Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2060 ฟ้าดิน
“จุดเพลิง พลังแห่งราชวงศ์!”
เสียงน่าตกตะลึงดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง ทั่วทั้งวังถึงกับเงียบสนิทและทุกคนจับจ้องไปที่ลานกว้าง สายตาทุกคู่หยุดอยู่ที่คนสวมชุดคลุมสูงศักดิ์เบื้องหน้าเตาหลอม
จี้ตูดูไม่เหมือนชายหนุ่มอีกแล้วแต่เปล่งความเป็นผู้ใหญ่ เขายืนมองท้องฟ้าพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นในสองหู
ท้องฟ้าสีครามและกระจ่างสดใส สายลมพัดหวิวเบาๆ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง
เบื้องหน้าเขาคือเตาหลอมขนาดใหญ่ ก้านธูปรอให้จุดเป็นเพลิง
ตอนนี้เขากำลังถูกทุกคนในวังเฝ้าดูและรวมถึงทุกคนในเมืองหลวง แม้แต่คนที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาในเมืองหลวงก็ได้รับการจัดแจงจากจ้าวเมืองของตัวเองและมองมาทางเมืองหลวงกันทั้งหมด
กระทั่งในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋าและอาณาเขตจวี่ หลายคนต่างมองทะลุเข้ามาทางเมืองหลวงอาณาเขตฉี
‘จักรพรรดิฉี…พ่อบุญธรรม ข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิในอีกไม่นาน!’ จี้ตูมองบนท้องฟ้าและส่งสายตาไปที่รูปปั้นบรรพชนโบราณ เขาสูดหายใจลึกและสะบัดแขนเสื้อ เปลวเพลิงรุนแรงปรากฏขึ้นรอบเตาหลอมและก้านธูปถูกจุดขึ้นมา
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” เสียงดังขึ้นทั่ววังหลวง ทุกคนคุกเข่าลงหนึ่งข้าง มีเพียงพ่อของจี้ตูที่ยืนอยู่ในวังและมองมาทางจี้ตู
ควันสีเขียวลอยขึ้นไปในอากาศจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก้อนเมฆแตกกระจายและมีเสียงดังสนั่นออกมาจากเบื้องบน รอยแยกขนาดยักษ์เปิดออกในท้องฟ้าและมีเสียงดังกึกก้องจากภายใน
มันคือเทพโบราณตัวยักษ์สูงเกือบแสนฟุต ด้านข้างยังเป็นปิศาจโบราณและมารโบราณ พวกมันแบกกลองยักษ์ก้าวเดินออกมาจากท้องฟ้าและลอยอยู่ในอากาศ
ร่างจี้ตูสั่นเทาและทะยานขึ้นสู่อากาส พอเขาอยู่ข้างกลองศึกจึงโยนกำปั้นออกไปโดยไม่ลังเล
ปัง!
เสียงกลองดังคะนองและเริ่มกึกก้อง แผ่กระจายออกไปจากวังหลวง เข้าสู่เมืองและดังไปทั่วอาณาเขตฉี
“คำนับครั้งที่หนึ่ง!” เสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์ดังออกมาอีกครั้งและเหล่าคนในอาณาเขตทุกคนต่างก็โค้งตัว
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” น้ำเสียงสอดประสานกันกลายเป็นคลื่นเสียงทรงพลังและยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จากทุกมุมเมือง
ทุกเมืองในอาณาเขตฉีต่างก็ส่งเสียงเดียวกัน!
ปัง!
จี้ตูกระแทกมือขวาลงไปบนหน้ากลองจนเกิดเสียงดังครั้งที่สอง
“คำนับครั้งที่สอง!”
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” น้ำเสียงยิ่งรุนแรงมากขึ้นและเข้ามาแทนที่เสียงทุกอย่างในโลก กลายเป็นเสียงที่แข็งแกร่งที่สุด
“พ่อบุญธรรม ลูกได้กลายเป็นจักรพรรดิแล้ว!” จี้ตูตีกลองเป็นครั้งที่สาม
เสียงกลองดังกึกก้องในอารามบรรพชน หวังหลินนิ่งเฉยและหลับตา วินาทีนั้นเขาได้เห็นโลกตามที่หวัง
ท้องฟ้ามืดมน พื้นดินพร่าเลือนจากม่านหมอก มองเห็นแค่เพียงพื้นที่ถูกทิ้งเป็นซากปรักหักพังมาไม่รู้นานแค่ไหน
หวังหลินก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่มีสายตาสับสน เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปบนพื้นดินหรือมิติแห่งไหน สายตามองไปรอบๆ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดินมาได้ไกลเพียงใด บางทีคงเป็นวัน บางทีอาจเป็นปีหรืออาจทั้งชีวิต…จนกระทั่งวันหนึ่งภูเขาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!
หิมะสีรุ้งตกอยู่บนภูเขาและเขาเห็นร่างอันคุ้นตาผู้นั้น เขากำลังกอดร่างอีกคนและส่งเสียงคำรามสู่ท้องฟ้า
เรือนผมยาวไม่โดดเด่นจากหิมะสีรุ้งและพริ้วไปกับสายลม
พอหวังหลินเห็นร่างนี้ หัวใจจึงหยุดเต้นและลมหายใจถี่ขึ้น เขาไม่ได้มองร่างนั้นแต่สายตามองไปยังร่างที่ถูกกอด
อย่างไรก็ตามเขากลับเห็นเพียงเรือนผมสีดำ บอกไม่ได้ว่าร่างนั้นเป็นหญิงหรือชาย ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดพร้อมกับพุ่งเข้าหาภูเขาอย่างเต็มที่
กระนั้นแม้จะเดินไปข้างหน้าได้นานแค่ไหนก็ดูเหมือนเข้าไปใกล้ภูเขาไม่ได้สักทีและเห็นแค่เพียงรูปร่างของร่างตรงหน้า ราวกับมีแม่น้ำที่มิอาจข้ามได้กั้นขวางระหว่างเขาและภูเขา
เสียงคำรามรุนแรงยิ่งขึ้น เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้น ท้องฟ้าเผยสัญญาณการพังทลายอีกครั้ง ราวกับเสียงคำรามมีพลังการทำลายล้างโลกแห่งนี้
เสียงดังเข้าหูหวังหลินและทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนเสียดแทง ความเจ็บปวดเทียบไม่ได้กับที่เขาเจอระหว่างการแยกวิญญาณเลย แต่สำหรับเขาแล้วมันเหมือนความเจ็บปวดที่มากที่สุดในโลกนี้
“ฟ้าและดิน!!” ร่างบนภูเขาเงยศีรษะและร้องคำราม!
“อยู่บนจุดสูงสุดแห่งฟ้าดินจะมีค่าอะไร!?”
“ถูกทุกคนนับถือจะมีค่าอะไร!?!”
“หากโลกเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ทำลายมันเสีย!?!”
“หากชีวิตเป็นแบบนี้ ทำไมไม่หายไปซะ!?!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะใช้วิธีของตัวเองทำให้ฟ้าหลับตา ทำให้ปฐพีนิทรา ทำให้แม่น้ำในนรกไหลย้อนกลับ ทำให้วัฏจักรเกิดใหม่หยุดชะงัก ทำให้โลก…ไม่มีอยู่อีกต่อไป!!!”
น้ำเสียงกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จิตใจหวังหลินสั่นเทา ร่างกายแตกสลายอย่างรวดเร็วราวกับกำลังโดนเตะออกไปจากที่นี่
ชั่วจังหวะที่ร่างกายเลือนหายไป เขาเห็นร่างที่กำลังกอดอีกร่างอยู่ได้เหยียบย่ำสวรรค์ ท้องฟ้าพังทลาย นำพาร่างกายหายเข้าไปในท้องฟ้าที่พังทลายไปแล้ว
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมาทันที เสียงยังคงดังอยู่ในหูและเขายังอยู่ในอารามบรรพชน ร่างกายแห้งเหี่ยวคล้ายกับเน่าเปื่อย วิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองมาที่เขา
ท้ายที่สุดเขาก็ยังมองร่างนั้นได้ไม่ชัดนัก แม้แต่เสียงยังคงพร่าเลือนอย่างสิ้นเชิง ฟังดูคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน
รอบด้านเงียบมากแต่ยังมีคำว่า “ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!” ดังออกมาจากด้านนอกเบาๆ
แต่หวังหลินไม่สนใจทั้งหมดนี้ สายตาเต็มไปด้วยความสับสนอยู่สักพักก่อนจะหายไป เขาพยายามฝืนหยุดคิด แต่ก็เป็นเรื่องยากมาก ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหยุดคิดเรื่องนี้ได้
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เขาต้องทำให้ตัวเองคิดเรื่องอื่น ไม่เช่นนั้นความคิดนี้จะฝังรากลึกและทำให้เขาแตกสลาย
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…” หวังหลินพึมพำพลางกัดฟันแน่น เขาชี้ไปที่วิญญาณดั้งเดิมของตัวเองให้มันเปล่งประกายเจิดจ้า ทั่วทั้งอารามบรรพชนถูกห่อหุ้มอยู่ในแสงอันทรงพลังนี้
ภายในแสง ร่างเงาวิญญาณดั้งเดิมของเขาเริ่มขยายออกไปจนครอบคลุมทั่วทั้งอาณาเขต มันไม่หยุดแค่นั้นและห่อหุ้มทั้งอารามบรรพชนจนขยายไปถึงรูปปั้นบรรพชนโบราณ
ภายในวังหลวง เสียงกลองยังคงดังกึกก้อง
“คำนับครั้งที่เก้า!”
“ขอคารวะ ท่านจักรพรรดิ!!” ขณะที่เสียงของเหล่าประชาชนผสานกลายเป็นเสียงคำรามดังสนั่น แสงอันเจิดจ้าได้เปล่งออกมาจากรูปปั้นบรรพชนโบราณ
จี้ตูที่กำลังยืนอยู่ในท้องฟ้าพลันหันศีรษะกลับมามองรูปปั้นบรรพชนโบราณที่มีวงแหวน 27 วงส่องประกาย ขณะเดียวกันมีร่างเงาหนึ่งขยายออกมาและปกคลุมรูปปั้นไปครึ่งตัว
“พ่อบุญธรรม!” จี้ตูตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นสายตาเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนรูปปั้นบรรพชนได้ พวกเขาเห็นร่างเงาเข้าครอบคลุมรูปปั้นในชั่วพริบตาและมีขนาดเดียวกับรูปปั้น!
ร่างเงาเข้าทับซ้อนกับรูปปั้นแต่เมื่อเป็นเช่นนั้นรูปลักษณ์ของบรรพชนโบราณจึงได้เปลี่ยนไปและดูเหมือนหวังหลิน
ซึ่งเป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินขยายออกปกคลุมรูปปั้นบรรพชนโบราณทั้งหมด!
ซวนลั่วเผยรอยยิ้มมีความสุขอยู่บนท้องฟ้า ‘แยกสามวิญญาณเต๋าโบราณ ในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ!! ชักสงสัยเสียแล้วว่าเขาจะได้สมบัติแบบใดจากบรรพชนโบราณ…’
ณ ภูเขาต้นกำเนิด ซ่งเทียนไม่ได้ให้ความสนใจกับพิธีของจี้ตู เขามองมาที่รูปปั้นบรรพชนโบราณเช่นกันและมีความคิดเดียวดังกึกก้องอยู่ในใจ
‘เขาจะได้รับพรอะไรจากบรรพชนโบราณ…’ ซ่งเทียนมองออกไป
ขณะที่ทุกคนมองมา แม้แต่พิธีของจี้ตูก็ยังหยุดชะงัก วงแหวน 27 วงรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณได้เปล่งประกายเจิดจ้าและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
วงแหวนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเกิดระลอกคลื่นในอากาศเสียงดังกึกก้อง จากนั้นท้องฟ้าจึงเปลี่ยนสี!
เก้าบทเพลงดังสนั่นทั่วเมืองหลวงอาณาเขตฉี!
เสียงเพลงนี้ไพเราะยิ่งและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นมาและมีแสงน่ากลัวตกลงมาจากฟากฟ้า จากนั้นลำแสงสีแดงเบาบางค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นจนย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงโลหิต!
นี่คือหยดโลหิต!
หยดโลหิตเปล่งกลิ่นอายแห่งวิญญาณ และเมื่อปรากฏขึ้นมา ทั่วทั้งเมืองหลวงอาณาเขตฉีจึงเงียบสนิท!
‘โลหิตวิญญาณ!!’ วินาทีที่ซ่งเทียนเห็นโลหิต เขาจึงเกิดความตกตะลึงและไม่เชื่อกับตาตัวเอง!
‘นี่มันโลหิตวิญญาณ! โลหิตวิญญาณสามหยดสามารถสร้างเผ่าโบราณขึ้นมาได้ เขาได้มาหนึ่งหยดก่อนหน้านี้แล้วและตอนนี้…ก็เป็นหยดที่สอง!’ ซวนลั่วสูดหายใจลึก แม้แต่เขาก็ไม่คิดว่าหวังหลินจะได้โลหิตวิญญาณหยดที่สอง!
………………………………………………………..