยอมแพ้ถ้าไม่ได้ต่อสู้!
บนภูเขาต้นกำเนิด พลันมีเสียงดังสนั่นกึกก้องและมีหมอกควันโอบล้อมภูเขา คล้ายกับมีกองทัพขนาดใหญ่อยู่ภายในกำลังเปล่งจิตสังหารอันทรงพลัง
‘ด้วยค่ายกลต้นกำเนิดและขวานสงครามที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวมอบให้ แม้เขาจะมีพลังในการควบคุมกฎ ข้าก็ยังพอสู้ได้บ้าง!’ ซ่งเทียนสูดหายใจลึกและรอคอยการมาถึงของหวังหลินอย่างใจเย็น
ฉีหมานที่อยู่ด้านหลังมีท่าทีขมขื่นและขบคิดอย่างเงียบๆ
พริบตาเดียวเวลาหนึ่งก้านธูปก็ได้ผ่านไป มีเสียงดังสนั่นกึกก้องออกมาจากท้องฟ้า ปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่ฉีกขึ้นมา ควันสีดำรั่วไหลออกมาจำนวนมากและมีมารโบราณโผล่ขึ้นมา
บนศีรษะมันมีคนสองคนยืนอยู่ นั่นคือหวังหลินและจี้ตู!
ซ่งเทียนหันมามองหวังหลินทันที ขณะเดียวกันสายตาของฉีหมานก็สบสายตากับจี้ตู
ซ่งเทียนสะบัดแขนและพูดอย่างเย็นเยียบ “หวังหลิน!!”
หวังหลินยิ้มพลางคำนับฝ่ามือ “ขอคารวะ ท่านซ่ง”
“ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม เรามาสู้กัน หากเจ้าชนะ ข้าจะให้จี้ตูเป็นจักรพรรดิคนถัดไปในอีกร้อยปี!” ซ่งเทียนถอนหายใจ เขาไม่พูดว่าถ้าเขาชนะจะให้ทำอะไร เขาสะบัดแขนซ้ายให้กองทัพในสายหมอกรอบภูเขาส่งเสียงคำรามดุดันและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
ขณะเดียวกันซ่งเทียนคว้าจับขวานและฟาดฟันใส่หวังหลิน!
มหาชั้นฟ้าซ่งเทียนแข็งแกร่งกว่าต้าวยี่ ทรงพลังเท่าหวู่เฟิง หากหวังหลินต้องต่อสู้กับซ่งเทียนเมื่อร้อยปีก่อน ชัยชนะคงไม่แน่นอน เขาคงต้องใช้พลังทั้งหมดยกเว้นร่างอวตารในมิติว่างเข้าต่อสู้
แต่ตอนนี้…
หวังหลินเผชิญหน้ากับกองทัพมากมายและขวานแยกสวรรค์ด้วยท่าทีสงบนิ่ง หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาและชี้ออกไปสามครั้ง
เพียงชี้ไปครั้งแรก เสียงดังสนั่นออกมาจากกองทัพที่กำลังพุ่งหาหวังหลิน กองทัพได้หายไปราวกับฟองน้ำ ดุจชนเข้ากับม่านที่มองไม่เห็น
นี่คือสิ่งที่ฉีหมานและจี้ตูเห็น แต่ในสาสยตาของซ่งเทียน เขาเห็นกฎแห่งโลกปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากองทัพ
หลังจากกองทัพหายไป การชี้ครั้งที่สองของหวังหลินได้ทำให้หมอกควันรอบภูเขาแตกสลายไปกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนและจางหายไป ทั่วทั้งภูเขาสั่นไหว เหล่าคนทรงพลังของอาณาเขตฉีที่ทำการเปิดใช้งานค่ายกลอยู่ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทั้งหมดและร่างกายอ่อนแอ
ซ่งเทียนรู้สึกหนังศีรษะด้านชาแต่อดทนและเผยสายตาเยือกเย็น เขายังคงถือขวานสงครามและฟันลงใส่หวังหลิน
นาทีนั้นหวังหลินชี้เป็นครั้งที่สาม
กำปั้นลวงตาปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าซ่งเทียน กำปั้นนี้ประกอบไปด้วยเส้นเบาบางที่เป็นตัวแทนของกฎแห่งโลก เข้าปะทะกับขวานของซ่งเทียน
เกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง ขวานในมือแตกออกทีละนิ้วก่อนจะแตกสลายเป็นเศษละอองนับไม่ถ้วนตกลงบนพื้น กำปั้นแห่งกฎก็สั่นเทาเช่นกันและถูกแบ่งออกเป็นครึ่ง
ซ่งเทียนกระอักโลหิตและถอยร่นไปพันฟุตจนกระทั่งร่อนลงบนภูเขาต้นกำเนิด ทั้งภูเขาสั่นเทาและเกิดรอยแตกร้าว
มือขวาหวังหลินหยุดกึก บนนิ้วมือปรากฏอักขระสีขาวแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายผิวให้แตก
‘ขวานสงครามมีกฎแฝงเอาไว้…’ หวังหลินมองเศษเสี้ยวขวานสงครามจากระยะไกล สองมือยื่นออกมา เศษเสี้ยวลอยเข้าหาหวังหลินและผสานกันกลายเป็นขวานสงครามที่สมบูรณ์
“เจ้ายังต้องการต่อสู้อีกหรือไม่?” หวังหลินส่งสายตาไปยังซ่งเทียน
“ทำไมจะไม่สู้!?” ซ่งเทียนหัวเราะและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พลันยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นเข้าใส่ภูเขาต้นกำเนิดด้านล่าง
ทั่วทั้งภูเขาสั่นเทาและดูเหมือนลอยขึ้นมา คล้ายกับถูกซ่งเทียนยกขึ้นไปบนฟ้า!
ลำแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากภูเขา พวกเขาคือคนที่อาศัยอยู่บนภูเขา รวมถึงฉีหมานที่มองดูทุกอย่างด้วยความหวาดกลัว
ลำแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากวังหลวงและมุ่งหน้าเข้ามาที่นี่!
………………………………………………………….