Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2057 ล้มเหลว
บางคนในเผ่าโบราณเชื่อกันว่าบรรพชนโบราณไม่ได้ตายและยังมีชีวิตอยู่! คนส่วนใหญ่เชื่อว่าถึงแม้บรรพชนโบราณจะตาย แต่จิตวิญญาณยังอยู่ที่นี่!
จิตวิญญาณของบรรพชนโบราณยังคงอารักขาทั้งสามอาณาเขต ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ประหลาดระหว่างการทดสอบในอารามบรรพชนจะอธิบายได้อย่างไร? และเรื่องคำอวยพรจากรูปปั้นบรรพชนโบราณจะอธิบายได้แบบไหน?
วงแหวนที่ปรากฏขึ้นรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณตอนที่มีคนกำลังอยู่ระหว่างหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ช่วงระหว่างแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ ตอนที่การแยกวิญญาณครั้งแรกปรากฏขึ้นมา วงแหวนเก้าวงจะปรากฏขึ้นรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณ ช่วงการแยกครั้งที่สองจะเกิดวงแหวนขึ้นสิบแปดวง และช่วงการแยกวิญญาณครั้งที่สามจะเกิดขึ้นทั้งสิ้นยี่สิบเจ็ดวง!
ยามนี้ในเมืองหลวง ภายนอกรูปปั้นบรรพชนโบราณ วงแหวนสิบแปดวงกำลังเรืองแสงและมีระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ดึงดูดสายตาทุกคนในเมืองให้มองมาที่นี่
ซ่งเทียนยืนอยู่นอกเมืองห่างออกไปหมื่นฟุต สายตามองวงแหวนสิบแปดวง เขาขบคิดเงียบๆ ชั่วครู่ก่อนจะจากไป สามปีก่อนเขามาที่นี่เพื่อชดใช้สิ่งที่เขาทำลงไปและเพื่อให้จิตใจตัวเองเกิดความสงบ
ตอนนี้เขาคุ้มครองหวังหลินมาแล้วสามปี แม้จะไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ที่นี่ เขาก็ตัดสินใจได้แล้ว หากหวังหลินเผชิญกับอันตรายในระหว่างสามปี เขาจะออกไปช่วยแน่นอน
เมื่อการแยกวิญญาณครั้งแรกสมบูรณ์ เขารู้สึกว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่อีกต่อไป เขากลับสู่ภูเขาต้นกำเนิดโดยไม่หันกลับมา หยุดให้ความสนใจต่ออารามบรรพชนและเริ่มบ่มเพาะต่อไป
หวังหลินสัมผัสถึงการจากไปของซ่งเทียนได้ชัดเจน ขณะที่เขานั่งอยู่ในอารามบรรพชน รูปเงาด้านบนตัวเขานั้นมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก แม้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เขาสัมผัสว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน!
ด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ แม้แต่จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยมันก็ยังน่าตกตะลึง!
‘หากแต่ละครั้งที่ข้าผ่านหายนะนี้ได้อย่างไร้ที่ติและได้โลหิตวิญญาณมา…เมื่อข้ากลับไปยังสะพานย่ำสวรรค์อีกครั้งจะสามารถผ่านสะพานที่สี่ได้หรือไม่?’ หวังหลินพึมพำกับตัวเอง
หวังหลินสูดหายใจลึก ดวงตาเปล่งประกายพลางมองร่างเงาที่อยู่เหนือศีรษะ
‘แยกวิญญาณครั้งแรกใช้เวลาสามปี ชั่วจังหวะสุดท้ายแทบเหมือนความตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเจตจำนงอันแน่วแน่ของข้าแล้วข้าคงหวาดกลัวจนไม่สามารถผสานกลับเข้าด้วยกันได้…’
‘แยกสามวิญญาณเต๋าโบราณเกี่ยวข้องกับพลังแห่งจิตใจ…แต่ก็มีโชควาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย…’ หวังหลินขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีน้อยคนที่เลือกจะแยกวิญญาณอย่างสมบูรณ์
โชควาสนาอาจจะมาครั้งเดียวหรืออาจได้ถึงสอง แต่สามครั้งในคราเดียว…อาจเป็นไปไม่ได้
‘เช่นนั้นครั้งที่สองนี้…’ หวังหลินหลับตา จากนั้นสักพักจึงลืมตาขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น
‘โชควาสนาก็สำคัญ แต่หากเจตจำนงทรงพลังมากพอจนเหนือกว่าทุกอย่าง แบบนั้นก็สำเร็จได้เช่นกัน!’ หวังหลินสร้างผนึกและปรากฏภาพเงาขึ้นเหนือศีรษะ เขาหลับตาลงอีกครั้ง!
ชั่วจังหวะที่หลับตา ร่างเงาเหนือศีรษะสั่นเทาและเกิดรอยแตกร้าวบางๆ ขึ้น การแยกวิญญาณครั้งที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ซวนลั่วลอยอยู่ในท้องฟ้า สายตามองลงมาด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงและคุ้มกันศิษย์ของตนต่อไป
ในใจของเขา ถึงแม้อาณาเขตเต๋าจำเป็นต้องให้เขาปกป้อง แต่ศิษย์เขาที่ตกอยู่ในความอ่อนแอระหว่างการแยกวิญญาณนี้ก็ต้องการให้เขาปกป้องเช่นกัน
พริบตาเดียวเวลาผ่านไปอีกสามปี
วงแหวนสิบแปดวงเหนือเมืองหลวงอาณาเขตฉีราวกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมือง หลายคนราวกับคุ้นชินกับมันไปแล้ว
แม้พวกเขายังให้ความสนใจต่อวงแหวน ความอยากรู้อยากเห็นกลับค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่คาดเดาเอาไว้ในใจ
คาดเดาว่าคนผู้นี้จะอดทนต่อการแยกวิญญาณครั้งที่สองได้นานแค่ไหน
หลังจากสามปีผ่านมา มันก็ได้ผ่านไปอีกสามปี!
เวลาผ่านมาทั้งสิ้นหกปีนับตั้งแต่ที่วงแหวนสิบแปดวงล้อมรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณ ซึ่งทำให้เมืองหลวงสว่างสดใสไม่มีแตกต่างระหว่างกลางคืนและกลางวัน
แม้แต่ในยามค่ำคืน แสงจากวงแหวนยังส่องสว่างไปทั่วทั้งวังหลวง
สิบปีมาแล้วนับตั้งแต่ที่การแยกวิญญาณครั้งที่สองเริ่มขึ้น เด็กหนุ่มที่เกิดในช่วงเวลานี้ต่างก็คิดว่าท้องฟ้าในเมืองหลวงเป็นแบบนี้เสมอ
ข่าวลือเรื่องการแยกวิญญาณสิบปีค่อยๆ แผ่กระจายไปยังเผ่าโบราณ ผู้คนจากอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตจวี่ต่างก็เข้ามาดู
วันเวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ร่างเงาส่วนศีรษะแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์ หวังหลินกำลังทุกข์ทนกับความเจ็บปวดเกินจินตนาการแต่เขาก็ยังอดทนอยู่ได้
เศษเสี้ยวที่มองไม่เห็นต่างก็แตกหักลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกมันกลายเป็นฝุ่นผงไป สิ่งที่เป็นตัวแทนการแยกวิญญาณครั้งที่สองก็จะแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์
จักรพรรดิฉีล้มเลิกความคิดในหัวและหยุดให้ความสนใจรูปปั้นบรรพชนโบราณ เขาเพ่งสมาธิไปที่การชี้นำจี้ตูเพื่อสืบทอดบัลลังก์อย่างช้าๆ
เหลือเวลาไม่ถึงสี่สิบปีจนกว่าจี้ตูจะได้สืบทอดบัลลังก์ สำหรับคนทั่วไปช่วงเวลาสี่สิบปีนับว่าเป็นครึ่งชีวิตเข้าแล้ว แต่สำหรับเผ่าโบราณ แม้จะยาวนานแต่ก็ไม่มากอะไรนัก
ขณะที่จี้ตูค่อยๆ ได้ควบคุมความลับหลายอย่างของอาณาเขตฉี เวลาก็ได้ผ่านไปอีกสามปี
หวังหลินแยกวิญญาณครั้งที่สองไปถึงสิบสามปี! ครึ่งปีก่อนมีแรงกดดันทรงพลังแผ่กระจายออกมาจากอารามบรรพชนและก่อเกิดพลังแปลกประหลาด พลังนี้หยุดยั้งสัมผัสวิญญาณและทุกคนไม่ให้เข้ามา!
ซวนลั่วมองลงมาจากท้องฟ้าด้วยความกังวล แม้แต่สัมผัสวิญญาณของเขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เขาสัมผัสได้อีกว่าแม้แต่การเดินเข้าไปในอารามบรรพชนก็ยังถูกพลังสายนี้ล้อมรอบเอาไว้
พลังอำนาจนี้เป็นของบรรพชนโบราณและออกมาจากโลหิตวิญญาณ!
ตอนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบนอารามบรรพชน ซ่งเทียนที่เดิมทีต้องการทำเป็นเมินเฉยพลันลืมตาขึ้น เขามองมาทางอารามบรรพชนด้วยความสงสัย
ปีที่สิบสามผ่านไปและปีที่สิบสี่เข้ามาเยือน
เมื่อพลังลึกลับได้แผ่กระจายออกมา กลิ่นอายของหวังหลินเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือตาย แม้แต่เจตจำนงที่คงอยู่ช่วงการแยกวิญญาณครั้งแรกก็ไม่สามารถตรวจจับได้
สัญญาณเดียวที่บ่งชี้ว่าหวังหลินยังไม่ตายคือวงแหวนสิบแปดวงที่ยังอยู่รอบรูปปั้นบรรพชนโบราณ
ไม่มีใครรู้ว่าเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนจากการแตกสลายร่างเงาของหวังหลินนั้นได้สลายกลายเป็นฝุ่นผงไปเมื่อหกเดือนก่อนแล้ว
ทว่าหลังจากแตกสลายไป เขากลับไม่สามารถผสานพวกมันได้อีกครั้ง หวังหลินใช้เจตจำนงอันทรงพลังเพื่อพยายามผสานมันอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
เจตจำนงของเขาค่อยๆ อ่อนแอลงหลังจากผสานไปหลายครั้ง ตอนนี้จึงอ่อนแอยิ่ง พลังชีวิตทั้งหมดของเขาหมดไปแล้วและมีเจตจำนงเหลือเพียงส่วนน้อยนิดเพื่อให้เขาได้ผสานกันอีกครั้ง
ละอองแสงจำนวนมากรวมกันเพื่อก่อเกิดเป็นร่างเงา แต่ไม่นานนักก็ไม่มั่นคงและแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงจนเลือนหายไป
นี่เป็นครั้งที่สิบสามแล้ว!
หวังหลินใช้เจตจำนงที่เหลืออยู่น้อยนิดเพื่อเริ่มการผสานครั้งที่สิบสี่โดยไม่มีสัมผัสวิญญาณ ละอองแสงจำนวนมากควบแน่นในปีที่สิบสี่ผ่านไป
ปีที่สิบห้าเข้ามาเยือน
เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับวงแหวนสิบแปดวงรอบรูปปั้นบรรพชน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่เคยชินกับวงแหวนต่างก็เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งเมือง
แม้แต่จักรพรรดิฉีที่ไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ยังต้องออกมาจากห้องและมองรูปปั้นบรรพชนโบราณและสูดหายใจลึก
จี้ตูทะยานขึ้นสู่อากาศและมองเข้ามาด้วยความเคร่งเครียด เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
ซ่งเทียนยืนอยู่บนยอดเขาต้นกำเนิด สีหน้าท่าทางไม่แน่นอน
วงแหวนหนึ่งในสิบแปดวงพลันหมองหม่นและไม่นานนักก็แตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วน
เป็นผลให้เหลือวงแหวนรอบรูปปั้นเพียงแค่สิบเจ็ดวงเท่านั้น!
“วงแหวนแตกสลาย นี่…มันเกิดอะไรขึ้น!?”
“หรือว่าการแยกวิญญาณครั้งที่สองจะล้มเหลวและเขาตายไปแล้ว? ไม่เช่นนั้นวงแหวนก็ไม่ควรแตกสลายหายไป!”
“ข้าจำได้แล้ว! ตอนนั้นข้าได้ยินว่าการแยกสามวิญญาณไม่ใช่ว่าอยู่ไปได้ตลอดและมันมีเวลาจำกัด เป็นไปได้ว่าคนผู้นี้บรรลุมาถึงช่วงเวลาขีดสุดของแยกวิญญาณครั้งที่สอง?”
เสียงการถกเถียงกันดังขึ้นในเมืองหลวง
‘หวังหลินมาถึงช่วงเวลาสูงสุดของแยกวิญญาณครั้งที่สอง หากวงแหวนทั้งหมดหายไปและเขารวบรวมวิญญาณดั้งเดิมกลับคืนมาไม่ได้ วิญญาณของเขาก็จะหายไป!’ ซ่งเทียนสูดหายใจลึกพลางมองอารามและขมวดคิ้ว
ซวนลั่วที่อยู่ในท้องฟ้าเองก็มองดูอยู่เช่นกัน สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป เขารู้เหตุผลที่วงแหวนกำลังหายไปจึงพุ่งเข้าหาอารามบรรพชนอย่างไม่ลังเล
ซ่งเทียนรู้นานแล้วว่าซวนลั่วอยู่ตรงนั้นแต่เขาก็ไม่ได้เผยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา พอเขาเห็นร่างซวนลั่วจึงลังเลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หยุดยั้ง
ซวนลั่วมาถึงเบื้องหน้าอารามบรรพชนโบราณในทันที ก้าวขาเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งตีกลับออกมาและกระทบกับร่างซวนลั่ว เขาไม่สามารถเข้าไปข้างในและถูกขวางไว้ด้านนอก
ตอนนี้วงแหวนที่สอง สาม สี่…จนถึงวงแหวนที่สิบเอ็ดได้หายไปทีละวง!
……………………………………………………..