Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2055 แยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ!
“ข้าคือเผ่าโบราณ ข้าถือกำเนิดก่อนที่โลกจะเกิดขึ้นมาและดำรงชีวิตก่อนที่โลกจะเริ่มหมุน อย่างไรก็ตามก่อนหน้าข้ายังมีเหล่าเทพ ในเมื่อพวกเทพต้องการให้ข้าเป็นทาสรับใช้ ข้าก็จะทำลายพวกมัน!”
“หากข้าล้มเหลว ลูกหลานข้าจะเป็นศัตรูกับพวกเทพไปชั่วชีวิตจนกว่าจะไม่มีเทพเหลืออยู่!”
“โลหิตวิญญาณทั้งเก้าหยด ข้ามอบให้แก่ลูกชายข้าสามคนเพื่อชี้นำเผ่าโบราณ เมื่อเก้าบทเพลงสามสัญญาณปรากฏ จงรอคอยการเกิดใหม่ของข้า รอผู้สืบทอดของข้าปรากฏ…”
หวังหลินนั่งอยู่ในอารามบรรพชน ร่างกายเหี่ยวแห้งคล้ายกับซากศพ เสื้อผ้าสีขาวลู่ลงและดูเหมือนแค่พาดทับกับร่างกาย
ในใจของหวังหลินนั้นเสียงนี้ดังกึกก้องอยู่ในใจมาห้าร้อยปี ตอนแรกเป็นเพียงแค่เสียงพึมพำ แต่พอเวลาผ่านไปเสียงกลับรุนแรงขึ้นราวกับเสียงคำราม
ตอนนี้เหมือนมีคนกำลังคำรามใส่หูเขาอย่างต่อเนื่อง เจตจำนงฝืนลิขิตสวรรค์และความไม่ยินยอมในน้ำเสียงนี้ทำให้โลหิตของหวังหลินเดือดพล่าน
ร่างกายเขาไม่สามารถอดทนได้อีกและเริ่มเหี่ยวแห้ง ตอนนี้เขาจึงเหมือนกับซากศพ
ทว่าหวังหลินกลับดูไม่อ่อนแอลงไปเลย ทั้งยังมีพลังชีวิตและความแข็งแกร่งอันน่าตกตะลึง ราวกับว่าเมื่อร่างกายหวังหลินฟื้นคืนมาจนถึงจุดที่เขาเข้ามาอารามบรรพชนช่วงแรกๆ พลังอำนาจในร่างกายจะเพิ่มพูนระดับขึ้นจนน่าหวาดกลัว
บททดสอบที่สามของเผ่าโบราณมีอยู่สามหายนะ ต่อจากหายนะโลหิตสวรรค์เผ่าโบราณก็คือหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ! หลังจากเอาชีวิตรอดผ่านไปได้ จะมีพลังโบราณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
หลายคนในเผ่าโบราณที่บรรลุ 27 ดาวและกลายเป็นระดับสูงขึ้นจะได้พบกับสามบททดสอบเจ็ดหายนะ โดยเฉพาะสองหายนะสุดท้ายของบททดสอบที่สามจะเกิดขึ้นในอารามบรรพชนเท่านั้น
แต่เพราะความแตกต่างของแต่ละคน พลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นและโชควาสนาจึงต่างกัน
ช่วงเวลาห้าสิบปีหวังหลินยังคงนั่งอยู่ตรงนี้จนแทบไม่เคลื่อนไหว เขาปล่อยให้เสียงดังกึกก้องในใจ และเมื่อองค์ชายจี้ตูจากไปแล้วหวังหลินจึงรู้สึกถึงหายนะที่สองของบททดสอบที่สามได้มาถึง
เสียงคำรามในใจเขารุนแรงยิ่งขึ้น โลหิตในร่างกายเกิดความปั่นป่วน ความร้อนปะทุขึ้นมาและแผ่กระจายทั่วร่าง
“หายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ…” หวังหลินพึมพำ จากการศึกษาแผ่นหินจารึก หวังหลินได้รู้มาว่าหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณไม่ใช่เป็นการแยกวิญญาณดั้งเดิมออกเป็นสามส่วน
แต่เขากลับต้องอดทนการแยกและการผสานอย่างสมบูรณ์ถึงสามครั้ง หวังหลินต้องอดทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลในแต่ละครั้งและต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมหาศาลในการผสานวิญญาณกลับเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดการแยกครั้งที่สอง
หลังการผสานในแต่ละครั้ง วิญญาณดั้งเดิมและร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก และเมื่อเขาอดทนจนครบสามครั้ง เขาก็จะรอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้
ในหายนะนี้ไม่ทำให้เกิดความตาย กุญแจสำคัญคือเวลาในการอดทน ยิ่งอดทนนานเท่าใดยิ่งได้รับประโยชน์มหาศาลมากเท่านั้น
ความเจ็บปวดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะอดทนได้ แม้แต่คนในตระกูลราชวงศ์ก็ยังทนได้ไม่นาน คนส่วนใหญ่รอให้วิญญาณแยกขาดออกจากกันได้สมบูรณ์ไม่ไหวและมักจะเลือกผสานกลางทาง ทำให้โชควาสนาที่ได้รับแตกต่างกัน
‘ระหว่างการแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ จะสามารถเลือกผสานในตอนไหนก็ได้…’ หวังหลินมีดวงตาส่องสว่าง
นับตั้งแต่ยุคโบราณได้มีคนที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้หายนะนี้จะไม่ทำให้ตาย หากทำให้วิญญาณดั้งเดิมสลายได้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถผสานกลับไปได้ ก็อาจทำให้เกิดการตายขึ้นได้!
ดังนั้นแม้ทางตระกูลราชวงศ์และผู้คนที่มีความตั้งใจได้เลือกเส้นทางนี้ หากลองก็คงแค่เสี่ยงเดิมพันในช่วงการแยกครั้งแรกเท่านั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่กล้าเดิมพันชีวิตตัวเองระหว่างการแยกครั้งที่สอง
ยิ่งน้อยเข้าไปอีกที่มีคนเดิมพันครั้งที่สามและส่วนใหญ่ก็ตายเกือบหมด
ลือกันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเท่านั้นที่ได้เลือกสลายอย่างสมบูรณ์และทำได้สำเร็จ
หากเอาหายนะที่สองมาเทียบกับหายนะที่สามคงไม่ถือว่าเป็นหายนะจริงๆ คำอวยพรแห่งบรรพชนโบราณแท้จริงแล้วเป็นรางวัลจากบรรพชนโบราณ
บางทีคงเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำ บางทีคงเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ หรือบางทีอาจจะเป็นเศษโลหิตบรรพชนที่บริสุทธิ์ยิ่ง…และมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นโลหิตวิญญาณ…
อย่างไรก็ตามโอกาสอันน้อยนิดนั้นเป็นเพียงแค่ข่าวลือและเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังคิดขึ้นมา ต้องกล่าวว่าแม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ยังไม่ได้โลหิตวิญญาณระหว่างคำอวยพรบรรพชนโบราณเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามลือกันว่าสิ่งที่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวได้มาเป็นสิ่งพิเศษ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร
หวังหลินสูดหายใจลึก ร่างกายเริ่มสั่นเทาและโลหิตเดือดพล่าน ความเจ็บปวดพวยพุ่งและผสานเข้ากับเสียงคำรามในใจ ผสานเข้าไปในพลังลึกลับที่ห่อหุ้มทั่วร่าง ขณะเดียวกันหวังหลินสัมผัสได้ชัดเจนว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังเริ่มสัญญาณการแตกสลาย
‘ในที่สุด…มันก็เริ่ม!!’ หวังหลินพลันมองขึ้นไปด้วยสายตาสงบนิ่ง เขารอคอยวันนี้มาห้าสิบปี! เขาจะได้โลหิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ลี่มู่หวานเข้าไปในแดนเทพบรรกาลได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทุกอย่างนี้!
วิญญาณดั้งเดิมมีรอยแตกร้าวมากขึ้นและเกิดความเจ็บปวดเกินจินตนาการตามมา ทว่าระดับความเจ็บปวดนี้หวังหลินยังสามารถอดทนได้
แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
‘เพื่อให้ได้โลหิตวิญญาณมา ข้าต้องอดทนต่อหายนะที่สองเพื่อดูว่ามันจะไปสุดที่ตรงไหน!’ สายตาหวังหลินมีความเด็ดขาดและความมุ่งมั่น เขาหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่ออดทนต่อหายนะ!
ตอนที่หวังหลินกำลังอยู่ในช่วงหายนะที่สอง ระลอกคลื่นวงกลมปรากฏขึ้นด้านนอกอารามบรรพชน ระลอกคลื่นเหล่านี้แผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศและปกคลุมทั่วเมืองหลวงอาณาเขตฉีเกือบทั้งหมด
ปรากฎการณ์ประหลาดนี้ทำให้ทุกคนในอาณาเขตฉีให้ความสนใจทันที
“รูปปั้นบรรพชนโบราณกำลังปลดปล่อยวงแหวน มีคนกำลังเผชิญหายนะ!”
“จากวงแหวนทั้งเก้าแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นหายนะที่สองแห่งบททดสอบที่สาม นี่น่าจะเป็นแยกวิญญาณแรก! หากเป็นครั้งที่สอง จะเป็นวงแหวน 18 วง”
“น่าแปลกนัก อารามบรรพชนไม่เคยเปิดให้คนเข้าไปแม้แต่คนเดียว ผู้คนมักจะต้องรอจนกว่าราชวงศ์รวบรวมผู้ที่จะทดสอบได้หลายคนก่อนถึงจะเปิดอารามบรรพชน”
“แต่ที่ผ่านมาข้าไม่ได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้เลย”
“ข้าสงสัยจริงว่ามีกี่คนที่กำลังเผชิญหายนะและสามารถผ่านไปได้นานแค่ไหน ปกติแล้วมันจะจบลงในไม่กี่วันหรอก”
ผู้คนในอาณาเขตฉีไม่ประหลาดใจเรื่องวงแหวนบนรูปปั้นบรรพชน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคยเห็นมาก่อนและหลังจากมองดูไม่กี่ครั้งก็ไม่ให้ความสนใจอีก
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือตอนที่วงแหวนทั้งเก้าปรากฏขึ้น จักรพรรดิฉีและจี้ตูมองเข้ามากันอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ห้าสิบปี…ในที่สุดเขาก็เริ่มแยกวิญญาณครั้งแรก…ชักสงสัยเสียแล้วว่าเขาจะอดทนได้นานแค่ไหน ในอาณาเขตฉีมีบางคนใช้เวลาเป็นปีในการแยกครั้งแรกเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ หวังหลินจะทำได้หรือไม่” จักรพรรดิฉีมองดูอยู่สักพัก จากนั้นจึงถอนสายตา
จี้ตูยืนอยู่ข้างประตูห้อง สายตามองออกไปไกล ภรรยาเขาอยู่ข้างๆ ต่างก็มองไปยังทิศทางนั้นเช่นกัน
“พ่อบุญธรรม…” จี้ตูพึมพำ ภรรยาเข้ามากุมมือและมองดูเขาอย่างอ่อนโยน
นาทีนี้เองบนภูเขาต้นกำเนิด ซ่งเทียนเดินออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ สองมือไพล่หลัง มองไปยังทิศที่มีเมืองหลวง
‘ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาแล้ว จะต้องเลือกแยกวิญญาณให้สมบูรณ์ในครั้งแรกแน่นอน ดังนั้นช่วงเวลาอดทนไม่น่าจะสั้นมาก…ช่างมันเถอะ ตอนที่เขาปิดด่านบ่มเพาะก่อนหน้านี้ ข้าได้ลงมือไปสองครั้ง แม้ต่อมาข้าได้ยอมรับจี้ตูเป็นจักรพรรดิ ข้าก็ไปล่วงเกินเขาก่อน…หลังจากเขามาถึงก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา…ข้าจะคุ้มกันเขาช่วงแยกวิญญาณครั้งแรกเป็นการตอบแทนก็ได้’ ซ่งเทียนทะยานขึ้นไปในอากาศและหายตัวไป เขาปรากฏตัวอยู่นอกอารามบรรพชนและนั่งโดยหันหลังไปทางอาราม
“ไม่อนุญาตให้เข้ามาอารามบรรพชนภายในระยะหมื่นฟุต ผู้บุกรุกจะต้องตาย!” ซ่งเทียนส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไป
หวังหลินกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของการแยกวิญญาณ พลันสัมผัสถึงการมาถึงของซ่งเทียนและคำพูดของเขา ดังนั้นจึงรู้ว่าซ่งเทียนมีเจตนาจะคุ้มกันเขา
หวังหลินสูดหายใจลึกและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณให้ซ่งเทียน
“ขอบคุณมาก!”
“ไม่ต้องหรอก ข้าเพียงแค่คุ้มกันเจ้าช่วงแยกวิญญาณครั้งแรกเพื่อชดใช้ที่ข้าไปล่วงเกินเจ้า” ซ่งเทียนไม่ได้หันกลับมาแต่มองไปยังท้องฟ้า หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงหลับตาลง
ชั่วจังหวะที่หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณกลับมา ร่างกายเกิดการสั่นเทาและมองขึ้นไป แม้จะทุกข์ทรมานกับการแยกวิญญาณครั้งแรก แต่ต้องขอบคุณระดับบ่มเพาะตอนนี้จึงสามารถสัมผัสร่างหนึ่งที่กำลังมองเข้ามาได้
หวังหลินคุ้นเคยกับร่างนั้นเป็นอย่างดี
“อาจารย์…” หวังหลินพึมพำ เขารู้ว่าอาจารย์คงไม่ออกมาจากอาณาเขตเต๋าโดยไม่มีเหตุผล อาจารย์เขามาที่นี่เพราะต้องการปกป้องเขาตอนที่เขาอ่อนแอที่สุดในช่วงระหว่างการอดทนต่อหายนะ
ซวนลั่วอยู่ในท้องฟ้า สายตามองลงมาที่เมืองหลวงอาณาเขตฉีและรูปปั้นบรรพชนโบราณ เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลินเบาบางออกมาจากอารามบรรพชน
ทันใดนั้นใบหน้าเผยรอยยิ้ม สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
‘เจ้าแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ไปแล้ว สิ่งเดียวที่อาจารย์ทำได้คือคุ้มกันในช่วงที่เจ้าอ่อนแอ’
……………………………………………………..