Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 2062 ต่อสู้เพื่ออันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินเซียนดารา!
- Home
- Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน
- ตอนที่ 2062 ต่อสู้เพื่ออันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินเซียนดารา!
นอกจากตัวหวังหลินเอง ไม่มีใครรู้ว่าเขาข้ามสะพานมาแล้วกี่แห่ง แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ไม่สามารถสัมผัสได้ชัดเจน
เขาจะรู้ได้หลังจากหวังหลินเดินเข้าสู่สะพานย่ำสวรรค์แห่งที่ห้าเท่านั้น! ส่วนหวังหลินจะผ่านสะพานที่หกได้หรือไม่ เขาเองก็ไม่ทราบเพราะขีดจำกัดของเขาคือสะพานที่ห้า
รอบภูเขาเกิดระลอกคลื่นอยู่หลายเดือน และเมื่อมันหายไป หวังหลินจึงก้าวเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง
หวังหลินไม่ได้ดูแตกต่างจากหลายเดือนก่อนมากนัก แต่หากมองใกล้ๆ คงจะพบว่าหวังหลินดูเหมือนคนธรรมดา ไม่มีสัญญาณระดับบ่มเพาะที่เคลื่อนไหวภายในร่างกายเลย
หวังหลินสวมเสื้อสีขาวตัวยาวและยืนอยู่ด้านนอกแอ่งน้ำ สายตามองกลับไปที่เผ่าโบราณ ต่อมาจึงหันกลับ เปลี่ยนเป็นลำแสงและมุ่งหน้าสู่เผ่าเทพในอีกด้านหนึ่งของทะเลอันกว้างใหญ่!
‘เหลียนต้าวเฟย ข้าสัญญาในตอนนั้นว่าข้าจะกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อช่วยเจ้า! หากเจ้าอยากออกมาจะไม่มีใครบนแผ่นดินเซียนดาราที่สามารถหยุดข้าได้’
‘หากเจ้าเลือกเป็นจักรพรรดิเทพ เช่นนั้นเจ้าจะเป็นจักรพรรดิเทพที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่นิทราอีกต่อไป!’
‘รวมถึงซือถู ฉิงชุ่ย ฉือซาน จงเฟยเจิน ผีเสื้อสีชาด…พวกเจ้าทั้งหมดที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดาราและในเมื่อไม่มีใครอยู่ในเผ่าโบราณ พวกเจ้าก็ต้องอยู่ในเผ่าเทพ คราวนี้ข้าจะหาทั้งหมดเจอได้อย่างแน่นอน!’
‘และยังมี…ลี่เฉียนเหมย…’ หวังหลินเผยท่าทีซับซ้อน สิ้นเสียงถอนหายใจ หวังหลินเร่งความเร็วขึ้นร้อยเท่าเพื่อข้ามผ่านระยะทางอันกว้างไกล
‘สุดท้าย ข้าจะกลับไปสำนักเจ็ดเต๋า กลับไปยังโลกถ้ำ กลับไปดาวซูซาคุ ที่นั่นคือบ้านของข้า’
ระหว่างทางหวังหลินไม่หยุดชะงักเลย เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็มาถึงชายขอบทะเลที่ซึ่งก่อเกิดเป็นกำแพงพายุทะเลอันกว้างใหญ่
พายุส่งเสียงดังจนได้ยินไปไกลแสนไกล เพียงเข้าใกล้ยังเห็นรอยแยกอวกาศมากมายก่อตัวขึ้นมาจากการหมุนมาแล้วสองร้อยปี
กำแพงพายุยังมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาด้วย
กลิ่นของทะเลมีความหนาแน่นและส่งเสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์ หวังหลินยืนมองกำแพงพายุอยู่ตรงนั้นและมีประตูที่เกิดจากเสาทั้งเก้ากำลังส่องประกาย
เขารู้ว่าประตูบานนี้จะเปิดขึ้นในอีกสามร้อยปี เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะกลับมาพร้อมกับลี่มู่หวานและเข้าไป เขาจะใช้พลังแห่งการเกิดใหม่เพื่อฟื้นคืนชีพลี่มู่หวานและทำให้นางหนีพ้นจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่!
“บางทีข้าคงจะรู้ความจริงที่นั่น…” หวังหลินพึมพำและกำลังจะข้ามผ่านกำแพงพายุไป ทว่าในขณะที่เขายกเท้าขึ้น สายตาแหงนมองขึ้นไป
ท้องฟ้ามืดสนิทจากทะเลที่หมุนอย่างต่อเนื่อง เสียงดังสนั่นจนไม่มีเสียงอื่นใด
ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หวังหลินมองบนท้องฟ้าและล้มเลิกความคิดที่จะจากไป เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังรอคอยบางอย่าง
สิบลมหายใจต่อมาเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากท้องฟ้า เสียงเล็กแหลมและกลบเสียงทะเลจนหมด ทั่วทั้งบริเวณเกิดการสั่นเทา
รอยแยกขนาดใหญ่พลันเปิดออกมาในท้องฟ้า สายหมอกจำนวนมากรั่วไหลออกมาและแผ่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ขณะเดียวกันมีร่างเลือนลางร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาจากสายหมอกด้วย
หวังหลินยังมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาเฝ้าดูหมอกปกคลุมท้องฟ้าที่มืดมิดจนกระทั่งทั่วบริเวณมีแต่สายหมอก พอร่างหนึ่งก้าวออกมาจากข้างใน หวังหลินเอ่ยขึ้น “กุ้ยต้าว!”
ร่างในสายหมอกค่อยๆ ก้าวเดินออกมาแต่ยังคงอยู่ในสายหมอกและเอ่ยเสียงแหบพร่า “หวังหลิน!”
ภาพเหตุการณ์นี้มีความหมายที่สำคัญยิ่งต่อแผ่นดินเซียนดารา มันคือการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้ทรงพลังที่สุดสองคนบนแผ่นดินเซียนดารา
ทั้งสองคนล้วนอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ระดับย่ำสวรรค์และนี่เป็นครั้งแรกที่สองสายตาประสานกัน
ส่วนตอนที่พวกเขาอยู่บนภูเขากุ้ยต้าว เนื่องจากระดับบ่มเพาะแตกต่างกันจึงมิอาจเทียบกับตอนนี้ได้
ร่างในสายหมอกขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้ากำลังมา?”
หวังหลินยืนสงบนิ่ง เสื้อผ้าพริ้วไหวไปกับสายลม เรือนผมส่วนหนึ่งพัดปลิวพร้อมกับเขาพยักหน้าให้กับร่างในสายหมอก
กุ้ยต้าวขบคิดอีกนานก่อนจะถอนหายใจและพูดขึ้น “ครั้งที่สองเจ้าข้ามผ่านสะพานย่ำสวรรค์ไปกี่แห่ง?”
“นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร” หวังหลินยิ้มและมีท่าทีสงบนิ่ง
กุ้ยต้าวพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าสามารถฆ่าเย่ต้าวผู้เป็นลูกหลานของบรรพชนโบราณได้ เจ้าสามารถแต่งตั้งใครก็ได้ให้เป็นจักรพรรดิคนใหม่ตามอำเภอใจได้ และเจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าชอบในเผ่าโบราณ…แต่เจ้าจะออกไปจากเผ่าโบราณไม่ได้!!”
“ทำไมข้าจะออกไปจากเผ่าโบราณไม่ได้?” หวังหลินมีแววตาเป็นประกาย
“เจ้าออกไปไม่ได้ เว้นแต่ข้าจะหยุดเจ้าไม่ได้” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาจาในสายหมอก
“ข้าจะหยุดเจ้าให้อยู่ในเผ่าโบราณไปอีกสามร้อยปี เมื่อแดนเทพบรรพกาลเปิดออก เจ้าจะไปไหนก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ”
หวังหลินขบคิดและพูดขึ้น “ข้าขอคำอธิบาย!”
กุ้ยต้าวส่งเสียงมืดมน “ไม่มีคำอธิบาย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไหน เจ้าต้องอยู่หรือไม่ก็เอาชนะข้าให้ได้!”
หวังหลินขมวดคิ้วพลางมองร่างที่อยู่ในสายหมอก
“บนภูเขากุ้ยต้าว ข้ายืมแรงกดดันของเจ้าเพื่อผสานพลังเทพและพลังโบราณ…นี่คือเรื่องที่หนึ่ง”
“ในเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า ข้าสังหารเย่ต้าว ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าตอนนั้นแม้เจ้าลงมือ ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ แต่เจ้าก็เงียบ นี่เป็นเรื่องที่สอง!”
“ในอาณาเขตฉี จี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิและเจ้าก็ไม่หยุด นี่เป็นเรื่องที่สาม!”
“ในชีวิตข้า ข้าตอบแทนคนที่มีความเมตตากับข้าเสมอ และเพราะเจ้าช่วยข้าถึงสามครั้ง ข้าจะอยู่ที่นี่ไปอีกร้อยปีโดยไม่ขอเหตุผล แต่ส่วนที่เหลืออีกสองร้อยปี ข้าจะไป!” หวังหลินพูดขึ้น
ร่างในสายหมอกขบคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงตอบกลับมา
“ร้อยปียังไม่พอ…เจ้าต้องอยู่จนกว่าแดนเทพบรรพกาลจะเปิด…หวังหลิน ข้าไม่อยากสู้กับเจ้า ข้าไม่ได้สู้กับคนอื่นมานานมากแล้ว”
“ข้าแค่ต้องการให้เจ้าอยู่ไปอีกสามร้อยปี หลังจากนั้นเจ้าค่อยไป ข้ายังมีของตอบแทนให้เจ้าด้วย!” กุ้ยต้าวส่งเสียงแหบพร่าดังออกมาจากในสายหมอก
หวังหลินเองก็ไม่ต้องการสู้กับกุ้ยต้าวเช่นกันเนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อนข้างซับซ้อน หวังหลินไม่มีเหตุผลให้ต้องสู้เว้นแต่กุ้ยต้าวจะทำให้เขาอยู่ต่อโดยไม่มีการต่อรอง
หวังหลินถามขึ้นทันที “ข้ามีคำถาม ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าก็สามารถกวาดล้างทั่วแผ่นดินเซียนดาราได้ง่ายๆ ทำไมถึงยังยอมให้เผ่าเทพมีตัวตนอยู่?”
กุ้ยต้าวครุ่นคิดอยู่นาน นี่เป็นคำถามที่หลายคนในเผ่าโบราณตั้งไว้และก็เป็นคำถามเดียวกันที่เหล่าคนในเผ่าเทพคิดขึ้นมาเช่นกัน
ไม่มีใครรู้คำตอบและไม่มีใครกล้าถามกุ้ยต้าว
หลังจากนั้นสักพัก กุ้ยต้าวเอ่ยเสียงดังออกมาจากสายหมอก “พรที่ข้าได้จากบรรพชนโบราณ…ไม่เหมือนกับของเจ้า”
หวังหลินมองกุ้ยต้าว ขบคิดและเหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง
“พอแล้ว หวังหลิน เจ้าจะสู้กับข้าหรืออยู่ต่อ ไม่มีทางเลือกที่สาม!” หมอกรอบกุ้ยต้าวเริ่มปั่นป่วน เสียงดังสนั่นผสานกับเสียงจากทะเลจนก่อเกิดเป็นแรงกดดันทรงพลัง
“หากเจ้าต้องการสู้ เช่นนั้นก็สู้!” หวังหลินมองขึ้นไป ดวงตาเปล่งประกายเจิดเจ้า ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นเขาก็อยากเห็นแล้วว่าใครกันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
นี่คงเป็นการต่อสู้ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารานับตั้งแต่ที่มีบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ! เป็นการต่อสู้ระหว่างสองคนที่อยู่บนจุดสูงสุด!
กุ้ยต้าว ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดารา เขาก้าวข้ามบนสะพานย่ำสวรรค์ได้นานแล้วหลายปีก่อน แม้ยังติดอยู่บนสะพานที่หก แต่พลังการต่อสู้ของเขานับว่าพิเศษและเป็นคนเดียวที่สามารถสังหารมหาชั้นฟ้าได้หลายคน!
ด้านหวังหลินนั้นมีการผสานพลังจากฝั่งเทพและฝั่งโบราณ ระดับบ่มเพาะไม่สมบูรณ์ดีนักแต่เพียงแค่ร่างแก่นแท้ที่สมบูรณ์ทั้งสองร่าง เขาก็สามารถก้าวสู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นย่ำสวรรค์ได้แล้ว เขาไม่รู้ว่าเมื่อแก่นแท้นามธรรมสมบูรณ์แบบเขาจะพุ่งไปถึงระดับขั้นไหน!
หวังหลินยังมีร่างอวตารในมิติว่าง เขาได้มันมานานหลายร้อยปีแล้วและมันยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหวังหลินผสานกับมันจะสามารถระเบิดพลังอันน่าหวาดกลัวได้อย่างมหาศาล
รอบร่างกุ้ยต้าวมีสายหมอกปั่นป่วนและเกิดเสียงดังสนั่น มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก้าวเดินออกมา สายหมอกรอบตัวส่งเสียงคำรามและแผ่กระจายจนก่อเกิดเป็นอสูรหมอกขนาดยักษ์ ส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์
อสูรหมอกตัวนี้ดูแปลกประหลาดและมีเก้าหัว มันดูเหมือนจื่อเฉียงที่เขาเห็นตอนที่อยู่ในดินแดนเทพโบราณ!
หัวทั้งเก้าส่งเสียงคำรามและเผยท่าทีดุดัน แต่ขณะเดียวกันมันเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ ราวกับอสูรตัวนี้มีจิตวิญญาณและอยู่มานานมาก
มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวชี้นิ้วออกไป ดัชนีปกคลุมอยู่ในหมอกแต่มีประกายเย็นเบาบางออกมา
เพียงเท่านั้นทั่วบริเวณเกิดการเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าหวังหลิน ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเส้นเบาบางนับไม่ถ้วนรวมถึงพื้นปฐพีด้วย ทั่วโลกปรากฏไปด้วยกฎ
เส้นเบาบางแห่งกฎเหล่านี้เหมือนถูกควบคุมและเริ่มพุ่งเข้าหาหวังหลิน แม้แต่แสงสายฟ้าและเหล่าวิชาจากธาตุทั้งห้ายังปรากฏขึ้นและกระหน่ำใส่หวังหลินทั้งหมด!!
ขณะที่ทุกอย่างพุ่งเข้าหา เหล่าวิชาได้ควบแน่นกลายเป็นดัชนียักษ์ซึ่งมีพลังทำลายล้างมหาศาลและชี้ไปที่หน้าผากหวังหลิน!
…………………………………………………….